(0)
@@**จัดไป 2 ดอกเคาะเดียวแดง**ตะกรุดพระพายสะกดทัพ หลวงปู่แผ้ว ปวโร 108 คณาจารย์ ปี50 วัดหนองพงนก เล็ก ขนาดกำลังพอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่**@@








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง@@**จัดไป 2 ดอกเคาะเดียวแดง**ตะกรุดพระพายสะกดทัพ หลวงปู่แผ้ว ปวโร 108 คณาจารย์ ปี50 วัดหนองพงนก เล็ก ขนาดกำลังพอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่**@@
รายละเอียด@@**จัดไป 2 ดอกเคาะเดียวแดง**ตะกรุดพระพายสะกดทัพ หลวงปู่แผ้ว ปวโร 108 คณาจารย์ ปี50 วัดหนองพงนก เล็ก ขนาดกำลังพอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่**@@

+++ท่านที่ชื่นชอบ พระเหรียญ พระรูปหล่อ พระบูชา และเครื่องราง ราคาเบาๆ พระเหมาจากบ้านมาครับ ชอบใจใส่ราคาไปเลยครับ++ถ้าไม่โดนใจคลิ๊กที่ค้อนได้เลยครับ อาจจะมีพระที่ท่านโดนใจครับ+++

รับประกันความแท้ ตามกฏ g-pra ++ตามกฏสากลทุกประการครับ+++

++โอนเงินแล้วช่วย เมล์แจ้งหรือโทรแจ้งด้วยครับ++เพื่อประโยชน์ของท่าน จะได้จัดส่งพระให้ท่านอย่างลวดเร็วทันใจท่านครับ ขอบคุณครับ
ราคาเปิดประมูล320 บาท
ราคาปัจจุบัน-- ยังไม่มีผู้เสนอราคา -- (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ10 บาท
วันเปิดประมูล - 15 ก.ค. 2555 - 21:48:35 น.
วันปิดประมูล - 24 ก.ค. 2555 - 21:48:35 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลมั่งมีโชค (984)(1)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 15 ก.ค. 2555 - 21:49:07 น.



ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่แผ้ว ปวโร

วัดประชาราษฎร์บำรุง (วัดรางหมัน)
ต.รางพิกุล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม


“หลวงปู่แผ้ว ปวโร” พระเถราจารย์ชื่อดังแห่งวัดประชาราษฎร์บำรุง (วัดรางหมัน) ต.รางพิกุล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้รับการขนานนามว่า เทพเจ้าแห่งเมืองกำแพงแสน องค์หลวงปู่เป็นพระเถระผู้ถือครองเพศบรรพชิตแบบเรียบง่าย สมถะ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ท่านไม่มีตำแหน่งทางปกครองคณะสงฆ์ ด้วยท่านไม่มีความปรารถนาในลาภยศตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น

ด้านวัตถุมงคลของท่านก็เป็นที่กล่าวขานร่ำลือกันว่า มีพุทธคุณเข้มขลังที่สุด มีประสบการณ์แก่ผู้ที่บูชามากมาย ถึงขนาดมีคำกล่าวกันว่า “วัตถุมงคลรุ่นใดหรือวัดใด หากไม่นิมนต์หลวงปู่แผ้วไปนั่งปรก จะได้รับความนิยมน้อยกว่ารุ่นที่หลวงปู่แผ้วไปนั่งปรก”

ล่าสุด วัตถุมงคลของท่านที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่ปรารถนาในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสมวัตถุมงคล คือ เหรียญพิทักษ์แดนใต้, เหรียญระฆังที่ระลึกอายุ ๘๗ ปีหลวงปู่แผ้ว เป็นต้น

ปัจจุบัน หลวงปู่แผ้ว สิริอายุได้ ๘๗ พรรษา ๖๗ (เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๓) ตลอดระยะเวลากว่าชั่วชีวิตในการครองเพศบรรพชิต นอกจากปฏิบัติในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ท่านยังศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า แผ้ว บุญวัฒน์ ชื่อเล่น แกละ เกิดเมื่อวันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีกุน ตรงกับวันพุธที่ ๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๖๖ ณ หมู่บ้านหลักเมตร ต.ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายพาน และนางจุ้ย บุญวัฒน์ ครอบครัวของท่านประกอบอาชีพทำนาเป็นหลัก ฐานะพอเลี้ยงตัวได้สบายโดยไม่เดือดร้อน

เมื่ออายุได้ ๒ ขวบ ครอบครัวได้ย้ายไปอยู่ ต.ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน จากนั้นท่านจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ ๓ จากโรงเรียนวัดหนองม่วง ต.เตาอิฐ อ.บางแพ จ.ราชบุรี

