(0)
ของกำลังแรงเลยครับช่วงนี้...................วัดใจมันส์ ๆ..........พระร่วงหน้าพระธาตุ ปี 2517 พิธีพระพนัสบดี อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ประกวดได้ครับ








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องของกำลังแรงเลยครับช่วงนี้...................วัดใจมันส์ ๆ..........พระร่วงหน้าพระธาตุ ปี 2517 พิธีพระพนัสบดี อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ประกวดได้ครับ
รายละเอียดสวย ๆ ตามรูปเลยครับ """"""""มีสูจิบัตร รายละเอียดเกี่ยวกับพิธีกรรม เกจิที่ร่วมเสก วัตถุมงคลต่าง ๆ เก็บไว้อ้างอิง หรือเป็นความรู้ดีมาก ๆ ครับ จะมอบให้ผู้ที่ประมูลบได้ครับผม""""""""""""""

วัดใจมันส์ ๆ ซักกระทู้ครับ พระสวย มีสูจิบัตรพิธีกรรม และ วัตถุมงคล เกจิที่มาร่วมปลุกเสกมอบให้ครับ

ขอบพระคุณข้อมุลของ อ.รณธรรม ธาราพันธุ์ มา ณ ที่นี้ครับ

พระร่วงหน้าพระธาตุ
เอกลักษณ์ขลังของเมืองน้ำ

เมือง น้ำ หรือ ชลบุรี มีตำนานประวัติที่เล่าขานกันช้านาน มิใช่หัวเมืองใหม่ ที่ไม่ปรากฏประวัติศาสตร์ใด ๆ ให้ศึกษา เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเมืองชลมี หลากหลายนัก

จะเอาอะไรล่ะ ?

ถึง ขนาดออกทีวีรายการเก่าชื่อ ตามไปดู หรือสารคดีข่าวทั้งหลายเป็นที่ฮือ ฮามาแล้วว่าเมืองชลนั้นมีถนนซึ่งเรียงรายด้วย คลีนิก มากที่สุดในประเทศ ไทยทั้งซ้าย-ขวา ถนนนั้นชื่อ

วชิรปราการ

และ บนถนนสายเดียวกันนี้ยังมีซอกซอยอีกนับไม่ถ้วน ทว่าซอยใหญ่ปรากฏชื่อที่ เรียงรายคล้องจองกันอย่างไพเราะซึ่งหามีไม่ในจังหวัดอื่น

ราช วิถี ศรีบัญญัติ รัฐผดุง บำรุงเขต เจตต์ประชา ฑีฆามาตุ ชาติ มหันต์ จันทร์สถิต พิศฐาน บ้านลำภู คูกำพล กลป้อมค่าย บ่ายพล นำ สำราญราษฎร์ ชาติเดชา ท่าเรือพลี ศรีนิคม ปฐมวัย ไกรเกรียง ยุทธ์ อุทยาน ธารนที ปรีดารมย์ ชมสำราญ ย่านโพธิ์ทอง คลองสังเขป เทพ ประสาท ราชประสิทธิ์ จิตประสงค์ จงประสาน เทศบาลสมมุติ

และ มิใช่เพียงจะตั้งให้สอดคล้องคล่องปากก็เปล่า แต่ยังประหวัดไปถึงพงศาวดาร อันยาวนานก่อนกำเนิดสยามประเทศเป็นทางการซ้ำไป ด้วยโยงถึงสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีหรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรง กรีฑาทัพเพื่อตีหัวเมืองต่าง ๆ อันแข็งข้อเมื่อครั้งพระองค์มีพระประสงค์จะรวมชาติเป็นปึกแผ่น

เจ้าเมืองชลบุรีมิได้ต่อต้านแต่อย่างใดหากเจ้าเมืองจันทบุรีนั่นซิที่แข็ง เมือง พระเจ้ากรุงธนบุรียกทัพทั้งบกและน้ำเข้าพักทัพในตัวเมืองชล เชื่อกันว่ายั้งทัพอยู่บริเวณอันปัจจุบันคือซอย

กลป้อมค่าย

จึงได้นามตามประวัติศาสตร์ดังกล่าวมา แลถนนอันพาดผ่านปากซอยกลป้อมค่ายซึ่งชาวเมืองนิยมเรียกนามเก่ากันว่า สะพานหัวค่าย นั้น ก็เป็นถนนที่ตั้งชื่อตามพระนามเดิมในพระเจ้ากรุงธนบุรีแต่ครั้งยังเป็น พระยาวชิรปราการ แห่งกรุงอโยธยา

