(0)
***พระสมเด็จพระไตรปิฏก หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ จ.ระยอง***








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง***พระสมเด็จพระไตรปิฏก หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ จ.ระยอง***
รายละเอียด***หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ศิษย์เอกของ "หลวงปู่ทิม อิสริโก" อดีตเกจิอาจารย์ ชื่อดังแห่งวัดระหารไร่ จ.ระยอง ต้นตำรับ "ขุนแผนผงพรายกุมาร" อันลือลั่นสนั่นวงการ พระเครื่อง ได้เมตตาให้สัมภาษณ์พิเศษ ทีมข่าวพระเครื่อง "คม ชัด ลึก" เกี่ยวกับการ สืบทอด วิชาคาถาอาคมต่างๆ จากหลวงปู่ทิม ตลอดจนการสร้างศาสนวัตถุ โดยเฉพาะ "พิพิธภัณฑ์ยันต์" แห่งแรก และแห่งเดียว ในเมืองไทย เชิญติดตามอ่าน กันได้โดยพลัน...ไม่ทราบว่า หลวงพ่อไปร่ำเรียนวิชากับ "หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่" ได้อย่างไรครับ?อาตมาเป็นคนที่นี่ (บ้านหนองกรับ อ.บ้านค่าย อยู่ห่างจากวัดระหารไร่ประมาณ 10 กิโลเมตร) ไปหาท่านครั้งแรก ตอนนั้นอาตมาอายุประมาณ 15 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยม ก็เข้าไปอยู่ที่วัดระหารไร่ ไปกินนอนที่วัดเลย ไปรับใช้หลวงปู่ทิม โดยได้ขออนุญาตจากทางบ้านแล้วตอนนั้น หลวงพ่อรู้ได้อย่างไรว่าหลวงปู่ทิมมีวิชาคาถาอาคมแก่กล้าเพราะหลวงปู่ทิมก็เพิ่งมีชื่อเสียงในช่วงที่ชราภาพมากแล้ว ซึ่งตอนที่หลวงพ่อได้เจอท่าน ตอนนั้น หลวงปู่ทิมก็ยังไม่แก่เท่าไหร่ ใช่มั้ยครับ อาตมาก็ดูจากที่ท่านปฏิบัติ อาตมาดู และเห็น เรื่องอย่างนี้ มันขึ้นอยู่กับสัญชาตญาณ ของแต่ละคน เมื่อตอนที่หลวงพ่อได้พบกับ "หลวงปู่ทิม" ครั้งแรก ตอนนั้นหลวงพ่อ รู้สึกอย่างไรบ้างครับ? ท่านปฏิบัติดี อาตมาเห็นแล้วก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา มีความรู้สึกว่าหลวงปู่ทิม ไม่ใช่พระธรรมดา จึงได้ฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ท่าน โดยโยมพ่อกับโยมแม่ได้ ถวายอาตมาให้เป็น "บุตรบุญธรรม" ของหลวงปู่ทิม จากนั้น จะขออะไร จะเรียนอะไร ก็จะได้ทั้งหมด เพราะปกติท่านจะไม่ค่อยถ่ายทอดวิชาให้กับใคร ทำไม "หลวงปู่ทิม" จึงไม่ค่อยยอมถ่ายทอดวิชาให้ใครง่ายๆ ล่ะครับ ท่านกลัวว่าเมื่อถ่ายทอดวิชาให้คนที่เรียนไปแล้ว กลัวไม่เอาไปใช้จริง สมัยนั้น คงจะมีผู้คนมาขอเรียนวิชากับหลวงปู่ทิมเยอะสิครับ ก็เยอะ แต่หลวงปู่ท่านจะดูลักษณะคนด้วยว่า ใครจริงจังจะศึกษา คาถาอาคมก่อนเป็นอันดับแรก เพราะถ้าเรียนไปแล้วไม่เอาจริงไม่มีความสนใจ และไม่เอาไปใช้มันทำให้เสียเวลาในการแนะนำหรือสอนท่านก็จะหมดกำลังใจคือการที่ท่านจะท่องจำนั้นไม่ไหวแล้ว หรือบางครั้งเรียนไปแล้วไม่เอาไปใช้ ก็ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงกับอาจารย์ผู้สอนไปด้วย ดังนั้น ท่านจะดูคน ถ้าคนไหนจะเอาจริงๆ ก็ต้องมีความเพียรจริงๆ นานมั้ยครับหลวงพ่อ กว่าที่หลวงปู่ทิมจะยอมถ่ายทอดวิชาให้หลวงพ่อ? ไม่นาน เพราะว่า ท่านดูจากลักษณะว่า มีแววเอาจริง มีแววอย่างไรครับ? ท่านคงเห็นว่าอาตมาเอาจริง และมุ่งมั่น โดยให้อาตมาไปเขียนผ้ายันต์มา1บททุกวันและก็บอกว่าให้ไปท่องจำโดยจะต้องจำให้ได้พอท่องจำได้แล้วก็มาท่องให้ท่านฟัง จากนั้น