(0)
พระขุนแผนพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง ลองพิมพ์เล็ก ก้อนพรายเต็ม มวลสารเพียบ บรอนซ์สวย น้ำมันพระเจ้าตากชัดเจน..เลี่ยมทองฝังพลอยขาว มาพร้อมบัตรการันตี







ชื่อพระเครื่องพระขุนแผนพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง ลองพิมพ์เล็ก ก้อนพรายเต็ม มวลสารเพียบ บรอนซ์สวย น้ำมันพระเจ้าตากชัดเจน..เลี่ยมทองฝังพลอยขาว มาพร้อมบัตรการันตี
รายละเอียดองค์นี้สวยกริ๊ปๆ อักษรหลัง ทั้งยันต์ติดชัดทุกตัว พระปั้มได้คมชัดทุกสัดส่วนครับ..เลี่ยมทองฝังพลอยขาว สวยๆครับ

...ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เมื่อกลางปี 2515 คณะกรรมการวัดละหารไร่ มีนายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกร ประชุมกันเรื่องการสร้างพระเครื่องวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสมนาคุณแด่ชาวบ้านและสาธุชนทั่วไป ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินร่วมทำบุญกับวัดละหารไร่ ต่อไปในวันข้างหน้าโดยเฉพาะงานผูกพัทธสีมาพระอุโบสถ วัดละหารไร่ ในการนี้หลวงปู่ทิมได้กล่าวว่า หากได้ผงพรายกุมารมหาภูติผสมใส่ลงไปด้วย พระเครื่องที่สร้างขึ้นนี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเพราะมีอานุภาพแห่งพรายกุมารมหาภูติแฝงอยู่คอยช่วยเหลือเอื้ออำนวยพร เมื่อหลวงปู่ทิมมีความต้องการจะทำผงพรายกุมารมหาภูติ เพื่อนำมาเป็นมวลสารที่สำคัญยิ่งในการสร้างปลุกเสกพระเครื่องครั้งนี้นั้น ในบรรดาลูกศิษย์ยุคแรกของหลวงปู่ทิมอิสริโกทั้งหมดไม่มีใครกล้าเสนอตัวอาสากระทำการ เพราะต่างคนต่างก็เกรงกลัวความอาถรรพ์ของผีตายทั้งกลม ซึ่งโบราณกล่าวไว้ว่ามีความดุร้ายและหวงลูกมาก ถึงขั้นตามเอาชีวิตกันเลยทีเดียว มีแต่เพียง “หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ “ ผู้เดียวที่มีวิชาคาถาอาคมและสมาธิกล้าแข็งเพียงพอ กล้าขอเสนอตัวรับอาสาสนองพระคุณหลวงปู่ทิม จะไปนำ ” กะโหลกพรายกุมาร “ วัตถุอาถรรพ์สำคัญยิ่ง จากหญิงตายทั้งกลม (หญิงชาวบ้านท้องแก่ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุสยดสยอง ทางญาติได้นำศพมาฝังไว้ที่ป่าช้าวัดละหารใหญ่ ปัจจุบันเป็นบริเวณที่ชาวบ้านทำไร่สับปะรด ) มาเพื่อให้ท่านสร้างปลุกเสกเป็น ”ผงพรายกุมารมหาภูติ “ ซึ่งหมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ต้องพบกับอิทธิฤทธิ์ของอาจารย์พรายนายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร แต่ด้วยมูลเหตุแห่งวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างบุญกุศลในพระพุทธศาสนา