| รายละเอียด |
ศิลปะทางศาสนา เรื่อง ศึกษาศิลปะแนวทางประติมากรรมพระเศรษฐีนวโกฏิ
(คัดลอกจากแผ่นพับงานฉลองอายุวัฒนะ 95 ปี หลวงปู่มา ญาณวโร วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม 2550 ..ขออนุญาตคัดลอกเพื่อเป็นการศึกษาในบางส่วน )
พระเศรษฐีนวโกฏิ เป็นหนึ่งในปฏิมากรรมของวัดสันติวิเวก บ้านโนนคำ ต.เมืองไพร อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เป็นรูปนิมิตรสัญญาลักษณ์แห่งโชตลาภ เป็นรูปจำลองพระปฏิมากรรมปางสมาธิเพชร-ประนมมือ ประทับนั่งอยู่บนแท่น มี 9 หน้า เกศบัวตูม อันเป็นนิมิตมงคลแทนท่านเศรษฐีที่เป็ฯพุทธอุปฐาก 9 ท่านในสมัยพุทธกาล ที่เป็นพระอริยะบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปทั้งที่ยังครองเรือนอยู่ ท่านเหล่านั้นเป็นกำลังสำคัญในการให้ความอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก จึงเป็นการสร้างเพื่อเป็นรูปนิมิตแทนท่านเศรษฐีทั้ง 9 ท่าน (1.ธนันชัยเศรษฐี,2.ยัสสะเศรษฐี,3.สุมนะเศรษฐี,4.ชะฏิสัสสะเศรษฐี,5.อนาถบิณฑิกะเศรษฐี,6.เมณฑะกะเศรษฐี,7.โชติกะเศรษฐี,8.สุมังคละเศรษฐี 9.วิสาขามหาอุบาสิกา) ดังคาถาบูชาพระเศรษฐีนวโกฏิ ที่ว่า
" มาขะโย มาวะโยมัยหัง มาจะโกจิ อุปัททะโว ธัญญะธารานี ปะวัสสันตุ ธะนันชัย ยัสสะ ยะถา สุวรรณณามิ หิรัญญา จะ สัพพะโภคา จะ รัตตนา ปะวัสสันตุ เม เอวัง คาเร สุมะนะ ชะฏิสัสสะ จะ อะนาถะบิณฑิกะ เมณฑะกัสสะ โชติกะ สุมังคลัสสะ จะ มัณฑาตุ เวสสันตะสัสสะ ปะวัสสันติ ยะถาคาเร เอเตนะสัจจะวัชเชนะ สัพพะสิทธิภะวันตุเม " เป็นคาถาที่ท่านเจ้าคุณพระอุบาลี คุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) อดีตเจ้าอาวาสวัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ เป็นผู้ประพันธ์ขึ้นเพื่อสวดบูชาพระเศรษฐีนวโกฏิ พระเศรษฐีนวโกฏิได้เริ่มสร้างเมื่อสมัยอาณาจักรล้านนา ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) ได้อัญเชิญตำรามาจากอาณาจักรล้านช้าง นำมาสร้างเป็นพระบูชาด้วยไม้ยอป่าบ้าง ด้วยนวโลหะบ้าง ต่อมา ท่านเจ้าคุณพระเทพวรคุณ (อ่ำ) วัดมณีชลขันธ์ จ.ลพบุรี ได้นำไปสร้างต่อตามแบบเดิม จนถึงประมาณ พ.ศ.2512 พระเดชพระคุณหลวงปู่พระครูสารธรรมนิเทศ (หลวงปู่มา ญาณวโร) ได้ไปกราบเรียนขอตำราพระเศรษฐีนวโกฏิ จากเจ้าคุณพระปราจีนมุนี เจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี(ธ)ในสมัยนั้นได้นำมาสร้างที่วัดป่าวิเวกอาศรม บ้านท่าลาด ต.เหล่าน้อย อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ต่อมา ปี พ.ศ.2531 หลวงปู่มา ญาณวโร ได้นำมาสร้างเป็นพระประจำคู่บารมีวัดสันติวิเวก บ้านโนนคำ ต.เมืองไพร อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด จนประสบความสำเร็จ เป็นพระประติมากรรมที่สวยงาม สมส่วน และศักดิ์สิทธิ์ เลื่องลือมากในปัจจุบัน ....*** ข้อความจากแผ่นพับยังมีอีกมากขอลงพอสังเขป ..
