ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ธนบัตรแบบแรกที่ประเทศไทยเริ่มนำออกใช้อย่างเป็นทางการ



(D)


ธนบัตรแบบที่ ๑ ธนบัตรแบบแรกของประเทศไทยที่นำออกใช้ ครั้งแรกรวม ๕ ชนิดราคา โดยมีชนิดราคา ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ๑๐๐ บาท ๑๐๐๐ บาท ได้ว่าจ้างบริษัท โทมัส เดอ ลา รู เป็นผู้จัดพิมพ์ โดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ เป็นมูลค่าของธนบัตรที่พิมพ์ขึ้นในครั้งนี้รวมทั้งสิ้น ๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท...
นำออกใช้ตามประกาศในวันที่ ๗ กันยายน พศ.๒๔๔๕ และออกใช้ติดต่อกันหลายครั้งจนถึงปีพศ.๒๔๔๘ จึงเปลี่ยนแบบของธนบัตรใหม่ เมื่อเริ่มมีการนำธนบัตรออกใช้ในปีพศ.๒๔๔๕ นั้นโดยเหตุที่เหรียญกระษาปณ์ชนิดราคา ๑ บาท ที่หมุนเวียนอยู่ในมือของประชาชนยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก จึงไม่มีความจำเป็นที่จะนำชนิดราคา ๑ บาทออกใช้ในขณะนั้น...ครั้นต่อมาในปีพศ.๒๔๕๙ ราคาแร่เงินได้เริ่มสูงขึ้น และสูงมากกว่าราคาที่ตราไว้บนหน้าเหรียญจนมีส่วนต่างมากพอที่จะหลอมเหรียญและส่งไปขายต่างประเทศในรูปแบบของเนื้อเงินแท่ง ประกอบกับเงินชนิดราคา ๑ บาท เป็นเงินที่ท้องตลาดมีความต้องการสูงมาก รัฐบาลเห็นความจำเป็นจึงพิมพ์ชนิดราคา ๑ บาทออกใช้ในเวลาต่อมา...
ภาพที่ ๑ แบบแรกพิมพ์หน้าเดียว
ภาพที่ ๒ ธนบัตรแบบที่ ๑ รุ่นที่๒ ชนิดราคา ๕๐ บาท ที่ทางการแก้ไขจากธนบัตรชนิดราคา ๑ บาท

โดยคุณ tanakiton (1.5K)  [ศ. 17 เม.ย. 2552 - 05:42 น.]



โดยคุณ tanakiton (1.5K)  [ศ. 17 เม.ย. 2552 - 05:43 น.] #596908 (1/21)


(D)


ธนบัตรแบบที่ ๒ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๑ ยุติลงในปีพศ.๒๔๖๑ แล้ว แม้ว่าการติดต่อระหว่างทวีปยุโรปจะสามารถดำเนินไปได้ก็ตาม แต่ประเทศต่างๆในทวีปยุโรปก็ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูและบูรณะประเทศของตนให้อยู่ในสภาพดีดังเดิม ซึ่งก็เป็นเวลาที่รัฐบาลไทยต้องการที่จะเปลี่ยนแบบของธนบัตรใหม่ ในระหว่างปีพศ.๒๔๖๔และปีพศ.๒๔๖๕ จึงได้ติดต่อกับบริษัทผู้รับพิมพ์ธนบัตรในต่างประเทศหลายราย ให้เข้ามายื่นประมูลราคาค่าพิมพ์ธนบัตรแล้วก็ปรากฎว่า บริษัท โทมัส เดอ ลา รู เสนอราคาค่าพิมพ์ต่ำสุด รัฐบาลจึงทำสัญญาว่าจ้างบริษัทโทมัส เดอ ลา รู ให้พิมพ์ธนบัตรแบบที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม พศ.๒๔๖๖ มีด้วยกันทั้งสิ้น ๖ ชนิดราคาได้แก่ ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ๑๐๐ บาทและ ๑๐๐๐ บาท ได้นำธนบัตรชนิดราคา ๑ บาท ออกประกาศใช้เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคมพศ.๒๔๖๘ และทยอยนำธนบัตรชนิดราคาอื่นๆออกประกาศใช้ในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พศ.๒๔๖๘ ธนบัตรแบบที่ ๒ ประชาชนนิยมเรียกรุ่นนี้ว่า “ธนบัตรแบบไถนา”