บารมีของหลวงปู่ทิม และคาถาอาคมที่หลวงปู่ทิมได้ประสิทธิให้นั้น ทำให้นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร ได้ยินยอมและเต็มใจ เกิดความปิติในกุศลผลบุญที่ตนเองจะได้รับ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ จึงกระทำการครั้งนี้ได้สำเร็จเรียบร้อยทุกประการ “ วิญญาณของาจารย์นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร มีอยู่จริงเห็นตัวตนเป็นเงาใสๆ ลางๆ เหมือนกับภาพที่สะท้อนบนพื้น ในปัจจุบันวิญญาณเหล่านี้ก็ยังอยู่คุ้มครองที่วัดละหารไร่ “ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวย้ำ การสร้างผงพรายกุมารมหาภูตินั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เมื่อได้กะโหลกพรายกุมารมาแล้ว หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ใส่ห่อผ้าเก็บไว้หลังพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่า เป็นระยะเวลาประมาณสามถึงสี่เดือน จนกะโหลกพรายกุมารแห้งสนิทหมดกลิ่นดีแล้ว จึงนำมาโขลกตำให้ละเอียดแล้วผสมกับผงวิเศษสำคัญต่างๆ ที่หลวงปู่ทิมมอบให้มาจนครบทั้งหมดผสมน้ำแช่เกสรบัวทั้งห้า ปั้นเป็นแท่งขนาดใหญ่ แล้วตากแดดไว้จนแห้งสนิท เมื่อได้ฤกษ์งาม ยามดีวันดี ตามที่หลวงปู่ทิมได้กำหนดไว้ จึงจะนำแท่งผงปั้นนี้มาเขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ บนกระดานชนวน กระทำในพระอุโบสถหลังเก่า ท่ามกลางการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ ๙ รูป โดยหลวงปู่ทิมอิสริโก เป็นประธานสงฆ์ เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ ลงบนกระดานชนวนแล้วลบผงก่อนเป็นปฐมฤกษ์ แล้วจึงมอบให้หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ เป็นผู้ลงอักขระพระยันต์และลบผงต่อไป การปลุกเสกผงพรายกุมารมหาภูตินี้ หลวงปู่ทิมท่านได้ปลุกเสกพรายกุมารทั้งหลายให้เป็นกึ่งเทพกึ่งภูติเป็นมหาภูติขวาและซ้าย(พระพรายคู่ เป็นรูปเทวดานั่งคู่กัน แทนรูปมหาภูติซ้าย-ขวา) วิญญาณพรายกุมารไม่ใช่มีอยู่ตนเดียว แต่มีมากมายประมาณมิได้ หลวงปู่ทิมได้อธิฐานให้วิญญาณพรายกุมารทุกตนที่ผ่านไปมาในบริเวณพิธี หากจะช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนา ก็ให้มาสถิตย์อยู่รวมกันในผงพรายกุมารมหาภูติที่ท่านปลุกเสกนี้ ให้มีอิทธิฤทธิ์คอยช่วยเหลือคุ้มครองอำนวยพรให้ผู้ศรัทธาบูชาอยู่ระยะเวลาหนึ่ง หลังจากเสร็จพิธีเรียบร้อยแล้วได้ผงพรายกุมารมหาภูติบริสุทธิ์สีขาวหม่นอมเทาประมาณ 1 ถาดใหญ่ เมื่อแบ่งผสมผงว่านมหามงคลจะได้ผงพรายกุมารมหาภูติเนื้อละเอียดสีน้ำตาลเข้มประมาณ 1 กะละมังใหญ่ แล้วเก็บรวบรวมไว้ในกุฏิหลวงปู่ทิม เมื่อจะทำพระเครื่องจึงจะขออนุญาตหลวงปู่ทิมไปตักแบ่งเอามาผสมผงที่จะกดพิมพ์พระอีกครั้งหนึ่ง.หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวยืนยันโดยเห็นกับตาตนเองว่า “ผงที่หลวงปู่ทิมอิสริโก เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ นั้น หลุดร่วงทะลุลอดกระดานชนวนลงมา และทะลุผ้าขาวที่ปูรองเอาไว้ถึงเจ็ดชั้นจนถึงพื้นพระอุโบสถวัดละหารไร่ “ที่กล่าวนี้ไม่ได้กล่าวเกินความจริงแต่อย่าง แต่กล่าวเปิดเผยเพื่อให้ท่านทั้งหลายที่ศรัทธาหลวงปู่ทิมอิสริโก จะได้เกิดความปิติ และซาบซึ้ง ในบุญญาบารมีของหลวงปู่ทิมอิสริโก หากผู้ใดได้ครอบครองบูชา พระผงขุนแผนพรายกุมาร นับว่าท่านมีของวิเศษขั้นสูงอยู่กับตัว จะส่งผลให้เกิดโภคทรัพย์ ความเจริญรุ่งเรือง เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง นับว่าเป็นบุญกุศลของผู้นั้นที่เคยได้ร่วมสร้างกันมา หลวงปู่ท่านกล่าวว่าพระของท่านมีเจ้าของอยู่แล้ว ของของใครต้องมาอยู่กับผู้นั้น ผู้ใดมิใช่เจ้าของจักมีอันต้องเปลี่ยนมือไปไม่ช้าก็เร็ว .... หนึ่งในมวลสารที่ผสมลงในพระขุนแผนบล็อกลองพิมพ์ ที่มีความเป็นเป็นที่สุดอีกอย่างคือน้ำมันพระเจ้าตากหรือน้ำมันพราย สุดยอดแห่งพลังเมตตามหานิยม ที่เพิ่มความเฮี้ยนหรือพลังของพระพรายมหาภูติ รวมเข้ากับจิตอันบริสุทธิของหลวงปู่เสกจากวัตถุอาถรรพ์พลังรุนแรง จนเป็นสิ่งบริสุทธิที่มีพลังมหาสารสามารถบังเกินฤทธิ์ปาฏิหารย์ต่างๆนาๆกับผู้ครอบครองบูชา..... หลวงพ่อสิน วัดระหาญใหญ่ ท่านกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ก่อนอื่นถ้าใครเคยไปวัดไร่วารี ถ้าก่อนผ่านสะพานซ้ายมือจะเห็นเมรุ ตรงนั้นละสถานที่ๆกล่าวถึง แต่เป็นเมรุแบบเก่าคือมีแท่นปูน2แท่นตั้งคู่กัน หลวงพ่อสินเล่าว่า เขามาบอกก่อนๆที่จะทำพิธี เพราะท่านเป็นเจ้าอาวาส ทีแรกท่านก็ไม่เชื่อ ท่านบอกว่าเขาใช้ผ้าขาว มัดปากขวดโหล แล้วแอบเอาไปฝังดินตรงกลางที่เผา พอหลังจากการปลงเรียบร้อยแล้ว รุ่งเช้าพวกที่มาทำก็เชิญท่านมาดู เอ้อลืมไป การทำพิธีนี้ จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ กลัวญาติผู้ตายไม่ยอม พอรุ่งเช้า หลังจากการปลงเรียบร้อยแล้ว พวกที่มาทำพิธี ก็ต้องนิมนหลวงพ่อสินมาเป็นการขออนุญาตไปในตัว หลวงพ่อสินท่านกล่าวว่า ไม่น่าเชื่อนะ เพราะตอนฝังดินมีผ้าขาวปิดอยู่ แล้วยังฝังลงไปในดินอีก พอขุดขวดโหลขึ้นมา ท่านบอกว่าข้างในขวด เป็นน้ำสีเหลืองใสมาก