(0)
@เหรียญบาตรน้ำมนต์เนื้อเงิน4ซมเลข67 สร้าง99องค์@ หลวงปู่บู่ วัดสุมังคลาราม จ.สกลนคร พระเหนือโลก แบบหลวงปู่สรวง พรรษากาลเหนือโลกครับ แนะนำจริงๆๆๆๆครับ เคาะเดียวราคาวัด








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง@เหรียญบาตรน้ำมนต์เนื้อเงิน4ซมเลข67 สร้าง99องค์@ หลวงปู่บู่ วัดสุมังคลาราม จ.สกลนคร พระเหนือโลก แบบหลวงปู่สรวง พรรษากาลเหนือโลกครับ แนะนำจริงๆๆๆๆครับ เคาะเดียวราคาวัด
รายละเอียดรุ่นดังครับ เสกเสร็จลองเลย เป็นที่ฮือฮามากๆๆๆ

ประวัติหลวงปู่บู่ กิตฺติญาโณ

วัดสุมังคลาราม บ้านพังขว้างกลาง ต.พังขว้าง อ.เมือง จ.สกลนคร

ตามข้อมูลที่คนเฒ่าคนแก่ ได้เล่าให้ฟังในเรื่องประวัติของหลวงปู่บู่ได้บอกว่า เป็นคนชาติลาวมาแต่กำเนิดได้มาอาศัยในแผ่นดินไทยเมื่อไหร่นั้นไม่ปรากฏชัดเจน การอ่านเขียนหนังสือนั้นไม่ค่อยเก่ง เพราะท่านมุ่งปฏิบัติดูจิตอย่างเดียว มีแต่คนเฒ่าคนแก่มีอายุ 70-80 ปี ได้เล่าให้ฟังว่าเคยเห็นท่านเมื่อตอนหนุ่มๆ เป็นอยู่อย่างไรทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนี้ ไม่เห็นท่านแก่เลย ยังคงมีสุขภาพแข็งแรง ทุกวันนี้หน้าตาท่านสดใส มีประกายรัศมีเปล่งปลั่ง เมื่อมองดูใบหน้าก็บงบอกของผู้มีคุณธรรมสูงในจิต ที่รักษากายไม่ให้แก่ การออกบวชของหลวงปู่นั้นทราบจากพระครูสุวรรณสิริชัย เจ้าคณะพังขว้างเล่าว่า ท่านออกบวช 2 ครั้งแล้ว ครั้งแรกไม่ทราบ ครั้งที่ 2 บวชเมื่อปี พ.ศ. 2524 ถ้าจะไปถามเอาข้อมูลประวัติจากท่านไม่ได้อะไรดอก มีคนไปถามอายุหลวงปู่ ว่าหลวงปู่อายุกี่ปีแล้ว บวช มากี่พรรษาแล้วท่านก็จะตอบเท่าไหร่ตามแต่ท่านจะตอบหรือไม่สนใจตอบไปเลยก็มี ก็เลยไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดเพราะหลวงปู่ท่านไม่ยึดติดกับอายุที่เป็นเพียง สมมุติตัวเลขท่านอยู่กับปัจจุบันดีกว่าดูๆไปท่านเหมือนหลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน แห่งเมืองศรีสะเกษที่ไม่ทราบอายุเท่าไหร่กันแน่ ทุกวันนี้ท่านยังออกรับบิณฑบาตโยมทุกวันตามปกติ สุขภาพร่างกายแข็งแรงเดินจงกรมได้สะดวก และหลวงปู่ไม่คอยอาบน้ำ(สรง)เลย แต่แปลกที่ผิวพรรณของท่านยังเปล่งปลั่งอยู่เลย แสดงให้เห็นธรรมในจิตที่มีแต่ปิติสุข รักษากายไม่ให้แก่ ไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไปชาวบ้านเหล่าว่าเวลาท่านจะอาบน้ำ(สรง) ก็ต่อเมื่อฝนตกลงมาเท่านั้น เมื่อ ใดฝนตกท่านจะเดินอาบน้ำจากธรรมชาติคนเดียวของท่านอย่างไม่สนใจใคร อีกอย่างหนึ่งโดยปกติหลวงปู่ท่านไม่ค่อยพูด อยู่เฉยๆ ที่กุฏิไม่ยุ่งวุ่นวายกับใครๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วฉะนั้นประวัติหรืออายุของหลวงปู่บู่ จึงไม่ทราบชัดได้ชาวบ้านบางคนก็ว่า 80 ปีบ้าง 90 ปีบ้าง 100 ปีบ้าง ก็เลยไม่รู้จะเชื่อใครดี แม้ไปถามหลวงปู่ท่านก็ไม่บอก