โดยคุณ tanakiton (1.5K)  [ศ. 17 เม.ย. 2552 - 05:44 น.] #596909 (2/21)


(D)


ธนบัตรแบบที่ ๓ ธนบัตรแบบที่ ๒ ซึ่งได้ใช้ในปีพศ.๒๔๖๘ นั้นเป็นเวลาก่อนที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจะเสด็จสวรรคตเพียง ๕ เดือน...ดังนั้นการนำธนบัตรแบบที่ ๒ ออกใช้จนครบทุกชนิดราคาตามที่สั่งพิมพ์เข้ามาจนถึงปีพศ.๒๔๗๑ นั้นนับเป็นเวลาที่อยู่ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว เพื่อเป็นการเตรียมการล่วงหน้าก่อนที่ธนบัตรแบบที่ ๒ ที่สั่งพิมพ์เข้ามาจะหมดลงในปีพศ.๒๔๗๑ และเนื่องจากมีการเปลี่ยนรัชกาลใหม่แล้ว ทางการจึงดำริที่จะเปลี่ยนแบบใหม่ด้วย จึงได้พิจารณาทำสัญญาว่าจ้างให้บริษัทโทมัส เดอ ลา รู พิมพ์ธนบัตรให้กับรัฐบาลต่อไปและติดต่อกันเป็นเวลานาน ๑๐ ปี ธนบัตรแบบที่ ๓ มีชนิดราคาได้แก่ ชนิดราคา ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท และ ๒๐ บาท
หลังจากที่ได้ทยอยนำธนบัตรแบบที่ ๓ ชนิดราคา ๑๐ บาท ๑ บาทและ ๕ บาท ออกใช้ในตอนต้นของปีพศ.๒๔๗๗ รวม ๓ ชนิดราคาแล้ว ขณะที่ทางการเตรียมจะนำชนิดราคา ๒๐ บาท ออกใช้เป็นอันดับต่อไป ก็เป็นเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จไปประทับที่ประเทศอังกฤษเพื่อรักษาพระเนตรนั้น ทรงประกาศสละราชสมษํติเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม พศ.๒๔๗๗ ดังนั้นหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นรัชกาลที่ ๘ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์แล้ว กระทรวงการคลังจึงยังคงนำธนบัตรชนิดราคา ๒๐ บาทออกใช้ในวันที่ ๗ กันยายน พศ.๒๔๗๘ ต่อมาในปีพศ.๒๔๗๙ กระทรวงการคลังจึงได้เปลี่ยนพระบรมฉายาลักษณ์เสียใหม่ เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนันทมหิดล และนำธนบัตรชนิดราคา ๑๐ บาท ออกใช้เป็นครั้งแรกของรัชกาลที่ ๘ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม พศ.๒๔๗๙ ดังนั้น ธนบัตรแบบที่ ๓ ที่เปลี่ยนพระบรมฉายาลักษณ์ใหม่นี้จึงนับเป็นธนบัตรแบบที่ ๓ รุ่นที่ ๒...
ภาพที่ ๑ ธนบัตรแบบที่ ๓ รุ่นที่ ๑
ภาพที่ ๒ ธนบัตรแบบที่ ๓ รุ่นที่ ๒

โดยคุณ tanakiton (1.5K)  [ศ. 17 เม.ย. 2552 - 05:45 น.] #596910 (3/21)


(D)


ธนบัตรแบบที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชสมบัติในวันที่ ๒ มีนาคม พศ.๒๔๗๗ ในขณะนั้นกระทรวงการคลังยังคงใช้ธนบัตรแบบที่ ๓ ที่สั่งพิมพ์ไว้ในรัชกาลที่ ๗ เพียงแต่เปลี่ยนพระบรมฉายาลักษณ์เสียใหม่เป็นรัชกาลที่ ๘ เท่านั้น...