ในช่วงวัยเยาว์ ท่านเป็นเด็กค่อนข้างเงียบขรึม ใจเย็น ไม่เที่ยวเตร่ เกเร ชีวิตส่วนใหญ่จะผูกพันอยู่กับวัด ด้วยโยมพ่อโยมแม่เป็นคนใจบุญสุนทาน ทุกวันพระจะพาลูกไปทำบุญที่วัด สมาทานศีลฟังเทศน์ฟังธรรมและสนทนาธรรมมิได้ขาด

เมื่อมีอายุประมาณ ๘ ขวบ โยมพ่อได้พาบุตรชายไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อหงส์ วัดหนองม่วง ต.เตาอิฐ อ.บางแพ จ.ราชบุรี เพื่อเรียนหนังสือ และศึกษาพระธรรมวินัย

ครั้นอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ เกิดความศรัทธาประสงค์จะบวชเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนา เพื่อแทนคุณของโยมบิดา-มารดา ท่านจึงได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดหนองปลาไหล ต.ทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๖ โดยมี พระครูสุกิจธรรมสร (หลวงพ่อหว่าง ธัมมสโร) วัดกำแพงแสน เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อปาน อารักโข วัดหนองปลาไหล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์สนั่น วัดหนองปลาไหล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “ปวโร”

หลังครองเพศบรรพชิต ท่านตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยอย่างจริงจัง หมั่นพิจารณาคำสอนของครูบาอาจารย์อย่างถ่องแท้ ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะอุทิศกายถวายชีวิตอยู่ในบวรพระพุทธศาสนาตลอดไป

ช่วงแรกบวช ท่านอยู่จำพรรษาที่วัดหนองปลาไหล เป็นเวลา ๑ เดือน จากนั้นได้จาริกไปจำพรรษาที่วัดหนองม่วง ๘ พรรษา ท่านมีหน้าที่สอนนักธรรมแก่พระภิกษุสงฆ์สามเณรภายในวัด

ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ท่านได้ย้ายมาเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม จำพรรษาอยู่ที่วัดปลักลายไม้ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ หลวงปู่ได้ย้ายไปสอนพระปริยัติธรรม และจำพรรษาที่วัดสว่างชาติประชาบำรุง ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองวัดเมื่อตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง พระภิกษุสามเณรและชาวบ้านต่างต้องการให้หลวงปู่ดำรงตำแหน่งแทน แต่ท่านไม่ประสงค์ที่จะรับตำแหน่งทางปกครองคณะสงฆ์แต่อย่างใด

พ.ศ. ๒๕๐๒ หลวงปู่เริ่มสนใจที่จะศึกษาและปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานอย่างจริงจัง ท่านจึงย้ายไปอยู่จำพรรษาที่วัดกำแพงแสน ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ศึกษาปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานและวิทยาคมกับ หลวงพ่อหว่าง ธัมมสโร อย่างมุ่งมั่นจริงจังจนแตกฉาน

เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ พระกัมมัฏฐานสายพระอาจารย์มั่น ได้เดินทางมาพักอยู่จำพรรษา ณ วัดกำแพงแสน ทำให้หลวงปู่แผ้ว ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับหลวงปู่ดุลย์ และได้รับความเมตตาถ่ายทอดแนวทางการปฏิบัติกัมมัฏฐานให้ด้วย

ตลอดเวลา หลวงปู่แผ้ว ได้สร้างคุณูปการสืบสานจรรโลงพระพุทธศาสนาอย่างรอบด้าน อาทิ ปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่างๆ ทั้งในเขตอำเภอกำแพงแสนและพื้นที่ใกล้เคียง ท่านจะอุดหนุนด้วยการสร้างวัตถุมงคลที่ระลึก เพื่อให้ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาได้สมทบทุนปัจจัยนำไปใช้เพื่อการสาธารณ ประโยชน์

แม้วัยที่ล่วงเลยกว่า ๘๗ ปี แต่หลวงปู่แผ้ว ยังคงรับกิจนิมนต์นั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่เป็นประจำ

หลวงปู่แผ้ว เคยกล่าวปรารภไว้ว่า “ญาติโยมที่เขานิมนต์ให้เราไปร่วมพิธีนั่งปรก ก็เพราะเขาเชื่อว่าเราไปนั่งปรกแล้ววัตถุมงคลจะเข้มขลัง เราจะปฏิเสธไม่ได้”