นี่แบบประวัติศาสตร์ชาติ

ถ้าแบบ วัด ก็ คุยเขื่องได้ว่าชลบุรีมีวัดอันปรากฏสมภารเจ้าที่ขลังอย่างสุด ๆ มากมายเรียง รายกันไปในทุกอารามไม่มีเว้น ว่ากันเฉพาะอำเภอเมืองเป็นไร

วัดเครือวัลย์

พระปิดตาพิมพ์ใหญ่หลังแบบหลวงพ่อแก้ว
pidta1.jpg



มีเถระนามกระเดื่องชื่อ หลวงพ่อแก้ว รังสรรค์พระเครื่องพิมพ์หนึ่งคือ พระภควัมปติ นักนิยมพระเรียกง่าย ๆ ว่า พระปิดตา เป็น อิทธิวัตถุในรูปลักษณ์ซึ่งไม่เหมือนใครในเบื้องแรก สร้างยากลำบากเป็นยิ่ง นัก และทรงอานุภาพอย่างยากที่จะมีพระปิดตาสำนักใดทัดเทียม ดังนั้น ในทุก วันนี้วงการพระจึงนิยมกันมากด้วยค่าบูชาที่สูงลิบลิ่ว ทั้งมีจำนวนน้อยจน กล่าวได้เต็มปากว่าหายากกว่าพระสมเด็จวัดระฆัง ฯ สืบจากหลวงพ่อแก้วก็มีหลวงพ่อถัน และหลวงพ่อปานที่เข้มขลังไม่ต่างไปจากหลวงพ่อแก้วผู้เป็นองค์ครู

วัดนอก

พระปิดตาหลวงพ่อภู่ เนื้อผงคลุกรัก
pidtaporpoo re1.jpg



ตั้งอยู่ตรงข้ามวัดเครือวัลย์ ในยุคไล่เลี่ยกับหลวงพ่อแก้วปรากฏภิกษุรูปหนึ่งชื่อ หลวงพ่อภู่ เป็นพระผู้ทรงอภิญญาปาฏิหาริย์มาก อาจด้วยเพราะเป็น สหธรรมิก กันหรือวัดใกล้กันก็ไม่อาจเดา ทำให้หลวงพ่อภู่สถาปนา พระปิดตาเช่นเดียวกัน ด้วยอายุพระที่ใกล้เคียงและเนื้อหาที่จัดจ้าน ผนวก พุทธคุณที่แสดงให้คนแขวนประสบเจอ ส่งผลให้คนชลบุรีและชาวนิยมพระต่างถิ่น แสวงหาพระปิดตาหลวงพ่อภู่ไม่ต่างกัน หลังหลวงพ่อภู่มีหลวงพ่อบุญเรืองที่คนเมืองชลศรัทธานัก

วัดกำแพง

พระปิดตาหลวงปู่เจียม วัดกำแพง พิมพ์โยงก้นใหญ่ผงคลุกรัก
jiam1 re1.jpg



ยุคเก่ามีหลวงปู่เจียมเถระผู้เฒ่าผู้มีอำนาจจิตสูงล้ำ เช่นเดียวกับหลวงพ่อภู่อาศัยเค้าแห่งขลังจากหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์ หลวงปู่เจียมก็ อภิเษกพระปิดตาในลักษณาการที่คล้ายกัน หากทุกสำนักแม้พระจะปิดตาเหมือน กัน แต่รูปแบบพิมพ์ทรงย่อมเป็นเอกลักษณ์ของใครของมัน มวลสารที่สวยซึ้งและ พุทธคุณที่โดดเด่นส่งผลให้พระปิดตาหลวงปู่เจียมมีราคาค่างวดเป็นรองแต่พระ ปิดตาวัดเครือวัลย์เท่านั้น

ถัดจากหลวงปู่เจียมได้พระบริสุทธิ์สงฆ์ทดแทนมาองค์หนึ่งท่านชื่อ หลวงปู่เหมือน อินทโชโต ไม่มีใดต้องสงสัยในความเป็นพระดี-พระเก่ง ทรงบุญญาภินิหารอย่างเอกอุ ไม่เขินเลยถ้าจะคุยในเรื่องหลวงปู่เหมือน ท่านให้กำเนิดพระปิดตาอย่างบรรจงสุดถึงสามรุ่น แต่ละรุ่นมีคุณภาพชั้นที่หนึ่งทีเดียว