กระทรวงการคลังจึงติดต่อให้บริษัทโทมัส เดอ ลา รู จัดพิมพ์ธนบัตรแบบใหม่ขึ้น ๕ ชนิดราคาคือ ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท และ ๑๐๐๐ บาท เป็นรูปแบบที่ ๔ ประกาศใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคมม พศ.๒๔๘๑ ชนิดราคา ๑ บาทนำออกมาใช้ก่อนและทยอยนำธนบัตรชนิดราคา ๕ บาท ๑๐ บาทออกใช้ในปีต่อมา...
ในขณะที่กระทรวงการคลัง พึ่งจะทยอยนำธนบัตรแบบที่ ๔ ออกใช้ได้เพียง ๓ ขนิดราคาโดยยังไม่ทันจะนำธนบัตรชนิดราคาสูงออกใช้นั้น ก็เป็นระยะเวลาที่เหตุการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในทวีปยุโรป ซึ่งเป็นสาเหตุของการประกาศสงครามโลกครั้งที่ ๒ ในเดือน กันยายน พศ.๒๔๘๒ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นประเทศไทยยังคงใช้ชื่อ ประเทศสยาม รัฐบาลได้พิจารณาเห็นว่าประชาชนของประเทศมีเชื้อชาติและเรียกตนเองว่าเป็นชาวไทย จึงน่าจะเป็นการสมควรที่จะใช้ชื่อของประเทศให้สอดคล้องต้องตามเชื้อชาติและความนิยมของประชาชน จึงได้เปลี่ยนจากประเทศสยามมาเป็นประเทศไทย ธนบัตรแบบที่ ๔ ที่ใช้ชื่อรัฐบาลสยามก็ให้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นรัฐบาลไทยในเวลาต่อมา...

ภาพที่ ๑ ธนบัตรแบบที่ ๔ รุ่นที่ ๑

ภาพที่ ๒ ธนบัตรแบบที่ ๔ รุ่นที่ ๒

โดยคุณ tanakiton (1.5K)  [ศ. 17 เม.ย. 2552 - 05:48 น.] #596911 (4/21)


(D)


ธนบัตรแบบที่ ๕ เมื่อสงครามมหาเอเชียบูรพาเกิดขึ้นในปีพศ.๒๔๘๔และกองทัพญี่ปุ่น ได้ยกเข้ามาตั้งมั่นในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ ๘ ธันวามคม พศ.๒๔๘๔ ด้วยเหตุผลทางการเมืองและทางการทหาร ประเทศไทยจำต้องเข้าร่วมรุกรบกับกองทัพญี่ปุ่น จนเป็นผลทำให้ต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างของระบบการเงินและมีการจัดตั้งธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นในเวลาต่อมา...

โดยที่ทางการไม่สามารถติดต่อกับโรงพิมพ์ธนบัตรในประเทศอังกฤษได้ รัฐบาลไทยจึงขอให้ทางฝ่ายญี่ปุ่นจัดพิมพ์ธนบัตรให้ตามที่ได้กล่าวไว้แล้วนั้น เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นรับที่จะพิมพ์ธนบัตรให้แล้วจึงมีการกำหนดรูปแบบขึ้นถึง ๗ ชนิดราคาโดยมีชนิดราคา ๕๐ สตางค์ ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ๑๐๐ บาท ๑๐๐๐ บาท...กระทรวงการคลังได้ออกประกาศวันที่ ๑๖ เมษายน พศ.๒๔๘๕ นำชนิดราคา ๕๐ สตางค์ ออกใช้เป็นแบบแรก แล้วจึงทยอยนำชนิดราคา ๑๐ บาท ๕ บาท ๒๐ บาท ๑ บาท ๑๐๐ บาทและ ๑๐๐๐ บาท เรียงตามลำดับออกใช้มาจนถึงปีพศ.๒๔๘๗...

ซึ่งนอกจากนี้ยังได้นำธนบัตรชนิดราคาต่างๆเหล่านี้ออกประกาศใช้อีกหลายครั้งจนถึงเดือน มีนาคม พศ.๒๔๘๘ อย่างไรก็ตามด้วยเหตุที่ขาดแคลนทั้งกระดาษตลอดจนหมึกพิมพ์สีต่างๆทวีขึ้นทุกขณะในสงคราม ธนบัตรแบบที่ ๕ ที่พิมพ์ขึ้นในตอนปลายของสงคราม จึงมีสีสารแตกต่างไปจากรุ่นก่อนๆที่ออกมาในระยะแรกๆของสงครามจนเห็นได้อย่างชัดเจน...