อภิญญา ปาฏิหาริย์ของหลวงปู่บู่

เรื่องราวปาฏิหาริย์ของหลวงปู่บู่นั้นมีมากมาย แต่จะนำมาเล่าสู่ฟังบางเรื่อง ซึ่งเป็นการเล่าจากชาวบ้านที่ได้สัมผัสกับหลวงปู่บู่ล้วนไม่ธรรมดา น่าอัศจรรย์ใจ เช่น มี โยมคนหนึ่งเล่าว่า ได้ไปนิมนต์หลวงปู่บู่ไปฉันเพลที่บ้านมีงานบุญพอหลวงปู่รีบนิมนต์ก็บอกให้ โยมเดินทางไปก่อนเดี๋ยวจะตามไปทีหลังโยมก็รีบเดินกลับบ้านมาเตรียมข้าวปลา อาหารพอโยมคนนั้นมาถึงบ้านก็ต้องตกตลึงสุดขีด เมื่อสายตามองไปเห็นหลวงปู่บู่นั่งอยู่บนอาสนะสงฆ์เรียบร้อยแล้ว นับเป็นสิ่งอัศจรรย์ใจแกโยมเจ้าภาพอย่างมากทั้งที่ตัวเองก็รีบเดินไม่ได้แวะ ที่ไหนเลย แถมตอนนั้นหลวงปูยังไม่ได้ห่มจีวรเลยเกิดคำถามในใจตัวโยมว่า “แล้วหลวงปู่มาถึงก่อนเราได้อย่างไรหรือว่าหลวงปู่หายตัวได้กันแน่” เพราะถึงรีบเดินอย่างไรก็ไม่น่าถึงก่อนนับเป็นเรื่องน่าแปลกประหลาด

พระครูสุวรรณสิริชัย เจ้าคณะตำบลพังขว้างเล่าว่า ครั้ง หนึ่งท่านเคยชวนหลวงปู่บู่ไปกราบนมัสการพระธาตุพนมไปโดยนั่งรถไปแต่หลวงปู่ บอกให้นั่งรถไปก่อนถ้ารีบเดี๋ยวท่านจะเดินไปเองพอพระครูสุวรรณสิริชัยนั่งรถ ไปถึงพระธาตุนครพนนมต้องตลึง เมื่อเห็นหลวงปู่บู่รออยู่ที่ พระธาตุนครพนมก่อนแล้ว เกิดคำถามว่าหลวงปู่มาถึงก่อนได้อย่างไรทั้งที่เดินเท้าเปล่าแต่กลับมาถึง ก่อนนั่งรถ และอีกครั้งหนึ่งพระครูสุวรรณสิริชัยเล่าว่า ท่านหยอกล้อเล่นกับหลวงปู่บู่โดยการสาดน้ำใส่หลวงปู่บู่แต่พอหลวงปู่บู่เอา มือปัดน้ำเท่านั้น น้ำที่สาดใส่ไม่เปียกตัวหลวงปู่บู่สักหยดเดียวเลย นับได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ซึ่งไม่ธรรมดา สร้าง ความอัศจรรย์ใจให้กับพระครูสุวรรณสิริชัยเจ้าคณะตำบลพังขว้างอย่างไม่น่า เชื่อท่านบอกว่าถ้าไม่เจอกับตัวเองจะไม่เจอใคร่ง่ายๆ แต่นี้เจอกับตัวเอง จึงว่าหลวงปู่บู่ไม่ธรรมดา เรื่องต่อมา ชาว บ้านเล่าว่ามีขโมยขึ้นกุฏิหลวงปู่บู่ เพื่อลักขโมยข้าวของในกุฏิ พอขโมยขึ้นมาบนกุฏิก็ค้นหาย่ามที่ใส่ปัจจัยที่หลวงปู่เก็บไว้ในย่ามเพื่อจะ ขโมยเอาเงินไป เมื่อขโมยล้วงมือลงไปในย่ามต้องตกใจสะดุ้งกลัวสุดขีดเมื่อในย่ามนั้นกลับ กลายเป็นงูทำธารตัวใหญ่นอนขดอยู่ในย่ามใบนั้น ทำให้ขโมยต้องทิ้งย่ามใบนั้นวิ่งหนีไปอย่างไม่ได้อะไรเลย แสดงให้เห็นว่าหลวงปู่ท่านไม่ธรรมดาเสกงูเฝ้าย่ามได้