วัดอุทยานนที

พระปิดตาหลวงพ่อครีพ เนื้อผงคลุกรัก
kriap1 re1.jpg



เดิมชื่อวัดสมถะ มีภิกษุแก่กล้าวิชาในอดีตนามหลวงพ่อครีพ ท่าน องค์นี้มีอภินิหารไม่แพ้ใคร กิตติคุณแห่งท่านยังก้องอยู่ในหัวใจคนชลบุรี รุ่นเก่าอยู่ไม่เสื่อมคลาย พระเครื่องในท่านยังอาศัยรัศมีของหลวงพ่อวัด เครือวัลย์เช่นกัน พระปิดตาหลวงพ่อครีพทุกวันนี้ไม่ใช่ของหาง่าย นักนิยมพระต่างแสวงหาเมื่อปรารถนาพระปิดตาหลวงพ่อแก้วแต่ไม่ได้ ต่างเอ่ยโดยศรัทธาว่าไม่มีพระหลวงพ่อแก้วใช้หลวงพ่อครีพก็ได้ไม่ต่างกัน

สิ้นท่านแล้วยังมีหลวงพ่อบุญมาผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่รู้กันว่าครึ่งหนึ่งของคนชลในทุกวันนี้ เป็นลูกหลวงพ่อบุญมาถ้วน ทั่ว ใครที่เลี้ยงยากโยเยป่วยไข้ง่ายให้เป็นลูกยกท่านเสีย หากท่านรับใคร และผูกข้อไม้ข้อมือให้เสร็จ รับรองว่าหายเจ็บไข้หายออดอ้อนอย่างไม่มีข้อ ต่อรอง

วัดน้อย

มีอดีตเจ้าอาวาสนามหลวงพ่อหลิม ท่านองค์นี้เป็นศิษย์โดยตรงในท่านพระครูพิพัฒน์นิโรธกิจ หรือ หลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส (วัดบางเหี้ย) อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ หลวงพ่อหลิมหรือที่คนชลเรียกโดยสนิทสนมรักใคร่บูชาว่า ก๋งหลิม เป็นเถระผู้เมตตาใจดียิ่งนัก

หาก เครื่องมงคลในท่านไม่เพียงปรากฏอานุภาพเมตตาดังนิสัยเพียงอย่างเดียว กลับ พบโดยมากว่าเป็นคงกระพัน ชาตรี มหาอุดหยุดปืน และแคล้วคลาดกันภัยไม่ใช่ น้อย ดังกล่าวมานี้มิใช่อ้างอย่างเลื่อนลอย แต่คนชลทุกคนที่แขวน-คล้องพระ ท่านได้พบเจอกันถ้วนทั่วแม้ตัวผมเอง ท่านเป็นพระที่มีจิตตานุภาพแท้จริง

ก๋งหลิม รังสรรค์ พระปิดตาอย่างประเพณีนิยมขึ้นสองรุ่น แต่ละรุ่นล้วนมีอานุภาพอัศจรรย์เป็น ที่ต้องการของผู้นิยมพระ แม้หาไม่ได้ ! พระพิมพ์ชินราชก็ดี เหรียญรูป เหมือนทั้งสองรุ่นก็ดี ยังพอแทนกัน สิ้นท่านแล้วได้หลวงพ่อเป้าเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อและท่านองค์นี้ก็ขลังอย่าง แทนองค์อาจารย์ได้ไม่อายใคร พระเครื่องทั้งหลายในนามท่านคนชลล้วนปรารถนาเช่นกัน

วัดราษฎร์บำรุง

ในอดีตมีพระผู้แตกฉานทั้งปริยัติและปฏิบัติรูปหนึ่งชื่อ หลวงพ่อหลาย หรือ อาจารย์หลาย ใน คำของคนชล ท่านองค์นี้มีอภินิหารหลายประการ โดยเฉพาะการรู้เห็นในสิ่งลึก ลับที่ซ่อนเร้นจากสายตามนุษย์ท่านจะเห็นได้รู้ได้น่าอัศจรรย์ ก็จำพวกเทพดา และภูตผีนั่นแล นอกจากนั้นเครื่องขลังซึ่งท่านบรรจุคุณไว้ก็มีประสบการณ์ ไม่น้อยเช่นกัน

ว่าไปทำไมมีก็ท่านนี่แหละเป็นหนึ่งในหลาย ๆ สิบพระคณาจารย์ที่ได้รับนิมนต์ไปร่วมมหาพุทธาภิเษกเหรียญพระมงคลบพิตร ณ วัดมงคลบพิตร จ.พระนครศรีอยุธยา ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2485 โดยมีท่านพระครูสิทธิสารคุณ หรือ หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี เป็นเจ้าพิธี