ภาพที่ ๑ ธนบัตรแบบที่ ๕ ชนิดราคา ๑ บาท

ภาพที่ ๒ ธนบัตรแบบที่ ๕ ชนิดราคา ๒๐ บาท

โดยคุณ tanakiton (1.5K)  [ศ. 17 เม.ย. 2552 - 05:49 น.] #596912 (5/21)


(D)


ธนบัตรแบบที่ ๖ จากภาวะสงครามที่ทำให้รัฐบาลไทยต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นก็ดี หรือค่าใช้จ่ายของกองทัพญี่ปุ่นที่รัฐบาลไทยต้องจัดหาให้ก็ดี ประกอบกับกระดาษธนบัตรแบบที่พิมพ์ขึ้นในประเทศในปีพศ.๒๔๘๕ เป็นต้นมานั้นมีคุณภาพต่ำทำให้เสียหายและทำลายได้ง่าย ความต้องการธนบัตรใหม่จึงเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา ต่อมาในวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พศ.๒๔๘๘ กระทรวงการคลังได้ประกาศนำธนบัตรแบบที่ ๖ชนิดราคา ๑๐๐ บาท ออกใช้เป็นแบบแรกก่อน และนำธนบัตรแบบที่ ๖ ชนิดราคา ๒๐ บาท ออกใช้ในวันที่ ๒๖ มีนาคม พศ.๒๔๘๘...

โดยคุณ tanakiton (1.5K)  [ศ. 17 เม.ย. 2552 - 05:52 น.] #596913 (6/21)


(D)


ธนบัตรแบบที่ ๗ ในปีพศ.๒๔๘๘ อันเป็นระยะเวลาที่สงครามใกล้จะสิ้นสุดลงนั้น เป็นช่วงเวลาที่สงครามทวีความรุนแรงเป็นอย่างมาก การขนส่งธนบัตรแบบที่ ๕ จากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทยนั้นไม่สามารถกระทำได้ ในขณะที่โรงพิมพ์กรมแผนที่ทหารบกและกรมอุทกศาสตร์ทหารเรือก็ไม่สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการพิมพ์ให้สูงขึ้นได้อีก...

แม้จะทำการล่วงเวลาแล้วก็ตาม ดังนั้นการแก้ปัญหาการขาดแคลนธนบัตรในยามสงครามเป็นไปด้วยความลำบากยิ่ง ทางรัฐบาลแก้ปัญหาด้วยการให้เอกชนบางแห่งพิมพ์ธนบัตรขึ้นใช้เพื่อบรรเทาไปส่วนหนึ่ง...แต่คุณภาพธนบัตรไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สีของธนบัตรไม่เป็นไปตามประกาศของทางราชการ ธนบัตรชนิดราคา ๕ บาทและ ๑๐ บาทมีสีแตกต่างกันออกไปถึง ๕-๖ สี...

ทางการเริ่มนำธนบัตรชนิดราคา ๑๐ บาท ออกใช้เป็นครั้งแรก ในวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พศ.๒๔๘๘ หลังจากนั้นจึงทยอยนำธนบัตรชนิดราคา ๕ บาท ๑ บาทและ ๕๐ บาท ออกใช้ในพศ.๒๔๘๘ นั้นเอง..

โดยคุณ tanakiton (1.5K)  [ศ. 17 เม.ย. 2552 - 05:54 น.] #596914 (7/21)


(D)


ธนบัตรแบบพิเศษชนิดราคา ๑ บาท ที่กล่าวนี้พิมพ์ที่โรงพิมพ์แผนที่ทหารบก ใช้กระดาษจากโรงงานกระดาษไทยจังหวัดกาญจนบุรี เนื้อกระดาษค่อนข้างบาง ลวดลายที่พิมพ์ดูค่อนข้างหยาบ...

นำออกใช้เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม พศ.๒๔๘๕ ประชาชนทั่วไปจึงเรียกกันว่า“แบงก์กงเต๊ก"

โดยคุณ tanakiton (1.5K)  [ศ. 17 เม.ย. 2552 - 05:56 น.] #596915 (8/21)


(D)


ธนบัตรแบบพิเศษชนิดราคา ๕๐ สตางค์ เมื่อกองทัพญี่ปุ่นเข้ายึดพื้นที่ตลอดแหลมมลายูได้แล้ว จึงได้มอบดินแดนสี่รัฐมลายูที่เคยเป็นของราชอาณาจักรไทยในอดีตแล้วตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ซึ่งได้แก่ ไทรบุรี ปลิศ กลันตัน และตรังกานู คืนให้แก่ฝ่ายไทย...