ทำอย่างไรต่อครับ? เมื่อเขียนบทที่ 1 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เริ่มเขียนบทที่ 2 พอเขียนเสร็จแล้วก็มาทบทวนท่องให้ท่านฟังอีก ท่องจนกว่าจะจำได้ ท่านก็จะให้ท่องจำทุกบท ทำอยู่อย่างนี้ประมาณ 4-5 ปี หลวงพ่อทำแบบนี้อยู่กี่ปีครับ จำไม่ค่อยได้ แต่รู้ว่านานหลายปีเลยทีเดียว ซึ่งตรงนี้ทำให้อาตมาจำคาถาได้เยอะ และทำให้อาตมาจำได้ดี แต่คาถามีอยู่เยอะมาก ก็จำได้ไม่ได้ทั้งหมดหรอก มันมากมายกว่าที่เราจะจำได้ จึงได้มีการซิกแซก อาจารย์เลยท้าพูดกันง่ายๆ เลย ทำอย่างไรครับหลวงพ่อ พออาจารย์เผลอเราก็แอบเอาตำราเข้าห้องเลยเพราะเรารู้ว่าตำราเล่มไหนเราเขียนไปแล้วเราก็จะไม่เขียนซ้ำจะเอาหยิบไปวางไว้เอง ท่านไม่รู้หรอกเราก็เขียน เล่มต่อไปอีก พออาจารย์เผลอเราก็เอาไปไว้ที่เดิมแล้วเอาเล่มใหม่มาเขียนต่ออีกแต่สิ่งที่เราเรียนและท่องจำมาทั้งหมดนั้นเราเข้าใจทุกอย่างแล้ว พออาจารย์รู้ ท่านก็ถามว่าเอาตำราไปใช่ไหมเนื่องจากแกสังเกตจากกองที่ตั้งหนังสือมันไม่เรียงกันเราก็ยอมรับว่าใช่แต่ก็ได้บอกท่านว่าตำราที่เรียนกับอาจารย์ ด้วยวิธีการท่องจำอย่างเดียวคงไม่ไหวเพราะมีมากมายเหลือเกินจึงต้องลอกจากอาจารย์เก็บไว้ท่านก็ไม่โกรธเพราะว่าท่านเข้าใจว่าเราเอาไปก็ต้องได้ใช้ในที่สุดท่านก็บอกว่า ท่านก็เรียนมาแบบนี้เหมือนกัน(หัวเราะ)ถ้าอย่างนั้นเราก็ตีจบไปเลยว่าเราไม่ผิด(หัวเราะ)แล้วหลวงปู่ทิมท่านไปเล่าเรียนวิชามาจากที่ไหนครับ? หลวงปู่สิม วัดบ้านซ่อง อำเภอวันทองจังหวัดชลบุรีที่เป็นศิษย์สายเดียวกับหลวงปู่ทิมก็มีหลวงพ่อโด่วัดนามะตูมและหลวงปู่ม่นวัดเนินตาหมาก หลวงปู่ทิมเคยพูดถึงเรื่องอภินิหารและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆให้หลวงพ่อฟังบ้างมั้ยครับ อันนี้ ท่านไม่เคยพูดให้ฟังเลย แล้วหลวงพอไม่ถามหลวงปู่ทิมบ้างเลยหรือครับว่าวิชาคาถาอาคมต่างๆที่เรียนมานีมีความศักดิ์สิทธิ์หรือไม่อย่างไร? อาตมาก็ถามเหมือนกันแต่ท่านไม่บอกท่านบอกว่าก็ทำไปแล้วจะรู้เอง ขอให้ฝึกจิตใจของตัวเองไปให้สงบเดี๋ยวก็รู้เองคนอื่นจะรู้ด้วยไม่ได้นอกจากตัวเองแล้วหลวงพ่อเคยเห็น"อภินิหาร"ของหลวงปู่ทิมบ้างไหมครับ? ไม่เคยมีนะเห็นท่านเป็นพระธรรมดาๆรูปหนึ่งเท่านั้น และท่านก็เป็นพระเงียบๆแต่ก็พอคุยได้เหมือนกันจริงๆ จะว่าไม่มีในเรื่องอภินิหารเลยก็ไม่ใช่นะก็มีเหมือนกัน มีอภินิหารอย่างไรครับหลวงพ่อ? ตอนนั้นเป็นเวลากลางวันประมาณบ่ายโมงแกเอาผ้าพาดบ่าไปสรงน้ำ สมัยก่อนวัดระหารไร่จะมีบึงและเป็นป่าเยอะไม่เหมือนปัจจุบัน แกก็ไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้เราก็จะเข้าไปคุยด้วยเพราะเห็นว่าท่านนั่งตากลมอยู่คนเดียวจากนั้นก็ได้นั่งคุยกันไปคุยกันมาตามอัธยาศัยคุยกันเป็นชั่วโมงเหมือนกันแล้วแกก็หยุดคุยจากนั้น แกก็เอามือแหย่ลงไปในน้ำแล้วก็ดีด2-3ครั้งครู่เดียวปลาก็วิ่งมาเป็นฝูงเลย ปลาวิ่งมาหาหลวงปู่ทิมเป็นฝูงเลยเหรอครับปลาหลายชนิดได้ว่ายมาหาแกนั่นแหละอาตมาไม่ว่าอะไรก็นั่งดูเฉยๆท่านก็ดีดอีกปลาก็วิ่งเข้ามาอีกเป็นจำนวนมากด้านหน้าที่มีแต่ปลาทั้งนั้นท่านก็ไม่ว่าอะไรเฉยอย่างเดียว เสร็จแล้วสักพักก็ขึ้นไปบนศาลาอาตมาก็ไม่ได้ถามอะไรท่านในตอนนั้น หลังจากนั้นประมาณ2-3อาทิตย์อาตมาจึงได้เข้าไปนั่งพูดคุย กับท่านด้านนอกกุฏิระหว่างคุยไปคุยมาพอได้จังหวะดีเห็นแกอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสจึงได้ถามท่านว่า "หลวงพ่อวันที่ฉันได้นั่งคุยกับหลวงพ่ออยู่ริมบึงวันนั้น เพราะเหตุใดปลาถึงวิ่งมาหาได้?"