เอาพอหอมปากหอมคอเท่านี้ก่อนนะครับ เพราะถ้าเล่าทุกวัดคงต้องขอสัมปทานหน้ากระดาษจากท่าน บก. บรรจง อีกมาก เอาเป็นว่ายกยอดวัดสำคัญเช่น วัดเขาบางทราย วัดใหญ่อินทาราม วัดอรัญญิกาวาส (วัดป่า) ฯลฯ ไปก่อน โอกาสหน้ามีจังหวะเหมาะก็จะเล่าสู่กันฟัง

ชลบุรีใช่มีแต่เพียงพระเครื่องใหม่ ๆ ดังกล่าวแล้วว่าเป็นเมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน
ดังนั้น ส่วนหนึ่งของชลบุรีจึงถูกบันทึกไว้ในหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็น เมืองพระรถเมรี ถ้าใครคุ้นเคยกับนิทานพื้นบ้านคงเข้าใจ ส่วนหนึ่งดังว่านั้นปัจจุบันเป็นอำเภอมีชื่อว่า พนัสนิคม

พนัส แปลว่า ป่า แน่ นอนว่าสมัยก่อนที่แห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้และหมู่สัตว์น้อย ใหญ่ เป็นเหตุจูงใจให้ผู้คนอพยพเข้าไปอยู่อาศัยเพื่อทำมาหากิน รวมถึงชาว ลาวโซ่งที่อพยพมาจากเวียงจันทน์ ประเทศลาว

มีชาวพุทธที่ ไหน มีวัดที่นั่น พนัสนิคมจึงปรากฏวัดเก่าโบราณหลายแห่งพร้อมกับพระ เครื่องยุคตั้งเมืองทั้งเนื้อดิน ชิน และผง แต่ที่ครองความนิยมอันดับ หนึ่งและมีประสบการณ์มากต้องยกให้พระเนื้อชินที่รู้จักกันในนาม พระร่วงหน้าพระธาตุ

พระ พิมพ์นี้ปัจจุบันเป็นที่นิยมและหายากมาก ยิ่งสภาพสมบูรณ์แล้วยิ่งยากใหญ่ ด้วยเนื้อเป็นตะกั่วผสมตามแบบสมัยนิยมของโบราณาจารย์ จึงไม่ค่อยทนกับสภาพ แวดล้อมเท่าไรนัก แต่ความต้องการที่มีอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการสร้าง ใหม่แบบล้อพิมพ์ขึ้นมาโดยอาศัยเหตุจากอิทธิฤทธิ์ของ พระพนัสบดี

พระพนัสบดี (จำลอง) ประดิษฐานอยู่ภายในหอพระพนัสบดี อ.พนัสนิคม
re3.jpg



พระพนัสบดี เป็น พระพุทธรูปเก่าโบราณ แกะสลักจากหินดำปางเสด็จจากดาวดึงส์เทวโลก ประทับยืน บนฐานบัวเหนือสัตว์พาหนะที่มีลักษณะประหลาดคือ มีเขาอย่างโค มีปากอย่าง ครุฑ และมีปีกอย่างหงส์ องค์พระห่มจีวรคลุมศิลปะคล้ายลังกาพระหัตถ์ทั้ง สองยกเสมอพระอุระและจีบเป็นวงกลม

พระพนัสบดีองค์จริง
panas1.jpg



ด้านหลังมีประภามณฑลรูปวงรีและมีลวดลายโดยรอบอ่อนช้อยงดงามมาก พระพนัสบดีนี้ เป็นศิลปะสมัยทวารวดีและองค์นี้เป็นองค์ที่สวยงามสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย เท่าที่เคยมีมา ด้วยในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติมีพระพิมพ์นี้อยู่แล้วสาม องค์ แต่ทุกองค์ชำรุดมากทีเดียว มือหักบ้าง ปีกสัตว์พาหนะหักสองข้าง บ้าง หากองค์นี้เป็นแต่เพียงนิ้วหักและปีกครุฑด้านขวาขององค์พระหักไปหน่อย หนึ่ง

