(0)
เหรียญรุ่นแรก พ่อท่านอิ้น กะไหล่ทองเดิมๆ วัดรัชราษฏร์พัฒนา(ท ับใหม่) *3*








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องเหรียญรุ่นแรก พ่อท่านอิ้น กะไหล่ทองเดิมๆ วัดรัชราษฏร์พัฒนา(ท ับใหม่) *3*
รายละเอียดเหรียญรุ่นแรก พ่อท่านอิ้น กะไหล่ทองเดิมๆ วัดรัชราษฏร์พัฒนา(ท ับใหม่) *3*

เหรียญรุ่นแรกของท่านซึ่งออกในปี 2548 จำนวนสร้าง 5,000 เหรียญ มี 3 แบบคือ - ทองแดงรมดำมันปู ( หมดจากวัดนานแล้ว ) - ทองแดงกะไหล่ทอง ( ท่านยังเสกเรื่อยมาเป็นระยะเวลาถึงเกือบ 3 ปีแล้ว เหรียญกะไหล่ทองน่าจะเป็นชุดที่ท่านเสกได้เข้มขลังที่สุด ) - ทองแดงกะไหล่ทองลงยา 3 สี สร้างจำนวนไม่มาก สำหรับแจกหัวหน้าคณะผ้าป่าเท่านั้น ปัจจุบันมีการเช่าหากันหลักหมื่นแล้ว ( การกะไหล่ทองนั้นจะแตกต่างจากชุดที่ไม่ได้ลงยา ) สาเหตุที่เหรียญรุ่นนี้เป็นที่นิยมเพราะหลังจากที่เสกแล้วได้มีการนำเหรียญมาทดลองกันโดยใช้ปืนยิง ปรากฏว่ายิงไม่ออกจนปืนบวมชำรุด หลังจากนั้นก็เปลี่ยนกระบอกใหม่มายิงก็เป็นเช่นเดิม ซึ่งปืนทั้ง 2 กระบอกนั้นปัจจุบันเจ้าของเก็บไว้เฉยๆ เนื่องจากชำรุดจนใช้การไม่ได้ทั้งคู่ และยังมีประสบการณ์อื่นๆอีกมากมายทั้งเรื่องเมตตา และโชคลาภ เนื่องจากหลวงพ่อท่านเสกให้ครบทุกทางตามที่ท่านได้ร่ำเรียนมา ส่วนเรื่องการทำเสริมนั้นหมดปัญาหาได้เพราะมีการทำลายบล๊อกเหรียญต่อหน้าสักขีพยานมากมาย ท่านเป็นเกจิที่ศึกษาทั้งสายวัดพัทธสีมา และสายเขาอ้อ ซึ่งทั้ง 2สายนี้ถือเป็นสำนักที่สำคัญและใหญ่ที่สุดในภาคใต้แล้วครับ ชื่อเดิมท่านคือ อิ้น ท่านเกิดมาในตระกูล ชูเมือง โยมพ่อชื่อนายบุตร โยมแม่ชื่อนางเขียว ( มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านขุน-พันธรักษ์ราชเดช ) โดยโยมพ่อท่านเป็นศิษย์ท่านอาจารย์ชูเฒ่า วัดพัทธสีมา นครศรีธรรมราช ได้รับการถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ มามากมายแต่ที่เด่นๆ คือ วิชาการทำตระกรุดโทน ซึ่งโยมพ่อท่านก็ได้นำวิชาสำคัญนี้ถ่ายทอดมายัง หลวงพ่ออิ้นด้วย และ ถือเป็นสุดยอดเครื่องรางที่ท่านถนัดและทำได้ดีมีประสบการณ์มากที่สุด โยมบิดาท่านสามารถล่วงรู้ถึงกาลมรณะของตนเองและในวันมรณะท่านก็ได้นั่งสมาธิจนมรณะ โดยสังขารยังคงท่านั่งเหมือนเดิมมีเพียงแต่เท้าซ้ายเท่านั้นที่ตกลงมาจากเข่า หลวงพ่ออิ้นท่านกำเนิดที่ หมู่บ้านสระโพธิ์ อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ในวันพฤหัส เดือน 8 ปีระกา (2464) ในวัยหนุ่มท่านชอบและฝักใฝ่ในวิชา คาถาอาคมต่าง ๆ เนื่องจากในสมัยนั้นจำเป็นจะต้องมีวิชาป้องกันตัว โดยท่านองค์ปฐมบรมครูที่สั่งสอนสรรพวิชาให้ท่านก็คือ โยมพ่อนั่นเอง ด้วยความผูกพันกับวัดพัทธสีมาที่โยมพ่อมี ทำให้ท่านวนเวียนและร่ำเรียนวิชาจากครูบาอาจารย์ต่างๆในสายนี้หลายรูปอาทิเช่นพ่อท่านอาจารย์หนูจันทร์ พ่อท่านอาจารย์โรย พ่อท่านอาจารย์เอียด และท่านยังได้เดินข้ามเขตมายังจังหวัดพัทลุงเพื่อศึกษาคาถาอาคมเพิ่มเติมจาก อาจารย์เอียด วัดดอนศาลา และฆารวาสนำ แก้วจันทร์ (ท่านศีกษาก่อนที่ท่านอาจารย์นำจะอุปสมบท) โดยท่านมีสหธรรมมิกที่สำคัญๆคือ หลวงพ่อเอื้อม วัดบางเนียน หลวงพ่อพ่วง วัดแดง นครศรีธรรมราช ในระหว่างครองเพศบรรพชิต ท่านผ่านประสบการณ์ในด้านต่างๆมาอย่างโชกโชน เคยเป็นทั้งเสือ และหัวหน้าหน่วยพื้นที่สีแดง ปกครองคนในพื้นที่พิเศษ ในด้านการครองเรือนท่านเคยมีภรรยาที่อยู่กินกันถึง 7 คน แต่ทั้ง 7 คนนั้นมีบุตรเพียง 1 คน และได้เสียชีวิตไปแล้ว ท่านเล่าให้ฟังว่าท่านเคยหนีการจับกุมของท่านขุนพันธรักษ์ ในสมัยที่เป็นเสือในระยะประชิดตัว แต่ด้วยอำนาจของตระกรุดที่ท่านทำใช้เองจากที่ได้เล่าเรียนมาทำให้หนีรอดมาได้ และเมื่อท่านถูกจับกุมในข้อหาต่างๆในขณะที่นำตัวไปขึ้นศาลท่านก็อาศัยบารมีของตระกรุดโทน ทำให้ศาลยกฟ้องท่านมาจนนับไม่ถ้วน ท่านปกครองคนในเขตพื้นที่สีแดง อำเภอเคียนซา จนท่านมีที่ดินในการปกครองมากมาย มีคนนับหน้าถือตาท่านเป็นจำนวนมาก แต่ก็หาใช่ความสุขที่แท้จริงไม่ หลังจากท่านคิดทบทวนถึงชีวิตที่ผ่านมาก็ทำให้ท่านรู้สึกถึงความไม่เที่ยงแท้ และ แน่นอนของชีวิต อีกทั้งท่านยังเป็นห่วงชาวบ้านในการปกครองของท่าน อยากให้ผู้คนเหล่านั้นเป็นคนดี ในที่สุดท่านจึงตัดสินใจยกที่ดินทั้งหมดเป็นพันไร่แจกจ่ายแก่ชาวบ้าน ให้เป็นที่ทำกิน โดยที่ดินที่ท่านยกให้นั้นปัจจุบันอยู่ในเขตพื้นที่ หมู่บ้านเขารักษ์ หมู่ 8 และหมู่ 9 ตำบลบ้านเสด็จ อำเภอเคียนซา โดยชื่อหมู่บ้านนั้นท่านเป็นผู้ตั้งโดยมาจากคำว่า คุณรักษา ต่อมาได้เพี้ยนเป็น เขารักษ์( จากประวัติโรงเรียนบานเขารักษ อําเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎรธานี) และได้ยกที่ดิน 100ไร่จัดตั้งเป็นโรงเรียนขึ้นโดยในช่วงแรกได้ชื่อว่าโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 22 (ใต้ร่มเย็น)สาขา บ้านเขารักษ์ และหลังจากนั้นมีการเปลี่ยนชื่อเป็น “ โรงเรียนบ้านเขารักษ์ ” จวบจนปัจจับัน และภายหลังท่านยังตั้งกองทุนเพื่อการศึกษา โดยใช้ชื่อว่า กองทุนพอหลวงอิ้น อาภากโร (นายอิ้น ชูเมือง)อีกด้วย พุทธศักราช2532 หลังจากที่ท่านสละสิ่งของนอกกายจนหมดสิ้นแล้ว ภายในปีนั้นเองท่านก็ได้เข้าสู่ร่มเงาของพระพุทธศาสนา ณ. พัทธสีมาวัดวัดบางสะพาน ตำบลบางจาก อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีพระครูวิธานชุลาธรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์และท่านได้กลับมาตั้งสำนักสงฆ์ บ้านทับใหม่ ในเขตพื้นที่สีแดงตามเจตนารมย์เดิมท่าน บนเนื้อที่ 19 ไร่ ที่มาจากการร่วมกันบริจาคจากชาวบ้านที่มีจิตศรัทธาในบริเวณนั้น หลังจากนั้นท่านก็เริ่มธุดงค์เพื่อแสวงหา ในสิ่งที่ท่านสงสัย สลับกับกลับมาสร้างศาสนสถานเพิ่มเติมเรื่อยๆ และในการธุดงค์นั้นท่านได้ไปยังทุกภาคของเมืองไทยและเลยออกไปยังประเทศใกล้เคียง จนท่านพอใจ และค้นพบในสิ่งที่ท่านสงสัย ท่านจึงกลับมายังที่เดิมอีกครั้ง และเริ่มพัฒนาอย่างจริงจังจากสำนักสงฆ์จนเริ่มเป็นวัด มีกุฏิตามอัตภาพ ศาลาใช้สำหรับประกอบสังฆกรรมและในปัจจุบันท่านกำลังหาทุนทรัพย์เพื่อก่อสร้างพระอุโบสถ เพื่อให้เป็นวัดที่สมบูรณ์และพร้อมที่จะรองรับชาวบ้านให้มาเข้าสู่ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนา ปัจจุบันท่านมีอายุ 91 ปี แต่ยังแข็งแรงและยังโปรดญาติโยมได้ และที่สำคัญท่านยังสามารถทำตระกรุดโทน ได้อย่างเข้มขลังตามตำราท่านอาจารย์ชูเฒ่า วัดพัทธสีมาเหมือนเดิม
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน120 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ20 บาท
วันเปิดประมูล - 03 พ.ค. 2553 - 22:09:03 น.
วันปิดประมูล - 06 พ.ค. 2553 - 22:09:03 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลgrantdee (7K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 03 พ.ค. 2553 - 22:09:27 น.
.


สวยๆ


 
ราคาปัจจุบัน :     120 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     20 บาท

!!! ท่านต้อง login เข้าสู่ระบบก่อน จึงจะสามารถร่วมประมูลได้ !!!


 

Copyright ©G-PRA.COM