เรื่อง ต่อมาเกี่ยวกับไม้เท้าของหลวงปู่บู่ เวลาท่านจะออกไปนอกวัดหรือไปบิณฑบาตหลวงปู่จะเอาไม้เท้าซ่อนเอาไว้พุ่มไม้ ข้างทางเคยมีคนแอบจะไปขโมยเอาไม้เท้าหลวงปู่ที่ซ่อนเอาไว้แต่หาจนทั่วพุ่ม ไม้หาอย่างไรก็หาไม่เจอแต่พอหลวงปู่กลับมาแล้วเข้าไปหยิบเอาไม้เท้าออกมาจาก พุ่มไม้นั้นอย่างสะดวกสบาย สร้างความประหลาดใจให้กับคนที่คอยขโมยไม้เท้าหลวงปู่บู่ยิ่งนัก และ อีกหลายๆเรื่องเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ เช่น โยมที่จังหวัดอุดรธานี เห็นท่านไปบิณฑบาตที่อุดรธานี และได้ใส่บาตรหลวงปู่ ทั้งที่ตัวหลวงปู่เองก็อยู่ที่วัดไม่ได้ไปไหนเลย บางคนเห็น หลวงปู่ไปบิณฑบาตที่ประเทศลาวหรือว่าบางคนไปขอถ่ายภาพหลวงปู่ ถ่ายอย่างไรก็ไม่ติดหรือถ่ายติดเมื่อกลับไปล้างภาพไม่มีภาพอะไรว่างเปล่า บางครั้งกล้องไม่ทำงานเอาดื้อๆ ถ้าหลวงปู่ไม่อนุญาตนับได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ของหลวงปู่บู่ เป็นพระอีกรูปหนึ่งที่ไม่ธรรมดาหาได้ยากในยุคกึ่งพุทธกาลนี้ ชาวบ้านเล่าว่าวันหนึ่งๆ หลวงปู่ไม่ได้ไปไหนเลยตั้งแต่มาอยู่ที่วัดคลาราม ท่านไม่ไปไหนและหลวงปู่ท่านไม่ชอบแสดงตัวโอ้อวดว่าท่านดีอย่างนั้นอย่างนี้กับใครต่อใคร นอกจากจะได้สัมผัสกับหลวงปู่เอง และเรื่องเล่าทุกเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเล่าจากปากชาวบ้านที่ได้สัมผัสจากตัวเองทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องจากปากท่านเลย