ส่วนสัตว์พาหนะที่มีลักษณะประหลาดนั้นได้รับความเห็นจากท่านพระราชครูวามเทพ มุนี (สมจิต รังสิพราหมณกุล) แห่งเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ กรุงเทพ ว่า ที่สัตว์นั้นมีหน้ากลมตาโปนโตและมีปากดังนกย่อมหมายถึง ครุฑ ซึ่งถือเป็นเทพพาหนะของพระนารายณ์ มีเขาดังโคหมายถึง พระโคนนทิ ซึ่งเป็นเทพพาหนะของพระศิวะ มีปีกดังนกหมายถึง หงส์ ซึ่งเป็นเทพพาหนะของ พระพรหมธาดา

เมื่อรวมกันดังนี้และมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับ ยืนเหนือสัตว์ทั้งสาม ก็หมายความว่าพระพุทธเจ้าและพระพุทธศาสนานั้นอยู่ เหนือศาสนาพราหมณ์ แสดงถึงอิทธิพลของศาสนาพุทธที่มีต่อคนในยุคนั้นได้เป็น อย่างดีว่าเจริญรุ่งเรืองเพียงใด และชี้ให้เห็นถึงความชาญฉลาดของนายช่าง ปฏิมากรที่สลักเรื่องราวบอกเล่าให้คนรุ่นหลังได้ทราบโดยผ่านทางศิลปะ

พระพนัสบดีถูกค้นพบได้อย่างอัศจรรย์ที่สุดเมื่อราว ๆ ปี พ.ศ. 2471 โดยผู้พบคือก๋งแดงและคุณยายน้อย บัวเข็ม ทั้งสองท่านมีอาชีพพายเรือไปตามคลองขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ และแลกสินค้ากับข้าวเปลือก ทั้งสองมีฐานะยากจนมาก

วันหนึ่งขณะก๋งแดงและคุณยายน้อยพาย เรือบ่ายหน้าไปทางวัดโบสถ์ พอเรือมาถึงโคกใหญ่ละแวกบ้านคลองแพ่งตำบลหน้า พระธาตุ ก็เกิดมหัศจรรย์ขึ้นกลางลำน้ำคือน้ำในคลองได้หมุนวนเป็นวงเชี่ยว กราก ส่งผลให้เรือลำเล็กทำท่าจะล่มลง เมื่อสุดวิสัยจะบังคับเรือ คุณยายน้อยจึงตัดสินใจปักพายลงข้างตลิ่งเพื่อทรงตัว

ครั้น พายกระแทกลงในดินคุณยายก็รู้สึกได้ว่าไม้พายไปกระทบวัตถุแข็งบางอย่างเข้า อย่างแรง จึงเหลียวไปดูก็เห็นส่วนหนึ่งของวัตถุนั้นโผล่พ้นดินโคลนออกมา หน่อย คุณยายน้อยเลยคุ้ยเอาของสิ่งนั้นขึ้นมาจึงได้เห็นว่าเป็นพระพุทธรูปสีดำ

ทั้ง สองตื่นเต้นดีใจเป็นอันมากพากันเลิกขายของจ้ำฝีพายกลับบ้านอย่างปีติ ลิงโลด ถึงแล้วก็ทำความสะอาดองค์พระชะล้างดินโคลนออก พากันหาดอกไม้ธูป เทียนมาทำการสักการะบูชา และปิดปากเงียบไม่ยอมบอกใครถึงเรื่องนี้เพราะกลัว คนร้ายจะมาโจรกรรม

เมื่อพระพุทธรูปองค์นี้มาอยู่กับก๋งแดงและคุณยายน้อยก็ เกิดเหตุประหลาดกล่าวคือทั้งสองขายของได้อย่างเทน้ำเทท่า จะหยิบจับอะไรก็ เป็นเงินเป็นทองไปหมด สุขภาพก็ดีวันดีคืน ความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน มาก เมื่อเป็นดังนี้ท่านทั้งสองก็เชื่อมั่นว่าต้องเป็นเพราะอภินิหารจาก พระองค์ดำนี้แน่ ๆ จึงเรียกนามท่านโดยเคารพว่า หลวงพ่อสัมฤทธิ์ คือปรารถนาสิ่งใดก็สัมฤทธิ์ผล

สมประสงค์ทุกอย่าง

ต่อ มาในปี พ.ศ. 2494 ได้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่อาคารทำการของเทศบาลเมือง พนัสนิคมซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ ยังไม่ทันได้ทำพิธีมอบและเปิดอาคาร เลย เหตุเพราะอาคารนี้เป็นไม้ล้วนและสร้างถึงสองชั้นทำให้ไฟลุกลามอย่างรวด เร็ว อีกทั้งกระป๋องสีและกระป๋องทินเนอร์ก็ยังอยู่ภายในอาคารจึงเป็นเชื้อ ไฟอย่างดี