ท่านก็บอกว่า"มันมาดูเรามั้ง"ท่านก็ว่าอย่างนั้น(หัวเราะ)อาตมาก็ถามท่านต่อว่าผมก็เดินมาหลายครั้งแต่ไม่เห็นปลามันวิ่งมาดูเลย ผมว่าหลวงพ่อต้องมีอะไรสักอย่างเมื่อคุยไปคุยมาท่านก็ว่าไม่มีอะไรหรอกแต่เราก็ตื้ออยู่นานเมื่อถามไปถามมาก็บอกว่ามีมีอะไรครับก็มีคาถาเป็นคาถาเรียกงูเรียกปลาจากนั้นก็คุยเรื่องอื่นต่อไป เพราะรู้แล้วว่ามีแน่จากนั้นพออาตมาบวชมาได้2-3พรรษาก็ได้ขอวิชานี้กับท่านขอนับสิบครั้งเห็นจะได้แต่ก็ไม่ให้ ทำไมหลวงปู่ทิมจึงไม่ยอมถ่ายทอดวิชานี้ให้หลวงพ่อล่ะครับ?เพราะว่าคงหวงวิชาแต่ที่ขอแล้วก็เฉยถ้าแกตอบว่าอย่าเอาเลยเราก็คงไม่ตอแยแน่จนในที่สุดเมื่อแกใกล้จะมรณภาพแกถึงบอกว่า วิชานี้อย่าเอาเลยขอให้ติดตัวแกไปเพราะอะไรครับหลวงพ่อถ้าคนเอาไปใช้ไม่มีสัจจะก็จะอันตรายมากเพราะวิชานี้ไม่ได้ใช้เรียกปลาเท่านั้นสัตว์ทุกชนิดถ้าตั้งใจจะเอา ก็จะได้ทุกอย่างแม้แต่คนก็สามารถเรียกมาได้ถือเป็นคาถาที่อันตรายเพราะถ้านำใช้ไปในทางไม่ดีก็อันตรายมากสาเหตุนี้ท่านจึงไม่ยอมให้ใครเลยแกบอกว่าอย่าเอาเลย แต่อย่างอื่นแกให้ทุกอย่างจริงๆเราเสียดายก็เสียดายแต่แกบอกอย่าเอาเลยพอตกกลางคืนก็เอาอีกนะถามแกว่าไอ้วิชาที่ว่านี้มันเป็นอย่างไรผมอยากรู้วิชาที่ดีมันว่าอย่างไรถึงผมได้ผมก็ไม่เอาไปใช้หรอกและจะไม่ให้ใครด้วยแกก็บอกว่าคนเราเอาแน่นอนที่ไหนได้อนิจจังของคนไม่แน่นอนในยามถูกใจก็ดีในยามไม่ถูกใจก็ดี แสดงว่าหลวงปู่ทิมกลัวจะมีคนนำคาถานี้ไปใช้ในทางไม่ชอบ?ใช่อาจมีการนำไปใช้อย่างไม่ถูกไม่ต้องความมุ่งหมายของแกรู้ฉันก็แทงใจแกถูก(หัวเราะ)ถ้าให้ฉันแล้วเรื่องของเรื่องคือแกกลัวฉันจะสึกและมันมีเขียนไว้ในสมุดข่อยแกก็ทำลายทิ้งไปแต่เราเห็นก็หยิบเอามาต่อกันผิดบ้างถูกบ้างแต่ก็อ่านไม่รู้เรื่องแต่ฉันสันนิษฐานว่าคาถานี้ไม่น่าจะเกิน5คำแล้วพระ"ขุนแผนผงพรายกุมาร"ล่ะครับหลวงปู่ทิมท่านทำอย่างไรครับ?ขุนแผนนี้ท่านได้มาสร้างเมื่อปีพ.ศ2517 ช่วงก่อนที่แกจะมรณภาพไม่กี่ปีที่ทำก็เพราะมีไวยาวัจกรของวัดแกก็คิดว่าจะทำขุนแผนจึงไปปรึกษากับหลวงปู่จะทำอย่างไรดีแกก็ไม่บอกกลุ่มพวกนี้ก็หัวใสอยู่แล้วก็ไปเอาแบบที่จะสร้างขุนแผนมาให้ท่านดูว่าควรสร้างแบบไหนดีแบบนี้ได้ไหมแบบนั้นได้ไหมในที่สุดก็จึงได้สร้างขุนแผนขึ้นมาเพื่อจะได้นำเงินมาก่อสร้างบำรุงวัดเนื่องจากเมื่อก่อนบริเวณวัดแห่งนี้เป็นป่าทั้งนั้นหลวงปู่ทิมเป็นคนบอกให้ใช้"ผงพรายกุมาร"มาทำใช่มั้ยครับ ไม่ใช่แต่มาจากลูกศิษย์อันนี้ก็ได้ปรึกษาหารือกันแล้วว่าจะทำอย่างนี้อย่างนี้นะแล้วก็นำไปปรึกษาหารือกับหลวงปู่ทิมว่าจะทำได้ไหมแกก็บอกว่าได้ถ้ามีความสามารถทำมาได้แกก็ทำให้ได้
พวกลูกศิษย์ก็จึงไปจัดหากันมาเพราะคนตายสมัยนั้นเขาจะเอาฝังดินไม่เหมือนสมัยนี้ที่ไม่มีการฝังแล้วโยมปูนสัปเหร่อของวัดในสมัยนั้นก็เป็นคนไปเอาผงพรายกุมารมาก็จะเป็น"ลิ้น"กับ"เส้นผม"ของเด็กที่อยู่ในท้องแม่ที่ตายท้องกลมแต่ไม่ได้เอาหัวกะโหลกอะไร ลูกศิษย์เป็นคนจัดการเองทั้งหมดเลยใช่ไหมครับ?