รายการที่หลวงปู่มา ญาณวโร ได้จัดสร้างพระเศรษฐีนวโกฏิ เป็นรูปหล่อ หรือ พระบูชา ด้วยเนื้อโลหะ - เงิน -ทองแดง
มีดังนี้ (อาจมีผิวรมดำ ซึ่งราคาจะถูกว่าครับ)
การบูชา พระเศรษฐีนวโกฎิ ให้ได้ผลดีนั้น ท่านผู้ศรัทธา พึงปฎิบัติดังนี้
คาถาบูชาพระเศรษฐีนวโกฎิ
พระคาถาบูชาพระ ว่าดังนี้ ตั้งนะโม 3 จบ
มาขะโย มาวะโย มัยหัง มาจะโกจิ อุปัททะโว
ธัญญะ ธารานิ ปะวัสสันตุ ธนัญชัย ยัสสะ ยะถาคะเร
สุวัณณานิ หิรัญญาจะ สัพพะโภคา จะ รัตตะนา
ปะวัสสันตุ เม เอวังคะเร สุมะนะ ชะฎิสัสสะ จะ
อะนาถะบิณฑิกะ เมทะ กัสสะ โชติกะ สุมังคะ สัสสะ จะ
มัณฑาตุ เวสสันตะ รัสสะ ปะวัสสันติ ยะถาคะเร
เอเตนะ สัจจะ วัชเชนะ สัพพะ สิทธิ ภะวัน ตุ เม
พระคาถานี้ เดิมที เป็นของเจ้าประคุณ พระอุบาลี คุณูปรมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) อดีตเจ้าอาวาส วัดบรมนิวาส เป็นพระคาถาบูชาพระเศรษฐีนวโกฎิในอันที่จะบรรดาลให้เกิดโชคลาภ สิริ มงคล ท่านให้ภาวนาพระคาถานี้ บูชาเถิด ปรารถนา อธิฐานเอาสิ่งใด จะได้สมดังความตั้งใจ
หากทำการค้าขาย ก่อนเปิดร้าน ให้อาราธนาพระนวโกฎิ ด้วยพระคาถานี้ ครบ 3 จบ ด้วยใจมั่นแล จะค้าขายดี มีเงินทองมากมาย ไม่นานจะเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีแล
อนึ่งถ้ามีทุกข์ ภัย ให้อาราธนาพระเศรษฐีนวโกฎินี้ ลงสรงน้ำ อาราถนาให้น้ำกลายเป็นน้ำพระพุทธมนต์ สวดพระคาถานี้ 9 จบ เอาน้ำรด อาบ กิน ทุกข์จะโยก โศกจะหมด เคราะห์กรรม จะคลาย มลายสิ้นไป จะบันดาลความสุขสวัสดิ์ และโชคลาภมาให้
เมื่อถึงวันเถลิงศก คือ วันที่ 15 เมษายน ของทุก ๆ ปี จึงให้จัดหาดอกไม้ขาว 9 กระทง เช่น ดอกมะลิ ข้าวตอก 9 กระทง อาหารคาว หวาน 9 อย่าง ธูป 9 ดอก เทียน 9 เล่ม จุดบูชา พระนวโกฎินี้ แล้วสวดคาถานี้ ให้ได้ 9 จบ นิมนต์พระสรงน้ำ ขออาราธนาทำเป็นน้ำพระพุทธมนต์ เอามาอาบกิน ประพรมบ้านเรือน เรือกสวน ไร่นา บริวาร ทั้งหลาย จะอยู่เย็น เป็นสุข ตลอดทั้งปี แล
พระนวโกฎินี้ ใครหมั่นอาราธนา พร้อมสวดพระคาถาบูชาอยู่เป็นเนืองนิตย์ จะไม่รู้ยากจนเลย และหากยังมั่นคงใน ศีล 5 หนักแน่นเท่าใด จะยิ่งบริบูรณ์ เพิ่มพูนขึ้นทุกวัน แล
หากท่านยังไม่มีพระเศรษฐีนวโกฎิ ไว้บูชา ก็ให้ว่าพระคาถา ข้างต้นนี้ สวดให้บ่อย ๆ ก็ใช้ได้นะครับ อ้อ แล้วอีกอย่างหนึ่ง เคล็ดลับในการบูชาพระที่มีคุณวิเศษด้านโชคลาภ ร่ำรวยนั้น ท่านต้องเป็นคนทำบุญ ทำทานสักหน่อย เรียกว่า มีอารมณ์ในการอยากบริจาค จาคะทาน อยู่เป็นเนืองนิจ มาก ก็ได้ น้อย ก็ได้ ไม่ว่ากัน แต่ยิ่งทำมากเท่าไร ยิ่งได้คืนมากเท่านั้น ... |