ในการเข้าปกครองดินแดนสี่รัฐมลายูที่ได้รับมอบนี้ ทางการไทยได้จัดเตรียมธนบัตรชนิดราคา ๑ ดอลลาร์และเหรียญกระษาปณ์ดีบุกชนิดราคา ๑ เซนต์ ๕ เซนต์และ ๑๐ เซนต์เพื่อนำไปใช้จ่ายในดินแดนที่กล่าวไว้ด้วย แต่โดยที่ทางการทหารญี่ปุ่นไม่เห็นด้วยที่จะให้ฝ่ายไทยนำธนบัตรและเหรียญชุดดังกล่าวเข้าไปใช้...

เนื่องจากในขณะนั้นในรัฐทั้งสี่ มีการใช้เงินตราที่รัฐบาลญี่ปุ่นทำขึ้นอยู่แล้ว ในเวลาต่อมาเมื่อเกิดความขาดแคลนธนบัตรขึ้นในประเทศไทย ทางการไทยได้นำธนบัตรดังกล่าวมาแก้ไขพิมพ์ทับด้วยหมึกสีดำและพิมพ์แก้เป็น ๕๐ บาทเพื่อนำออกใช้ในวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พศ.๒๔๘๘ และใช้ต่อเนื่องถึง 3 ครั้ง ธนบัตรดังกล่าวประชาชนทั่วไปเรียกว่า “ธนบัตรไว้ทุกข์”

โดยคุณ tanakiton (1.5K)  [ศ. 17 เม.ย. 2552 - 05:58 น.] #596918 (9/21)


(D)


ธนบัตรแบบพิเศษชนิดราคา ๑ บาท ในตอนปลายของสงคราม ทางการทหารของประเทศอังกฤษได้จัดพิมพ์ธนบัตรชนิดราคา ๑ บาทขึ้นจำนวนหนึ่ง เพื่อเตรียมไว้ใช้จ่ายเมื่อกองทัพสัมพันธมิตรสามารถรุกเข้ายึดพื้นที่ในประเทศไทยได้ ธนบัตรชนิดนี้เรียกว่าInvasion Note แต่โดยที่สงครามยุติลงเร็วกว่าที่คาดไว้...

และทางการฝ่ายไทยทราบว่าทางการอังกฤษมีธนบัตรที่กล่าวอยู่จึงได้ขอรับธนบัตรที่กล่าวมาเพื่อออกใช้ เนื่องจากยังขาดแคลนธนบัตรอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อได้รับมอบแล้วจึงได้พิมพ์คำว่า"รัฐบาลไทย ธนบัตรเป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย"ตลอดจนตัวอักษร ตัวเลข หมวดหมายเลขกับลายมือชื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทับลงไปด้านหน้าของธนบัตรและนำออกประกาศใช้เมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน พศ.๒๔๘๙ ธนบัตรแบบพิเศษชนิดราคา ๑ บาท ที่กล่าวนี้ ประชาชนทั่วไปเรียกกันว่า"ธนบัตรแบบบุก"

โดยคุณ tanakiton (1.5K)  [ศ. 17 เม.ย. 2552 - 06:01 น.] #596920 (10/21)


(D)


ธนบัตรแบบพิเศษชนิดราคา ๕๐ สตางค์ ในระยะแรกเริ่มของสงครามนั้น รัฐบาลไทยได้ขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นพิมพ์ธนบัตรให้...เนื่องจากไม่สามารถจ้างพิมพ์จากประเทศอื่นได้ รัฐบาลญี่ปุ่นจึงช่วยเหลือติดต่อให้จัดพิมพ์ขึ้นมาชุดหนึ่งเป็นธนบัตรแบบที่ ๕...