ลูกศิษย์จัดการเองโดยท่านไม่ได้บอกพวกนั้นได้ไปขุดหากันมาอย่างเส้นผมก็จะเอามาซอยส่วนลิ้นก็จะเอาไปย่างแล้วเอามาบดให้ละเอียด แล้วก็เอามาให้ท่านซึ่งทางท่านก็มีส่วนผสมอยู่แล้วเมื่อเอามาผสมกันแล้วก็ทำการปลุกเสกที่จริงพลังจิตของท่านที่มีเจตนาเป็นกุศลแรงเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ผงพรายกุมารแต่ถ้ามีการใส่ผงพรายกุมารนี้ลงไป เขาบอกว่าถ้าทำอะไรผิดแหวกแนว คนใหม่ๆ มันชอบ มันก็เชื่อ เป็นอุปทานไป ตอนนั้น หลวงปู่ทิมปลุกเสกขุนแผนผงพรายกุมาร นานแค่ไหนครับ? ท่านปลุกเสกคนเดียว ประมาณ 1 อาทิตย์เศษๆ แล้วเขาก็เอาออกมาใช้กัน วิชาการสร้างขุนแผนผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม ก็ตกทอดมาถึงหลวงพ่อด้วยใช่มั้ยครับ? อาตมาก็ได้เรียนกับท่านมา และได้มาแบบท่านไม่ได้หวงเลย อาตมาไม่ได้อย่างเดียว คือ คาถาที่เรียกปลาเท่านั้นแหละ อย่างผงพรายกุมาร อาตมาก็ได้จากท่านมาบางส่วน ก็ขอท่านไว้หลังจากที่ท่านทำพิธีปลุกเสก เพราะตอนนั้น อาตมาก็ช่วยเขาทำอยู่ด้วย แต่ก็ได้มานิดเดียว ค่อนๆ ตลับยาหม่องเล็กๆ พออาตมาสร้างพระขุนแผน ก็เอาผงพรายกุมารที่ได้มาใส่เป็นเชื้อ แล้วก็จะหาผงอย่างอื่นเอามาผสมกัน วิชาเหล่านี้ นอกจากจะมีดีตามความเชื่อของแต่ละคนแล้ว จะมีผลที่ไม่ดีอะไรบ้างมั้ยครับ? อะไรที่เกี่ยวกับผี มันไม่ดีหรอก บอกได้เลยว่าไม่ดี ถ้าสมมติว่าเราทำให้ใครใช้ หากเราบังคับมันไม่อยู่ ไอ้คนใช้ก็จะอันตราย เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ฉันเรียนมาก็จริง แต่ตัวฉันไม่เอานะ เข้ากับผี ไม่ว่าจะเป็นกระดูกหรืออะไร หลวงพ่อก็ทำได้ แต่ไม่ทำ ทำได้ เนื่องจากวิชาเหล่านี้เรียนมาทั้งนั้น แต่ไม่ทำ อะไรที่เกี่ยวกับผีเป็นไม่เอา จะเป็นสีผึ้ง หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่เอา มันจะเป็นอันตรายที่เกิดขึ้นได้ เพราะถ้าทำไม่ดี คนๆ นั้นอาจถึงขั้นวิปริต เสียสติไปเลย ส่วนพระขุนแผน พวกผงพรายกุมารนั้น ต้องเรียกว่าคนทำ คือ หลวงปู่ทิมท่านเก่ง ท่านบังคับอยู่เลย ท่านเสกบังคับไว้เสร็จเลย ฉะนั้น คนที่จะทำต่อไป ถ้าไม่แน่จริงอย่าไปทำ มันเป็นอันตรายถือว่าเล่นกับผีนะ เดี๋ยวเสกบังคับไม่ได้ ก็ยุ่งเลย แล้วคาถาที่หลวงปู่ทิมเสกบังคับเอาไว้ ไม่มีเสื่อมบ้างหรือครับ มันไม่เสื่อมหรอก เหมือนโบราณเขาว่าไว้ว่า ถ้าทำได้แน่จริง ดีจริงๆ มันไม่เสื่อมหรอก เช่นเดียวกับเพชรที่ตกไปในตม เอาขึ้นมาล้างมันก็คือเพชร ไม่เสื่อมหรอก ได้ข่าวว่า ตอนนี้ หลวงพ่อกำลังจัดสร้าง "พิพิธภัณฑ์ยันต์" ขึ้นมาที่วัดหนองกรับ ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรครับ? ก็จะสร้างเป็นอาคาร 3 ชั้น ชั้นล่างก็จะเป็นกุฏิ ไว้ต้อนรับญาติโยมที่เดินทางมาทำบุญที่วัด ชั้น 2 ก็จะทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ส่วนชั้น 3 จะใช้เป็นที่เก็บวัตถุมงคลต่างๆ ที่ได้ปลุกเสกแล้วพิพิธภัณฑ์นี้จะใช้เวลาสร้างประมาณ 3 ปีได้ อาตมาคาดว่า เดือนพฤษภาคมปีนี้จะเสร็จสมบูรณ์ พิพิธภัณฑ์ที่ว่านี้ เมื่อเสร็จแล้วจะเป็นแบบไหนครับ? จะทำเป็นที่เก็บเฉพาะ "ยันต์" เท่านั้น จะเป็นยันต์ขนาดใหญ่ที่ดูแล้วสวยงาม