การเป็นผู้อยู่อย่างเหนือโลก

หลวงปู่บู่เป็นพระที่สมควรได้คำว่า “ โลกอุดร” ถึงน่าจะเหมาะสมกับการเป็นอยู่ของหลวงปู่จริงๆ ซึ่งเหมือนกับปฏิปทาของหลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน เหมือนแกะจากพิมพ์เดียวกัน การเป็นอยู่ของหลวงปู่บู่ อยู่อย่างเรียบง่ายทำตามได้ยาก เป็นพระที่มักน้อยจริงๆ สันโดษก็สันโดษจริงๆ กุฏิที่หลวงปู่อยู่จำวัดก็พังแหล่ไม่พังแหล่ เก่าสุดเก่า ถึงแม้จะมีศรัทธามาสร้างกุฏิถวายหลวงปู่หลังใหม่ก็ตาม หลวงปู่ไม่ได้ยินในลาภ ยังคงจำวัดในกุฏิเก่าๆ หลังเดิม เห็นแล้วทำตามหลวงปู่ได้ยากจริงๆ จีวรห่มก็เก่าๆ การเป็นอยู่หลับนอนก็เปลใต้ต้นมะม่วง บางครั้งก็ขึ้นไปนอนบนต้นมะม่วง การนอนของหลวงปู่จะนอนในท่าสีหะไสยาศตลอด บางวันอากาศร้อนๆหลวงปู่บู่ก็ลุกขึ้นมาก่อไฟผิง ไม่สนใจใคร ฝนตกก็เดินตากฝน หน้าหนาวหลวงปู่ก็เดินตากอากาศหนาว อย่างไม่กลัวความหนาว นับได้ว่าเป็นการอยู่ที่เป็นไปเพื่อการปล่อยวางในโลกกรรมอย่างแท้จริง โดยหลวงปู่ไม่ยินดียินร้ายในคำสรรเสริญ ยกย่อง คำนินทา ใครจะด่าว่าร้ายหลวงปู่ก็ช่าง จะมีลาภหรือไม่มีลาภ หลวงปู่ก็ไม่หวั่นไหว ใครจะมียศมีตำแหน่งหลวงปู่ก็นิ่งเฉย โลกใบนี้มันจะสุขหรือจะทุกข์มันก็เป็นมาอย่างนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร





ให้โชคให้ลาภแม่น

มีชาวบ้านเล่าว่าหลวงปู่ให้ปริศนาตัวเลขแม่นและมีครูบาอาจารย์รูปหนึ่งท่านบอกว่ามีโอกาส มาแถวนี้อย่าลืมไปกราบหลวงปู่บู่ วัดสุมังคลารามนะ เมื่อมีโอกาสเลยไปกราบหลวงปู่ และได้ถามหลวงปู่บู่เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2552 ที่ผ่านมาว่า “หลวงปู่อายุเท่าไหร่แล้ว” หลวงปู่ตอบว่า “ สิบหนึ่ง” พอได้ฟังก็งงๆ อยู่เหมือนกัน

หลวงปู่ อายุปูนนี้แล้วจะมีอายุแค่สิบเอ็ดปีเป็นไปไม่ได้แน่ พอวันที่ 2 พ.ค. 52 หวยออก 2 ตัวล่าง 11 ตรงๆ และเมื่ออีกอาทิตย์หนึ่งถัดมาก็ได้ไปกราบหลวงปู่อีกครั้ง ก็เลยถามหลวงปู่อีกว่าหลวงปู่บวชมากี่พรรษาแล้ว หลวงปู่ตอบว่า “สิบหนึ่ง” เพราะดูตามความจริงหลวงปู่น่าจะเป็นพระมหาเถระแล้ว คงบวชมาไม่ต่ำกว่า 40 พรรษาอย่างแน่นอน พอมาวันที่ 16 พ.ค. 52 หวยออกเลขท้ายสามตัวบนออก 411 ทำให้หายสงสัยในหลวงปู่ทันที ใน ความมีเมตตาของหลวงปู่ ซึ่งการให้โชคให้ลาภนี้ หลวงปู่บู่จึงคล้ายกันกับหลวงปู่สรวง ที่ให้โชคให้ลาภแม่นมากแสดงว่าหลวงปู่บู่ไม่ธรรมดาจริงใครอยากไปสัมผัสกับ ตัวเองก็ขอเชิญเมื่อมีโอกาสแวะไปได้ที่วัดสุมังคลาราม ต. พังขวาง อ.เมือง จ. สกลนคร ของดีอยู่ใกล้ๆ แค่นี้เอง