แล้วมีกลิ่นหอมมาก สุดท้ายท่านยังกล่าวกับผมอีกว่า ตอนนี้ท่านก็ทำได้ ปกติแล้วหลวงพ่อสินท่านจะเป็นพระที่ถ่อมตัวมาก น้ำมันนี้แหละที่หลวงพ่อนำไปทำพระเครื่อง ที่ท่านทำเอง เป็นแค่ส่วน1ในการสร้างพระ ยังมีน้ำมันพระเจ้าตาก ผงพรายกุมาร ผีตายโหงอีกหลายศพ ที่หลายคนยังไม่ทราบ เรื่องผงพรายกุมาร ท่านคงได้ฟังจากหมอหลาบหรือโยมสายตอนท่านมีชีวิตอยู่มาแล้ว แต่น้ำมันพระเจ้าตาก มีพิธีการทำที่พิสดาร ไม่แพ้กันเลย ต่อไปผมจะเล่าเรื่องน้ำมันพระเจ้าตาก กว่าจะมาทำเป็นพระเครื่อง ของหลวงพ่อทิมว่ายากเย็นเพียงไร น้ำมันพระเจ้าตากหรือน้ำมัน...ก็สุดแต่จะเรียกกันเป็นการขุดพบโดยบังเอิญ เมื่อครั้งที่ทางวัดจะสร้างศาลาการเปรียญบริเวรนั้นมีกองกระดูกที่ทับถมกันเป็นเวลานานนับ10ปี กระดูกเหล่านี้แต่เดิมอยู่ภายในบริเวณวัด แล้วได้ย้ายมากองทับถมกันเพื่อเอาสถานที่ปรับปรุงวัด ลุงแมงบอกว่าตอนย้ายกระดูกนั้น แกอายุประมาณ15-16ปี และก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้ขนย้ายนี้ด้วย ปัจจุบันลุงแมงอายุใกล้70แล้ว (ลุงแมงเป็นลูกบุญธรรมของหลวงปู่ทิม เพราะเมื่อตอนแรกเกิดนั้น พ่อ แม่ เห็นว่าคงจะเลี้ยงไม่รอด เลยยกให้เป็นลูกบุญธรรมหลวงปู่ และโดยวงษ์ตระกูลแล้ว พี่สาวของพ่อลุงแมงก็เป็นน้องสาวของหลวงปู่ทิมนั่นเอง) ผมจำเป็นต้องเล่าเรื่องลุงแมง เพราะเป็นบุคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำมันนี้โดยตรง และเพื่อให้ท่านได้นึกภาพออกง่ายขึ้น ในความเป็นอยู่ในอดีต ที่มีความเกี่ยวข้อง สนิทสนมกัน ครั้นต่อมาทางวัดต้องการจะสร้างศาลาการเปรียญอีกก็ต้องย้ายกองกระดูกเหล่านี้อีกที เนื่องบริเวณนั้นจำเป็นต้องใช้สถานที่ กองกระดูกที่ว่านี้ ถ้าอยู่ปัจจุบันก็อยู่ตรงกลางศาลาการเปรียญ ค่อนข้างไปทางทิศเหนือ แต่ทางวัดหาคนที่จะขุดย้ายกองกระดูกนี้ไม่ได้ จ้างใครก็ไม่มีใครรับ หลวงปู่จึงให้ลุงแมงรับหน้าที่นี้แต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากลุงแมงแกเคยอยู่กับหลวงปู่มาแต่เกิด และอีกทั้งยังเคยเป็นสัปเหร่อมาก่อน รวมทั้งมีหลวงปู่ช่วยดูอยู่ด้วยจึงไม่กลัว (ลุงแมงแกสนิทสนมกับหลวงปู่มาก แม้แต่เวลาปลงผมก็ลุงแมง และรับหน้าที่หาผักปลาอาหารถวายพระ ครั้งเมื่อตอนหลวงปู่ยังไม่มีใครรู้จัก เรื่องเกี่ยวกับลุงแมงกับหลวงปู่คุยทั้งวันก็ไม่จบ ครั้นเมื่อถึงวันที่ทำการขนย้ายนั้น หลวงปู่ฯท่านได้เรียกลุงแมงเข้าไปพบแล้วบอกให้ท่องคาถาคำว่า " สัพพัง " ไปจนกว่าการขุดจะแล้วเสร็จ เมื่อลุงแมงแกเริ่มทำการขุดไปได้ครึ่งทางก็พบน้ำมันที่ว่านี้อยู่ในแก้วก้นจีบเป็นน้ำมันสีเหลืองใสมากจึงนิมนต์หลวงปู่ฯมาดูพอท่านเห็นก็ชอบใจมาก