ต่อมาเมื่อภาวะสงครามรุนแรงขึ้น การขนส่งทางเรือไม่สามารถกระทำได้ ประกอบกับในขณะนั้นทางการญี่ปุ่นสามารถซ่อมแซมโรงพิมพ์ธนบัตรที่ยึดได้บนเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย ให้ใช้การได้ รัฐบาลญี่ปุ่นจึงจัดการพิมพ์ธนบัตรไทยขึ้นที่เกาะชวา โดยพิมพ์ชนิดราคา ๑๐ บาทขึ้นมาก่อน แล้วขนไปขึ้นบกที่เกาะสิงค์โปร์ ถ่ายขึ้นรถไฟขนต่อมายังกรุงเทพอีกทอดหนึ่ง

ในระหว่างการขนส่งจากประเทศสิงคโปร์มากรุงเทพฯ ถูกคนร้ายขโมยจากรถไฟ โดยการถีบหีบธนบัตรลงจากรถไฟจำนวนหนึ่งเหมือนกับธนบัตรแบบที่ ๕ แล้วนำมาปลอมลายเซ็น...ภายหลังทางการของไทยโดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทราบ..และได้ออกประกาศยกเลิกธนบัตรดังกล่าว...

ต่อมาธนาคารแห่งประเทศไทยจะนำธนบัตรราคา ๑๐ บาท ดังกล่าวมาเผาทำลายก็เสียดาย ประกอบกับอยู่ในช่วงขาดแคลนธนบัตร จึงนำมาแก้ไขราคาให้มีมูลค่าต่ำสุดคือ ๕๐ สตางค์ คนทั่วไปนิยมเรียกธนบัตรรุ่นนี้ว่า "ธนบัตรไทยถีบ"

โดยคุณ tanakiton (1.5K)  [ศ. 17 เม.ย. 2552 - 06:03 น.] #596921 (11/21)


(D)


ธนบัตรแบบที่ ๘ สงครามมหาเอเชียบูรพาสิ้นสุดลงวันที่ ๑๖ สิงหาคม พศ.๒๔๘๘ ผู้แทนประเทศญี่ปุ่นลงนามสัญญาสันติภาพบนเรือรบมิสซูรี่ของสหรัฐอเมริกา...
แม้ว่าสงครามจะสงบลงแต่ผลของสงครามที่รบกันอย่างรุนแรงในทวีปยุโรป ก็ทำให้โรงพิมพ์ธนบัตรของบริษัทโทมัส เดอ ลา รู ประเทศอังกฤษ เสียหายอย่างหนัก การซ่อมแซมเพื่อให้โรงพิมพ์สามารถดำเนินการได้ยังต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควร...

ดังนั้นแม้ว่าจะสามารถติดต่อกับบริษัทโทมัส เดอ ลา รู ได้ก็ตาม แต่ไม่สามารถจัดจ้างให้พิมพ์ธนบัตรให้ รัฐบาลไทยจึงขอให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาช่วยพิมพ์ธนบัตรให้ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ตอบรับให้ความร่วมมือและมอบให้โรงพิมพ์ธนบัตร ของกระทรวงการคลังเป็นผู้ดำเนินงาน โดยจ้างบริษัททิวเดอร์(The Tudor Press Inc.)เป็นผู้จัดพิมพ์...
มีทั้งสิ้นชนิดราคาคือ ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท ๑๐๐ บาท กระทรวงการคลังได้ประกาศออกใช้ธนบัตรชนิดราคา ๑๐๐ บาท เป็นชนิดแรก เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พศ.๒๔๘๙ แล้วต่อมาจึงทยอยนำชนิดราคา ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาทและ ๒๐ บาท ออกใช้ติดต่อกันจนถึงกลางปีพศ.๒๔๙๐..

โดยคุณ tanakiton (1.5K)  [ศ. 17 เม.ย. 2552 - 06:08 น.] #596922 (12/21)


(D)


ธนบัตรแบบที่ ๙ สมเด็จพระน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลย์เดช ทรงขึ้นครองราชย์สืบสันตติวงศ์ต่อจาก...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พศ.๒๔๙๘ ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิอดุลยเดช...