เป็นยันต์ที่อาตมาเขียนเองทั้งหมด ส่วนใหญก็เป็นยันต์ที่ได้เรียนมาจากหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ก็มียันต์ หนุมาน ยันต์ชูชก และเป็นยันต์พวกดาวเดือน ฯลฯ ยันต์ต่างๆ ก็จะมีอยู่ในตำรา ลอกจากตำราแล้วเอาไปปั้นติดผนังเลย และคิดว่าถ้าปั้นจะแลดูขลังกว่า จะนูนออกมาสวยกว่า โดยจะมีการเขียนตัวหนังสือออกมาก่อน แล้วเอามาแกะตัวหนังสือทำแม่พิมพ์เลย แล้วเทเป็นตัวๆ ไปเลย ก ข ค ง จ ธ ท น ฯลฯ ไอ้เส้นยันต์เราก็เทเป็นร่องๆ ไป ประมาณ 40 ซม. หรือ 30 ซม. การเขียนยันต์ หลวงพ่อเรียนจากหลวงปู่ทิมท่านเดียวเลยเหรอครับ อาตมาก็ไปเรียนกับอาจารย์เรียง อยู่ที่กรมศิลปากรด้วย ก็ไปเรียนกับท่านตั้งแต่อายุประมาณ 15 ปี สมัยนั้น ท่านอาจารย์เรียงมาทำงานอยู่แถวชลบุรี ท่านก็เริ่มให้ฝึกตั้งแต่การแกะสลักไม้ หลังจากนั้นก็ได้ฝึกเขียนยันต์ ส่วนใหญ่จะให้หัดเขียนเป็นลายไทย พวกลายกนกต่าง ๆ ก็เรียนอยู่กับอาจารย์เรียง ประมาณ 5 ปีเห็นจะได้ ก็เป็นพื้นฐานในการเขียนยันต์ต่างๆ ในเวลาต่อมา เครื่องรางของขลังต่างๆ มีประโยชน์อย่างไรบ้างครับหลวงพ่อ ให้เป็นพุทธานุสติ ให้มีการระลึกถึงสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้ระลึกนึกถึงคุณงามความดี ไอ้ประโยชน์ของเขามันมองไม่เห็น แต่กรณีฉุกเฉิน มันก็สามารถทำให้เราแคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆ ไปได้ หรือบางครั้งจากหนักก็ให้เป็นเบาได้ เรื่องแบบนี้พูดยาก ขึ้นอยู่กับความเชื่อ หรือคนต้องประสบเอง ในทางกลับกัน เครื่องรางของขลังต่างๆ มีโทษบ้างมั้ยครับ ถ้านำไปใช้ในสิ่งที่ผิด ก็จะเกิดโทษ เช่น คนที่ได้เครื่องรางของขลัง ไปแล้วคิดว่าตัวเอง ดีแล้ว เหนียวแล้ว คงกระพันแล้ว ก็เกิดความประมาท บางทีก็ไปหาเรื่องหาราวคนอื่น อย่างนี้ก็เป็นโทษ แต่ถ้าคนเรา เอาเครื่องราง ของขลังเอาไปใช้อย่างไม่ประมาท เอาไว้คุ้มครองตัวเอง เอาไว้เป็นที่ระลึก เป็นพุทธานุสติ คงไม่มีปัญหา ทีมข่าวพระเครื่อง "คม ชัด ลึก" (เน้นคำพูด-ตัวใหญ่)พระขุนแผนผงพรายกุมารนั้น ถ้าไม่แน่จริง อย่าไปทำ มันเป็นอันตราย ถือว่าเล่นกับผีนะ เดี๋ยวเสกบังคับไม่ได้ ก็ยุ่งเเลย อะไรที่เกี่ยวกับผี มันไม่ดีหรอก เพราะถ้าคนทำ เสกบังคับมันไม่อยู่ ไอ้คนใช้ก็จะอันตราย" หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่จังหวัดระยองเป็นเกจิที่ประชาชนกำลังให้ความนิยมสูงสุดอยู่ในขณะนี้ท่านเป็นพระที่มีศิลลาจารวัตรงดงามและมีพุทธาคมอันแก่กล้าไม่ว่าจะเป็นด้านคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม มหาลาภแคล้วคลาดซึ่งปรากฏได้ประจักษ์มาแล้วในผู้ที่เคารพนับถือและมีวัตถุมงคลของลป.ทิมไว้บูชาซึ่งในปัจจุบันวัตถุมงคลของหลวงปู่เป็นที่เสาะแสวงหากันมากทั้งประชาชนทั่วไปและบุคคลในวงการพระเครื่องผู้ที่มีอยู่ต่างก็หวงแหนเพราะประสบการณ์ที่ประสบมาด้วยตัวเองจึงทำให้เกิดแรงศรัทธาอันสูงสุดแม้ลป.