บ้านที่ประดิษฐานหลวงพ่อสัมฤทธิ์หรือพระพนัสบดีนั้น อยู่ตรงข้ามเรือนไม้นี้ห่างกันไม่กี่เมตรเท่านั้น เมื่อเกิดไฟไหม้ก็เป็น ธรรมชาติที่จะเกิดลมใหญ่ด้วยอากาศร้อนลอยขึ้นที่สูงอากาศเย็นจึงไหลเข้ามา แทนที่ เกิดเป็นลมหวนหอบเอาลูกไฟและสะเก็ดไฟไปตกใส่หลังคาเรือนของชาวบ้าน ละแวกนั้นซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นหลังคามุงจากทั้งสิ้น

มหาภัยครั้งนี้ได้ลุกลามมาจนจวนเจียนจะถึงบ้านที่ประดิษฐานพระพนัสบดี ซึ่งในตอนนั้นผู้ครอบครององค์พระเป็นลูกชายของก๋งแดงและคุณยายน้อยชื่อ นายอ๋อง ทั้งเปลวไฟและควันดำทำนายอ๋องตกตะลึงสำลักควันไปไหนไม่ได้ทำอะไรไม่ถูกละล้า ละลังอยู่อย่างนั้น

ญาตินายอ๋องคนหนึ่งได้สติรีบถามว่าเอาหลวงพ่อสัมฤทธิ์ไปไว้ที่ไหน นายอ๋องจึง นึกขึ้นได้รีบวิ่งเข้าห้องไปอุ้มเอาพระออกมาและเอาท่านลงสรงน้ำตั้งจิต อธิษฐานขอให้ท่านช่วยเหลือให้รอดพ้นจากมหันตภัยในครั้งนี้ แล้วรีบนำน้ำ นั้นไปสาดรอบ ๆ บริเวณบ้านของตน

เพียงครู่เดียวเหมือนปาฎิหาริย์ บังเกิดลมพายุหอบใหญ่พัดเอาเปลวไฟและควันตีออกจากทิศที่เป็นบ้านของนายอ๋อง หวนไฟกลับไปทางอื่นอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างเฮโลเข้ามาขอน้ำมนต์จากนายอ๋องไปรดรอบ ๆ บ้านตนเองบ้าง และน่าอัศจรรย์ที่ลมประหลาดนั้นก็เกิดขึ้นเช่นกันทำให้ชาวบ้านแถบนั้นไม่ ต้องสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเลย

ด้วยความศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งเช่นนี้ชาวพนัสนิคมจึงถือว่าหลวงพ่อสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปที่ทรงคุณค่าเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจแน่นแฟ้นจึงปรารถนาจะ สร้างองค์พระจำลองขึ้นเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้กราบไหว้บูชา

หอพระพนัสบดี
horpra1.jpg



ด้านในของหอพระพนัสบดี
insindhorpra1.jpg



พิธี เททองหล่อองค์พระได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และถูกต้องตามพิธีกรรมที่สุดเนื้อ โลหะก็ประสมด้วยนวโลหะแท้ ๆ ที่ลงและปลุกเสกโดยพระอาจารย์ที่เข้มขลังแม้ หุ่นดินยังเป็นดินจากใจกลางพระนคร 9 ราชธานี พิธีเททองมีขึ้นในวันอังคาร ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2517

เมื่อองค์ประธานเสร็จสมบูรณ์แล้ว จึงได้ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกขึ้นโดยสร้างวัตถุมงคลเข้าร่วมในพิธีเพื่อ สมนาคุณแก่ผู้บริจาคดังนี้

1. พระพนัสบดี ขนาดบูชาใหญ่สูง 45 ซ.ม. สร้างตามสั่งจององค์ละ 3,000 บาท

2. พระพนัสบดี ขนาดบูชาเล็กสูง 30 ซ.ม. สร้างตามสั่งจององค์ละ 1,500 บาท

3. เหรียญ พระพนัสบดีรูปไข่ เป็นเนื้อทองแดงล้วน แบ่งเป็น เนื้อทองแดงผิวไฟ เนื้อ ทองแดงกะไหล่ทอง เนื้อทองแดงกะไหล่นาค ด้านหน้าเป็นรูปพระพนัสบดีและมีพระ นามอยู่ใต้รูป ด้านหลังมีจารึกว่า ที่ระลึกงานพุทธาภิเษก พระ พนัสบดี อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี 11 พ.ค. 17 มอบให้ผู้บริจาค 25 บาท