ต่อมาในปีพศ.๒๔๙๐ ปรากฎว่ามีการปลอมแปลงธนบัตรแบบ ๘ ออกมาจำนวนมาก เนื่องจากธนบัตรแบบ ๘ ที่พิมพ์ขึ้นในสหรัฐอเมริกานั้นดำเนินการด้วยความเร่งด่วน ความละเอียดปราณีตของการพิมพ์จึงลดลง ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายอันเกิดจากธนบัตรปลอม

กระทรวงการคลังจึงอนุมัติให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสั่งพิมพ์ธนบัตรจาก บริษัท โทมัส เดอ ลา รู เข้ามาเพื่อนำออกใช้ต่อไป เมื่อได้รับแจ้งว่าโรงพิมพ์ ซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว...ธนบัตรที่สั่งพิมพ์ครั้งนี้มีชนิดราคา ๑ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท ๒๐ บาท และ ๑๐๐ บาท...นอกจากนี้ยังได้รับธนบัตรชนิดราคา ๕๐ สตางค์ ที่เคยสั่งพิมพ์และตกค้างอยู่ที่บริษัทตั้งแต่ก่อนสงคราม สำหรับธนบัตรชนิดราคา ๕๐ สตางค์นั้น สั่งพิมพ์เข้ามาและนำออกใช้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ประกาศใช้เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม พศ.๒๔๙๑...

ภาพที่ ๑ ธนบัตรแบบ ๙ ชนิดราคา ๕๐ สตางค์

ภาพที่ ๒ ธนบัตรแบบ ๙ ชนิดราคา ๑ บาท หน้าหนุ่ม เลขแดงและเลขดำ

โดยคุณ tanakiton (1.5K)  [ศ. 17 เม.ย. 2552 - 06:10 น.] #596923 (13/21)


(D)
ธนบัตรแบบที่ ๙ รุ่นหลังชนิดราคา ๑ บาทและ ๕ บาททั้งแนบ....

โดยคุณ tanakiton (1.5K)  [ศ. 17 เม.ย. 2552 - 06:28 น.] #596926 (14/21)
ธนบัตรทั้ง ๙ แบบและแบบพิเศษ...ที่นำลงให้ชมกันนั้นยังมีรายละเอียดของแต่ละแบบแยกออกเป็นรุ่น ๑-๒-๓-๔ ซึ่งผมไม่ได้ลงในรายละเอียดมากนัก...

เจตนานั้นตั้งใจจะให้ได้ศึกษาประวัติศาสตร์วิวัฒนาการ ของธนบัตรไทยในช่วงก่อนสงครามโลกและสงครามบูรพาเอเชีย

และให้ได้ศึกษาฉบับย่อยประวัติศาสตร์สงครามโลกและสงครามเอเชียบูรพา เชื่อว่ามีเพื่อนสมาชิกอีกจำนวนมากที่ไม่เคยทราบมาก่อน...

น้อมรับคำติชม สวัสดีครับ

แนะนำเว็บบล็อคพระเครื่องในเชิงวิชาการเข้าศึกษาได้ตามลิงค์นี้ครับ....

http://web-pra.blogspot.com/

การเข้าชมให้นำเม้าส์ไปคลิกที่รูปภาพจะเป็นภาพใหญ่ให้รายละเอียดมากกว่า...หากต้องการเลือกชมว่ามีรายการไหนให้เลื่อนแถบลงมาที่ข้างล่างสุด....

โดยคุณ สิทธิโชติ (263)  [ศ. 17 เม.ย. 2552 - 10:05 น.] #597138 (15/21)
เยี่ยมมากครับ ขอบคุณมากครับ

โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [ศ. 17 เม.ย. 2552 - 14:40 น.] #597381 (16/21)
ขอบคุณครับ ข้อมูลดีมาก

โดยคุณ ผู้จัดการ (2.4K)  [ส. 18 เม.ย. 2552 - 13:10 น.] #598590 (17/21)
เยี่ยมครับ..

โดยคุณ อาจารย์ตุ้ย (944)  [อา. 19 เม.ย. 2552 - 19:38 น.] #599912 (18/21)
เยี่ยมอีกแล้วครับท่าน

โดยคุณ CURFEW (4.9K)  [จ. 20 เม.ย. 2552 - 09:44 น.] #600684 (19/21)
สวัสดีครับป๋า สบายดีนะครับ


โดยคุณ seaman (4.9K)  [จ. 27 เม.ย. 2552 - 22:09 น.] #610583 (20/21)
ยอดเยี่ยมจริงๆครับพี่

โดยคุณ tanakiton (1.5K)  [ส. 13 มี.ค. 2553 - 03:16 น.] #1079895 (21/21)
เปลี่ยนเป็นลิงค์นี้....ท่านที่ต้องการหาข้อมูลพระแท้-พระเก๊เข้าชมตามลิงค์นี้ครับ..

http://pratare.blogspot.com/

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www5