ทิมจะล้วงลับไปแล้ว แต่ความศักดิ์ก็ยังคงอยู่ ความศรัทธาจากประชาชนมิได้ลดน้อยถอยลงแต่อย่างใดเมื่อครั้งที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่มีลูกศิษย์ลูกหาหลวงปู่หลายท่านได้ถามหลวงปู่ว่า”หลวงปู่ครับเมื่อสิ้นหลวงปู่แล้วพวกกระผมจะพึ่งพิงพระรูปใดได้บ้าง”หลวงปู่ทิมได้ชี้ไปที่พระหนุ่มรูปหนึ่งซึ่งในวันนั้นได้มาปฏิบัติหลวงปู่อยู่ด้วย”โน่น ท่านสาคร เขาเรียนของไว้เยอะท่านสาครที่หลวงปู่พูดถึง ก็คือหลวงพ่อสาคร มนุญโญ วัดหนองกรับศิษย์เอกหลวงปู่ทิมที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมไว้จนหมดสิ้นพระครูมนูญธรรมวัตรหรือหลวงพ่อสาครศิษย์เอกผู้สืบทอดพุทธาคมจากหลวงปู่ทิม อิสริโกเป็นผู้ฝักใฝ่ในด้านเวทย์มนต์คาถาอาคมและวิชาแพทย์แผนโบราณมาตั้งแต่เด็กๆนามเดิมว่า สาครไพสาลี เกิดในกระกูลชาวไร่-ชาวนา เมื่อวันอังคาร แรม ๙ ค่ำ เดือน ๓ ตรงกับวันที่ ๓กุมภาพันธ์ ๒๔๘๑ ซึ่งตรงตามคติโบราณที่ว่าบุคคลนั้นจะมีความพิเศษอยู่ในตัวหากถือปฏิบัติก็จะพบกับความสำเร็จเจริญยิ่งๆขึ้นไปหากร้ายก็จะร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้และบุคคลที่เกิดในราศีนี้จิตจะฝักใฝ่ด้านไสยศาสตร์เวทย์มนต์คาถาโยมบิดาชื่อ นายกุ โยมมารดาชื่อนางนิด หลวงพ่อสาครเกิดที่บ้านท้ายทุ่ง หมู่สอง๒ ต.หนองกรับ อ.บ้านค่าย(บ้านท้ายทุ่งแห่งนี้เป็นสถานที่เดียวกับบ้านเกิดของลป.ทิม)หลวงพ่อสาครมีพี่น้องทั้งหมด๒คนคือ๑.นางอยู่ ไพสาลี๒.หลวงพ่อสาครหลวงพ่อสาครได้เข้าศึกษาเบื้องต้นในชั้นประถมปีที่ ๑เมื่ออายุได้๕ปีที่โรงเรียนวัดหนองกรับจนจบชั้นประถมปีที่๔ เมื่อพ.ศ. ๒๔๙๐ ได้ออกมาช่วยโยมบิดา-มารดาประกอบอาชีพทำนาและเมื่อมีเวลาว่างก็จะออกเดินทางไปบ้านละหารไร่เพื่อศึกษาวิชาไสยศาสตร์กับโยมหล่อและโยมทัต ซึ่งทั้งสองถือว่าเป็นผู้เรืองวิชาอาคมในสมัยนั้นและเข้าปฏิบัติหลวงปู่ทิมอยู่เป็นนิจซึ่งนับว่าเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่หลวงปู่ให้ความเมตตาเรียกใช้อยู่เสมอด้วยนิสัยและความสนใจด้านไสยศาสตร์มาแต่เด็กและโตขึ้นจึงเป็นคนหนุ่มที่มีวิชาอาคมติดตัวแต่ก็ได้ใช้วิชาที่ได้ร่ำเรียนมาไปทำร้ายใครกลับมีแต่ช่วยเหลือเพื่อนๆรุ่นเดียวกันมาตลอดเมื่ออายุครบ ๒๐ปีโยมมารดาและญาติพี่น้องจึงได้ร่วมกันจัดพิธีอุปสมบทให้เป็นพระภิกษุที่วัดหนองกรับเมื่อวันพุธที่ ๔มิถุนายน ๒๕๐๓โดยมีพระครูจันทโรทัย(หลวงพ่อดิ่ง)เป็นพระอุปัชฌายะเป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระอธิการเคียงวัดไผ่ล้อมเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า”มนูญโญ”เมื่ออุปสมบทแล้วได้เดินทางไปจำพรรษาที่วัดละหารไร่และได้ฝากตัวเป็นศิษย์ลป.ทิมเพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและพุทธาคมจากหลวงปู่ทิมอย่างจริงจังจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆจากหลวงปู่ทิมจนหมดสิ้นโดยมิได้ปิดบังแต่อย่างใดเรียกได้ว่าเรียนได้กระจ่างชัดรู้จริงสามารถปฏิบัติได้เมื่อมีความเชี่ยวชาญในวิชาอาคมที่เรียนแล้วด้วยใจรักในด้านนี้จึงได้เสาะแสวงหาศึกษาวิชาอาคมจากลพ.