แล้วบอกให้ค่อยๆแซะออกมาเสร็จแล้วก็นำผ้ายันต์ปิดปากแก้วแล้วนำกลับเข้ากุฏิไปเลย ต่อมาหลังจากนั้นหลวงปู่ฯก็ให้ลุงแมงนำนำมันนี้ไปแอบไว้ที่ทางสามแพร่งแล้วปั้นข้าวสามก้อนบูชา พอตกกลางคืนมีคนผ่านมาก็ให้เอาก้อนหินแกล้งปาเพื่อทำให้คนที่ผ่านไปมาตกใจเหตุผลก็คือต้องการให้น้ำมันนี้เฮี้ยน(เป็นเคล็ดอย่างหนึ่ง) ลุงแมงทำอยู่กี่วันผมไม่ทราบ รู้แต่ว่าเมื่อทำแล้วต่อมามันหลอกเองแล้วโดยที่ลุงแมงไม่ต้องแกล้งอีก สมัยนั้นผู้มีวิชาอาคมมีอยู่มาก พอเดินผ่านก็โดนหลอก ผู้มีวิชาเขารู้กันว่าเป็นการเล่นของ ก็เลยถูกผู้คนที่ผ่านไปมาแล้วโดนผีหลอกด่าพ่อ ด่าแม่ มาจนลุงแมงได้ยินแล้วทนไม่ไหวจนต้องไปบอกหลวงปู่ฯว่าเขาด่าเหลือเกินไม่ไหวกระมังครับ แทนที่จะหยุดหลวงปู่กลับให้ลุงแมงย้ายที่ใหม่ ทีนี้นำไปไว้ทางสามแพร่งใต้ต้นยางใหญ่แล้วทำแบบเดิมอีก ลุงแมงแกบอกว่าพอตกกลางคืนมันก็หลอกเอง มีคนเห็นเด็กปีนบนต้นยางใหญ่เต็มไปหมด แต่ก็ไม่พ้นพวกมีวิชาอีกแหละที่ไปเล่าให้ชาวบ้านฟังว่า มีคนทำพิเรนแกล้งทำของหลอกโดยที่ไม่รู้ว่าลุงแมงเป็นคนทำ และก็โดนชาวบ้านด่าอีกเช่นเคยจนแกทนไม่ไหวจนต้องไปบอกหลวงปู่ให้ทราบท่านจึงรู้ว่าน้ำมันนี้ใช้ได้แล้วจึงให้ลุงแมงเก็บกลับมาหลังจากนั้นลุงแมงก็ป่วย แกบอกว่ามีอาการคล้ายคนเป็นไข้รุมๆกินไม่ค่อยได้ซึมๆเซื่องๆ อาการเหล่านี้ถ้าคนเคยโดนของจะรู้ดี แกไม่ได้เข้าวัดอยู่สิบกว่าวันเมื่อหลวงปู่เจอแม่ของลุงแมงจึงถามว่าอ้ายแมงหายไปไหน แม่ลุงแมงบอกว่าไม่สบาย หลวงปู่จึงให้ไปตามมา พอลุงแมงมาถึงหลวงปู่จึงทำน้ำมนต์ให้อาบ แล้วบอกกับลุงแมงว่า " มันเล่นนี่ " แทบแย่เหมือนกัน ถึงตอนนี้ท่านจะเห็นว่าการที่หลวงปู่ทิมท่านทำของให้คนนำไปใช้นั้นมิใช่ง่ายๆเลยต้องลงทุนมากขนาดเอาตัวท่านเองเข้าไปเสี่ยง ถ้าวิชาไม่ถึงจริงอะไรจะเกิดขึ้น เรื่องที่เล่ามานี้ได้ถูกปิดบังมาตลอดผมเห็นว่ามีสาระน่ารู้จึงนำมาเล่าสู่กันฟัง
ราคาเปิดประมูล1,000 บาท
ราคาปัจจุบัน160,500 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ500 บาท
วันเปิดประมูล - 12 พ.ค. 2556 - 00:59:13 น.
วันปิดประมูล - 13 พ.ค. 2556 - 01:05:49 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลChaiwat99 (4.4K)(2)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     160,500 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     500 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    Chan59 (1K)

 

Copyright ©G-PRA.COM