หลวงปู่เป็นพระอรหันต์

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 มี คณะของสำนักชลประทานมี่ 5 จากจังหวัดอุดรธานีได้ไปกราบนมัสการหลวงปู่บู่ พร้อมท่านพระอาจารย์ปกรณ์ กนฺตวีโร แห่งวัดถ้ำภูผาแด่น จ.สกลนคร ขณะที่สนทนากันส่วนมากจะเกี่ยวกับเรื่องธรรมะและการปฏิบัติกับหลวงปู่บู่ สังเกตดูใครถามท่านๆก็จะตอบถ้าไม่ถามท่านๆก็จะนิ่งเฉยเสียโดยไม่มีความรู้สึกยินดียินร้ายต่อสภาวะแวดล้อมขณะนั้นใดๆทั้งสิ้น มีบุคคลหนึ่งในคณะถามท่านถึงเรื่องความฝันเพราะอาจจะนำคำพูดของท่านมาตีเป็นเลฃหวยก็ได้ ว่าหลวงปู่ฝันดีบ่ ท่านก็บอกบ่ฝันดอก บุคคลนั้นก็ถามต่อว่าหลวงปู่ชอบเลขอะไร หลวงปู่ก็ตอบว่า ” มักเลข 8“ คำ ตอบของหลวงปู่ทำให้คณะของชลประทานนั้นถึงกับอึ้งและงงกันไปพักใหญ่ว่าหลวง ปู่ให้เลขตัวเดียวแล้วจะหาตัวเลขอื่นมาผสมอย่างไรให้ครบสองตัว ขณะที่ทุกคนในคณะกำลังงุนงงกับคำพูดปริศนาของหลวงปู่อยู่นั้น บุคคลที่ถามท่านก็นึกได้และเฉลยให้ทุกคนในที่นั้นฟังและได้ยินกันทั่วทุกคน จนทำให้คำพูดที่เป็นปริศนาของหลวงปู่หมดไป ว่าที่แท้คำว่า“ มักเลข 8” ของหลวงปู่นั้นคงหมายถึง ” มรรคแปด “ ซึ่งเป็นทางเดินแห่งพระอริยะมรรคของพระอรหันต์เท่านั้น เมื่อบุคคลนั้นในคณะเรียนถามหลวงปู่บู่อีกว่า มักเลข 8 หมายถึง มรรคแปด ไช่ไหม หลวง ปู่ท่านก็ได้แต่ยิ้มๆและไม่ตอบหรือพูดว่าอะไรแม้สักคำเดียว (มักภาษาลาวแปลว่าชอบ ภาษาธรรมแปลว่าทางเดินของพระอริยะมรรคอันมีองค์แปดนั่นเอง) คำตอบนี้พวกเราคงไม่ต้องเดากันนะครับว่าหลวงปู่บู่ ท่านหมายถึงอะไรและท่านเป็นพระอริยะบุคคลชั้นไหนแล้ว และจากวันที่คณะชลประทานกลับไปแล้วจะบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่ปรากฏว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2552 ออก 000816 มีเลข 8 ของหลวงปู่ออกมาจริงๆถ้าวันนั้นคนใดคนหนึ่งเป็นนักเล่นหวยละก็คงเล่นเป็นเลขวิ่งโดดๆเลข 8 เลขเดียวคงรวยเละแน่นอน
ราคาเปิดประมูล2,950 บาท
ราคาปัจจุบัน-- ยังไม่มีผู้เสนอราคา -- (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 03 พ.ค. 2553 - 21:17:40 น.
วันปิดประมูล - 13 พ.ค. 2553 - 21:17:40 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลtextile007 (9K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     2,950 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ท่านต้อง login เข้าสู่ระบบก่อน จึงจะสามารถร่วมประมูลได้ !!!


 

Copyright ©G-PRA.COM