เพ่งสาสโน วัดละหารใหญ่ ซึ่งหลวงพ่อเพ่งรูปนี้เดิมเป็นมหาดเล็กในเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรเขตดุดมศักดิ์ฯจึงได้ศึกษาวิชาอาคมจากหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่ามีวิชาด้านคงกระพันธ์เป็นเยี่ยมเขียนอักขระลงบนแผ่นตะกั่วเพียงตัวเดียวให้คนทดลองยิงก็ยิงไม่ออกเมื่อหลวงพ่อสาครได้ศึกษาวิชาอาคมจากหลวงพ่อเพ่งเป็นอย่างดีแล้วก็ได้รับคำแนะนำจากหลวงปู่ทิมให้ไปศึกษาวิชาจากหลวงปู่หินวัดหนองสนมซึ่งหลวงพ่อสาครก็ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่หินถ่ายทอดวิชาให้เป็นอย่างดีหลังจากศึกษาวิชาอาคมจากหลวงปู่หินแล้วหลวงพ่อสาสรก็เดินทางไปศึกษาวิชากับหลวงปู่โสม วัดบ้านช่อง อ.พานทองจ.ชลบุรีซึ่งเป็นพระที่มีวิชาอาคมแก่กล้าอีกองค์หนึ่งของภาคตะวันออกหลวงพ่อสาครก็ได้ศึกษาจนกระทั่งจบกระบวนท่า ด้วยนิสัยใฝ่รู้หมั่นศึกษาหลวงพ่อสาครได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจากบรรดาเกจิอาจารย์ต่างๆอีกหลายองค์ อาทิพ. ศ. ๒๕๐๓ ได้เดินทางไปศึกษากับอาจารย์เชียงคำ ที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่าพ.ศ. ๒๕๐๖ ศึกษากับอาจารย์สิน วัดนาวังอ.บางละมุงชลบุรีพ.ศ.๒๕๑๘เดินทางไปศึกษากับอาจารย์สุพจน์ที่ประเทศเขมรพ.ศ. ๒๕๒๓ ศึกษากับพระอาจารย์สุมล คำเสียง ที่จังหวัดศรีษะเกษ
พ.ศ.๒๕๒๕ศึกษากับหลวงพ่อบุญเย็นวัดแจ้งนอกจ.นครราชสีมาพ.ศ. ๒๕๒๖ ศึกษากับหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมาพ.ศ. ๒๕๒๗ ศึกษากับหลวงพ่ออาคม วัดดาวนิมิตร จ.เพชรบูรณ์พ.ศ. ๒๕๒๘ ศึกษากับหลวงพ่อบึม วัดปราสาทกิน จ.ปราจีนบุรีฯลฯหลวงพ่อสาครยังได้ศึกษากับเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญทางด้านไสยเวทย์ต่างๆอีกหลายท่านทั้งพระภิกษุและฆราวาสในปีพ.ศ. ๒๕๐๘ พระครูเกลี้ยงธรรมถีโยเจ้าอาวาสลำดับที่๙วัดหนองกรับได้มรณภาพลง ทายกทายิกาชาวบ้านหนองกรับได้เดินทางไปหาหลวงปู่ทิมที่วัดละหารไร่เพื่ออาราธนาหลวงพ่อสาคร มนูญโญให้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองกรับ หลวงปู่ทิมได้อนุญาตหลวงพ่อสาครจึงมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองกรับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาถึงแม้ว่าท่านจะมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองกรับก็มิได้ทอดทิ้งหลวงปู่ทิมผู้เป็นอาจารย์ยังคงเดินทางไปกราบนมัสการดูแลหลวงปู่อยู่เสมอจนกระทั่งหลวงปู่ทิมได้มรณภาพลงในปี๒๕๑๘หลวงพ่อสาครก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ในการจัดบำเพ็ญกุศลศพหลวงปู่ทิมอย่างเต็มที่สมกับที่เป็นศิษย์ก้นกุฏิอย่างแท้จริงจนบรรดาลูกศิษย์ลูกหาอื่นๆของหลวงปู่ทิมกล่าวยกย่องชมเชยหลวงพ่อสาครกันทั่วหลวงพ่อสาครนอกจากจะสนใจศึกษาวิชาอาคมต่างๆแล้วท่านก็มิได้ทอดทิ้งในด้านการศึกษาพระธรรมวินัยและเมื่อรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหนองกรับซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า๒๐๐ปีและเคยถูกไฟไหม้เผากุฏิเสนาสงฆ์จนวอดวายท่านก็มิได้ดูดายเมื่อมาเป็นเจ้าอาวาสก็ได้บูรณะและสร้างเสนาสนะใหม่ขึ้นมาเพื่อให้ภิกษุสงฆ์สามเณรและพุทธศาสนิกชนได้ใช้ปฏิบัติศาสนกิจต่อไปด้วย ความสามารถพิเศษของหลวงพ่ออีกอย่างหนึ่งคือมีความชำนาญในด้านปฏิมากรรมและวิจิตรศิลป์การแกะสลัก,การปั้นลวดลายและวาดภาพฝาผนังตลอดจนการลงรักปิดทองท่านจึงได้ลงมือบูรณะและก่อสร้างเสนาสนะถาวรวัตถุต่างๆด้วยตัวท่านเองในปีพ.