เหรียญพระพนัสบดี ปี 2517 (หน้า-หลัง)
17 re1.jpg



4. เข็มกลัดแจกกรรมการกะไหล่ทองลงยาสีน้ำเงินและสีแดงเข้ม

5. พระร่วงหน้าพระธาตุ ลักษณะประทับยืนยกพระหัตถ์ขวาทอดพระหัตถ์ซ้าย เป็นเนื้อ
ตะกั่วล้วน มอบให้ผู้บริจาค 25 บาท

พระร่วงหน้าพระธาตุเนื้อตะกั่วเก่า
re1.jpg



ด้านหลังเรียบและบอกปีพ.ศ. 2517
re2).jpg



พิธีมหาพุทธาภิเษกจัดขึ้นที่อุโบสถ วัดหน้าพระธาตุ ต.หน้าพระธาตุ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ในวันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2517 โดยสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม เป็นองค์เจิมต้นเทียนชัย เทียนมหามงคล และเป็นองค์จุดเทียนชัยเช่นเดียวกัน

โดยเริ่มพิธีเวลา 17.39 น. มีพระคณาจารย์เข้าร่วมพิธีดังนี้

1. พระสังวรวิมลเถร (โต๊ะ อินทสุวัณโณ) วัดประดู่ฉิมพลี ท่าพระ ธนบุรี
2. พระครูภาวนาภิรัติ (ทิม อิสริโก) วัดละหารไร่ ต.ตาสิทธิ์ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
3. พระครูอุดมวิชชากร (เหมือน อินทโชโต) วัดกำแพง ต.บางปลาสร้อย อ.เมือง จ.ชลบุรี
4. หลวงปู่โต ยโสธโร วัดบ้านกล้วย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา
5. พระภาวนาโกศลเถร (ธีระ คล้อสุวรรณ) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ธนบุรี
6. พระครูญาณวิจักษ์ (พระปรมาจารย์ผ่อง จินดา) วัดจักรวรรดิราชาวาส กรุงเทพ
7. พระครูสุวรรณสีลาจารย์ (ทอง คังครัตโน) วัดก้อนแก้ว อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา
8. พระครูอาคมวิสุทธิ์ (คง สุวัณโณ) วัดวังสรรพรส อ.ขลุง จ.จันทบุรี
9. พระครูโกวิทสมุทรคุณ (เนื่อง โกวิโท) วัดจุฬามณี ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
10. พระครูชลธารมุนี (วิเชียร) วัดเครือวัลย์ ต.บางปลาสร้อย อ.เมือง จ.ชลบุรี
11. พระกิตติวรรณมุนี (วรรณ) วัดพลับ ต.หน้าพระธาตุ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
12. พระครูพิศิษฐศาสนคุณ (ทองหยิบ) วัดโบสถ์ ต.หน้าพระธาตุ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
13. พระครูสุจิณธรรมวิมล (ม่น ธัมมจิณโณ) วัดเนินตามาก ต.โคกเพลาะ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
14. พระครูบรรหารศีลคุณ (แร่ จันทสโร) วัดเซิดสำราญ ต.บ้านเซิด อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
15. พระครูประสาทศาสนกิจ (เที่ยง) วัดกลางทุมมาวาส อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี

มหา พุทธาภิเษกดำเนินไปอย่างราบรื่นถูกต้องจวบจนเวลา 05.39 น. จึงประกอบพิธี ดับเทียนชัยเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีมงคล นับว่าพิธีพุทธาภิเษกนี้เป็นที่น่า ยกย่องในผู้รับหน้าที่อาราธนาพระสงฆ์ยิ่งนัก เพราะครูบาอาจารย์แต่ละรูปแต่ ละองค์ล้วนเป็นผู้ปฏิบัติธรรมและศึกษาวิทยาคุณมาอย่างแตกฉานเจนจบ แท้ ๆ เทียว งานนี้ต้องขอบคุณคุณอนันต์ เตียววิวัฒน์ ผู้ไปนิมนต์