ส่วนวิทยาคมอันเข้มขลังที่หลวงปู่แผ้วใช้นั่งบริกรรมระหว่างนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคล ล้วนแต่เป็นวิทยาคมของ หลวงพ่อหว่าง ธัมมสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดกำแพงแสน ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจาก หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตกอีกทอดหนึ่ง ในช่วงที่ หลวงพ่อหว่าง ธัมมสโร ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดกำแพงแสน ท่านมีความเชี่ยวชาญเรื่องยาสมุนไพรและแพทย์แผนโบราณ วัตถุมงคลของท่านก็เข้มขลังเป็นที่นิยม ทั้งนี้ หลวงปู่แผ้วได้ศึกษาอยู่กับหลวงพ่อหว่างจนกระทั่งท่านได้มรณภาพ เมื่อได้รับกิจนิมนต์นั่งปรก จึงนำวิชาของหลวงพ่อหว่างใช้รวมกับวิชาวิปัสสนากรรมฐานที่ได้เรียนมาที่วัดมหาธาตุฯ สนามหลวง มาใช้บริกรรมคาถา เพื่อให้เกิดความเข้มขลัง

สำหรับคาถาเสกวัตถุมงคลเข้มขลัง หลวงปู่แผ้ว บอกว่า มีบทเดียว แต่สร้อยของคาถามีหลายแบบ เช่น อาจจะบริกรรมว่า “พุทธังหลีก ธัมมังหลีก สังฆังหลีก” บ้างก็บริกรรมว่า “พุทธังแหวก ธัมมังแหวก สังฆังแหวก” หรืออาจจะบริกรรมว่า “พุทธังแคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด”

ท่านกล่าวแนะนำว่า “ตำราคาถาของวัดและสำนักต่างๆ ในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่เป็นของเดิมที่สืบทอดจากครูบาอาจารย์ในอดีต หลายคนท่องคาถาถูกต้องตามอักขระชัดเจน แต่เหนือสิ่งอื่นใดจิตต้องนิ่งเป็นสมาธิ คาถาจึงมีความเข้มขลัง ไม่ว่าจะเป็นพระหรือฆราวาส ถ้าจิตนิ่งเป็นสมาธิ บริกรรมคาถาบทใดก็เข้มขลัง ที่ขาดไม่ได้ คือ ต้องตั้งอยู่ในศีลมั่นอยู่ในธรรม”

เมื่อช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ หลวงปู่แผ้ว ได้ย้ายมาอยู่จำพรรษาที่วัดประชาราษฎร์บำรุง (วัดรางหมัน) จ.นครปฐม วัตรปฏิบัติยังคงดำเนินชีวิตดุจเดิมด้วยความมักน้อยสันโดษ ไม่ยินดียินร้ายในลาภสักการะทั้งหลายทั้งปวง เคร่งครัดในศีลาจารวัตร ทำให้ท่านเป็นที่เคารพนับถือของศิษยานุศิษย์ตลอดทั้งพุทธศาสนิกชนทั่วไป
ด้วยความเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา สุขุมตามวิถีของท่านไปเป็นแบบสมถะเรียบง่าย ไม่สะสมเงินทอง ไม่ยึดติดกับวัตถุหรือลาภยศใดๆ แม้แต่ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดก็ได้ให้ลูกศิษย์ เป็นผู้รับตำแหน่งแทน เป็นการละในเรื่องของความอยากออกไป ทำให้ หลวงปู่แผ้ว ปวโร วัดกำแพงแสน ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เป็นพระผู้ใหญ่ ที่มีลูกศิษย์ให้ความเคารพศรัทธาเลื่อมใสเป็นจำนวนมาก

หลวงปู่แผ้ว อาจไม่ได้เป็นพระนักเทศน์ ไม่ใช่พระธรรมกถึก ที่เรืองนาม แต่คำพูดตรงๆ ง่ายๆ ของท่าน ก็ได้แทรกหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเสมอ เป็นการเตือนสติในการประพฤติปฏิบัติ เพื่อพัฒนาจิตใจของพุทธศาสนิกชนให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

ขณะเดียวกัน ท่านก็เป็นพระนักปฏิบัติ คำสอนหลักธรรมที่ให้กับศิษย์ทั้งหลาย จึงมักจะเป็นข้อคิดหรือคติสอนใจ ธรรมะที่สอนอยู่ในรูปของบทความ บทกลอน หรือสักวาต่างๆ ตามแต่ละสถานการณ์ในขณะนั้น หรือตามภาวะของความทุกข์ของศิษย์แต่ละคน ที่พออ่านก็เกิดปัญญา สามารถที่จะนำมาวิเคราะห์พิจารณาในการปฏิบัติ

วัตถุมงคลของหลวงปู่ น่าสะสมเก็บไว้ บูชาไว้คุัมครองป้องกันภัยครับ
พุทธคุณ เป็นเมตตามหานิยม และ แคล้วคลาด มหาอุดครับ


 
ราคาปัจจุบัน :     320 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     10 บาท

!!! ท่านต้อง login เข้าสู่ระบบก่อน จึงจะสามารถร่วมประมูลได้ !!!


 

Copyright ©G-PRA.COM