ศ.๒๕๒๔ ได้รับพระราชทานเป็นพระครูชั้นโท“พระครูมนูญธรรมวัตร”หลวงพ่อสาครได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.๒๕๐๘มีด้วยกันสองพิมพ์พิมพ์แรกเป็นสมเด็จรัศมีมีเนื้อผงใบลานเก่าสีดำหลวงพ่อได้นำใส่บาตรแล้วเผาไฟทำให้มีเนื้อแกร่งและอีกพิมพ์หนึ่งเป็นรูปปั้นหลวงปู่ทิมเนื้อผงใบลานสีดำเนื้อเดียวกับสมเด็จพิมพ์รัศมีหลวงพ่อสาครได้นำออกมาแจกแก่ญาติโยมครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ในงานทอดผ้าป่าพระชุดนี้ได้ก่ออภินิหารอย่างมากมายช่วยคุ้มครองชีวิตแก่ผู้นำติดตัวมาแล้วหลายรายต่อมาในปี๒๕๒๔หลวงพ่อสาครได้นำผงปัถมัง,ผงอิทธิเจที่ท่านเขียนเลขยันต์อักขระต่างๆ,ผงของของหลวงปู่.ทิม,ผงอิทธิเจหลวงพ่อเพ่ง วัดละหารใหญ่,ผงปัดตลอดอาจารย์ภูเมือง,ผงพุทธคุณหลวงพ่อสิมวัดถ้ำผาปล่อง,ผงพุทธคุณครูบาคำหล้า จ.เชียงใหม่,ผงพุทธคุณอาจารย์มั่น,ผงวิเศษหลวงพ่อจงวัดหน้าต่างนอกและผงของเกจิอาจารย์ต่างๆที่หลวงพ่อได้ไปศึกษามาหลวงพ่อสาครได้นำผงเหล่านี้มาสร้างเป็นสมเด็จพุทธนิมิตซึ่งเป็นพระประธานในอุโบสถวัดหนองกรับหลังจากสร้างออกมาแล้วก็เป็นที่ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อทหารนาวิกโยธินนายหนึ่งได้เหยียบกับระเบิดจนตัวลอยละลิ่วเมื่อเพื่อนๆวิ่งไปดูทหารคนนั้นไม่เป็นอะไรเลยในคอคล้องสมเด็จพุทธนิมิตองค์เดียวเท่านั้นจึงยกโขยงมาขอสมเด็จพุทธนิมิตจากหลวงพ่อไปเป็นจำนวนมากหลังจากนั้นหลวงพ่อได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นอีกหลายพิมพ์ซึ่งก็ล้วนมีประสบการณ์ทั้งสิ้นจนทำให้วัตถุมงคลเหล่านี้หมดไปจากวัดอย่างรวดเร็วในปีเดียวกัน(๒๕๒๔)หลวงพ่อสาครได้รับพระราชทานเป็นพระครูชั้นโทหลวงพ่อได้สร้างเหรียญปิดตารุ่นฉลองสมศักดิ์ขึ้นด้านหลังเป็นยันต์ห้าเหรียญรุ่นนี้เป็นที่โจษขานกันมาอีกรุ่นหนึ่งในบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในจังหวัดระยองเหราะทำให้มีฐานะดีขึ้นมาทุกวันนี้เพราะเหรียญปิดตาหลวงพ่อสาครนี่แหละหลวงพ่อสาครนับว่าเป็นที่เจริญรอยตามคณาจารย์โดยแท้ด้วยศิลลาจารวัตรที่งดงามอีกรูปหนึ่งท่านเป็นพระที่สมถะที่มากด้วยพระธรรมวินัยมีอาคมอันแก่กล้าหลวงพ่อสาคร มนูญโญ วัดหนองกรับนับว่าเป็นเพชรน้ำเอกอีกรูปหนึ่งที่ประชาชนให้ควาเคารพนับถือท่านเป็นพระผู้สืบสานอาคมจากหลวงปู่ทิมผู้เป็นอาจารย์มิขาดตกบกพร่อง***

***พร้อมใบรับประกัน +ส่งด่วนEMS***
ราคาเปิดประมูล200 บาท
ราคาปัจจุบัน-- ยังไม่มีผู้เสนอราคา -- (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ10 บาท
วันเปิดประมูล - 11 ก.ค. 2551 - 18:45:14 น.
วันปิดประมูล - 14 ก.ค. 2551 - 18:45:14 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลbenter (6.8K)(1)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     200 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     10 บาท

!!! ท่านต้อง login เข้าสู่ระบบก่อน จึงจะสามารถร่วมประมูลได้ !!!


 

Copyright ©G-PRA.COM