พระราชสังวราภิมณฑ์ (โต๊ะ อินทสุวัณโณ)
pootoar re1.jpg



พระครูภาวนาภิรัติ (ทิม อิสริโก)
tim re1.jpg



พระครูสุจิณธรรมวิมล (ม่น ธัมมจิณโณ)
mon re1.jpg



หลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่ทิม หลวงปู่เหมือน หลวงปู่ม่น หลวงพ่อทอง หลวงพ่อเนื่อง นั่นล้วนแต่ระดับสุดยอดไม่มีอะไรต้องสาธยาย หากท่านเจ้าคุณธีระหรือหลวงพ่อเล็กของชาววัดปากน้ำนั่นสิน่าสนใจ ก็ท่านเป็นศิษย์เอกที่หลวงพ่อสด จันทสโร ให้ความเมตตามากถ่ายทอดวิชาธรรมกายและฝึกฝนจนท่านออกปากว่าอาจารย์ธีระนี่ ได้ธรรมกายขั้นสูงแล้ว และคนภาษีเจริญก็ให้ความเคารพนับถือในหลวงพ่อเล็กมากไม่ต่างไปจากหลวงพ่อสด เลยทีเดียว เมื่อท่านมาในพิธีนี้เชื่อว่าเหมือนหลวงพ่อสดมาเองนั่นแล

พระครูอาคมวิสุทธิ์ (คง สุวัณโณ)
kong re1.jpg



หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส เป็น ยอดพระอาจารย์ที่สำเร็จวิชาพยัคฆ์ร้อยเปอร์เซ็นต์อีกองค์หนึ่งในประเทศ ไทย ว่ากันว่าท่านสามารถนิรมิตรูปขันธ์ของท่านให้เป็นเสือลายพาดกลอนได้ อย่างอัศจรรย์ และเมื่อท่านเสกตะกรุดหนังเสือ หรือเสือโลหะ ย่อมต้องได้ ยินเสียงเจ้าป่าคำรามให้ลั่นวัดเสมอไปทุกคราว เป็นที่เลื่อมใสแก่คนขลุง ยิ่งนัก โดยเฉพาะเหล่าทหารในค่ายตากสินจันทบุรี

หลวงปู่โต วัดบ้านกล้วย นี่อาจดังเงียบไปหน่อยถ้าให้เทียบกับเก่งของท่าน ด้วยท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อโต วัดปอแดง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา หลวงพ่อโตนั้นเป็นศิษย์แท้ ๆ ในองค์สำเร็จลุนผู้เรืองเวทย์แห่งนครจำปาศักดิ์ หลวงพ่อโตเป็นพระที่เคร่งครัดในพระวินัยและกฏระเบียบในการรับศิษย์ การอบรมสั่งสอนศิษย์มาก

ใคร คิดไปเป็นศิษย์ถ้าไม่ดีจริงเป็นโดนไล่ออกจากวัดปอแดงหมด วัดท่านสะอาดมาก เป็นวัดป่าแต่ใบไม้ไม่มีร่วงหล่นเกะกะสักใบ ท่านกวาดเรียบ ฉะนั้นท่านจึง ไม่ได้มีแค่ความเป็นพระวิชาอย่างเดียว แต่เป็นภิกษุผู้ดำรงธรรมไปพร้อมกัน

หลวงปู่โตจึงเป็นหนึ่งในหลายศิษย์ของหลวงพ่อโต วัดปอแดงที่ผ่านการอบรมบ่มเพาะในเรื่องพระวินัย การธุดงค์ และวิทยาคุณที่เป็นอันดับหนึ่งในโคราช

กล่าว ได้ว่าวัตถุมงคลในพิธีนี้ทั้งสิ้น ย่อมศักดิ์สิทธิ์เปี่ยมล้นด้วยอำนาจพระ พุทธคุณที่จะคุ้มครองป้องกันภัย และบันดาลความสำเร็จหลายสิ่งหลายประการให้ ได้โดยอาศัยจิตตานุภาพที่ยิ่งยวดของสุดยอดพระเถระแต่ละองค์

ถ้า พบเจอที่ไหนผมบอกได้เพียงว่าเก็บไว้เถิด และถ้ามีโอกาสขอเชิญมา นมัสการ พระพนัสบดี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งพนัสนิคมด้วยก็จะเป็นมงคล ยิ่ง.
ราคาเปิดประมูล175 บาท
ราคาปัจจุบัน450 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ25 บาท
วันเปิดประมูล - 08 พ.ค. 2553 - 15:39:32 น.
วันปิดประมูล - 09 พ.ค. 2553 - 16:05:12 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลtantantann (11.6K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 08 พ.ค. 2553 - 15:39:56 น.
.




 
ราคาปัจจุบัน :     450 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     25 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    sapansoong (1.6K)

 

Copyright ©G-PRA.COM