(0)
องค์ที่2พระลักษณ์หน้าทอง รุ่นแรก เนื้อสัมฤทธิ์ ปี๔๙






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่ององค์ที่2พระลักษณ์หน้าทอง รุ่นแรก เนื้อสัมฤทธิ์ ปี๔๙
รายละเอียดอีกหนึ่งวิชาขลังของหลวงปู่กาหลงเขี้ยวแก้ว พระลักษณ์หน้าทอง สำหรับวิชานี้เป็นที่ขึ้นชื่อเกี่ยวกับอำนาจแห่งเสน่ห์เมตตามหานิยม ที่ชาวโขนละครในสมัยก่อนต่างนักถือกันนัก วิชานี้หลวงปู่กาหลงเล่า ท่านได้รับการถ่ายทอดจากครูผึ่ง ซึ่งเป็นครูโขนละครในสมัยรัชกาลที่ 6 ตอนที่ครูผึ่งพบท่านนั้น ครูผึ่งชรามากแล้ว ส่วนท่านเพิ่งเป็นพระได้ไม่กี่พรรษา เล่าว่าครูผึ่งพอใจในวัตรปฏิปทาของท่านจนบังเกิดเป็นความศรัทธา และได้ถวายวิชานี้ให้แก่ท่าน แต่เดิมหลวงปู่กาหลงท่านก็ไม่อยากรับวิชานี้ แต่เมื่อครูผึ่งได้พยายามอยู่หลานหนท่านก็อ่อนใจ จนรับครอบวิชานี้จากท่านวิชาพระลักษณ์หน้าทอง นับเป็นวิชาสายเมตตามหานิยมที่มีอานุภาพสูส่ง ขาวโขนละครในนับถือกันมากที่สุด เชื่อกันว่าใครได้ครอบแล้วจะเป็นเมตตามหานิยมแก่ตนเองไปหาผู้ใดเขาก็รัก จะร้องรำทำเพลงประการใด ใคร ๆ ก็ชอบ ดังนั้นจึงเป็นที่นับถือกันมาก สายวิชาพระลักษณ์หน้าทองเป็นสายวิชาที่ปกปิดกันมากเพราะเป็นที่หวงแหนของครูบาอาจารย์สมัยก่อน อย่างไรก็ตามวิชาพระลักษณ์หน้าทองนั้นก็มีหลายสาย อย่างพวกลิเกก็มีวิชาตำรับพระลักษณ์หน้าทองเช่นกัน ใช้เสกแป้งสำหรับทาหน้าทาตัว แต่วิชาของหลวงปู่กาหลงนั้นเป็นวิชาสายในวังที่หาได้ยากเก่าแก่ที่สุด และที่สำคัญคือหลวงปู่ท่านเป็นพระเถราจารย์ที่มีพลังจิตสูง และมีเมตตาสูงมากดังนั้นการทำวิชาพระลักษณ์หน้าทองของหลวงปู่จึงเหนือกว่าสายอื่น ๆ มาก ผู้ที่ได้ลงวิชากับท่านนอกจากจะเป็นผู้ที่มีเสน่ห์เมตตามหานิยมแล้ว ยังเป็นผู้ที่มีวาสนาดี มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู บังเกิดความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตอย่างสูงสุด ความน่าอัศจรรย์ของวิชาพระลักษณ์หน้าทองจึงนับว่าสูงส่งยิ่งนักตำนานพระลักษณ์หน้าทองด้านตำนานของวิชาพระลักษณ์หน้าทองนั้น มาจากเรื่องรามเกียรติ์ ในท้องเรื่องรามเกียรติ์นั้นพระรามมีพี่น้องทั้งหมดสี่คน คนที่สนิทที่สุดคือพระลักษณ์ ตัวพระรามนั้นเป็นนารายณ์อวตาร ร่างมีสีเขียวส่วนพระลักษณ์นั้นเป็นองค์อนันตนาคราชกลับชาตมาเกิดเพื่อช่วยเหลือพระรามในการสังหารอสูร มีร่างกายสีทอง ทั้งนี้เนื่องจากองค์อนันตนาคราชแต่เดิมนั้นก็มีเกล็ดเป็นทองคำทั้งร่างเมื่อกลับชาติมาเกิดเป็นพระลักษณ์ก็มีการทองตามไปด้วย ลักษณะพระลักษณ์นั้นกล่าวคำบรรยายว่า หนึ่งพักตร์ สองกร มีพระพักตร์เป็นสีทองคำ ใส่มงกุฎยอดแหลม อยู่ในพงศ์พันธุ์แห่งองค์นารายณ์อวตาร เรียกสั้น ๆ ว่า นารายณ์พงศ์พระลักษณ์นั้นตามท้องเรื่องรามเกียรติ์เป็นผู้ที่มีความกล้าหาญชาญชัย ซื่อสัตย์ต่อองค์พระรามด้วยชีวิต ดังจะเห็นได้ว่าครั้งหนึ่งอสูรนามว่ากุมภกัณฑ์มีหอกโมกขศักดิ์เป็นอาวุธ เมื่อได้ทีจะพุ่งใส่พระราม แต่พระลักษณ์ออกมารับแทนจนโดนฤทธิ์ของหอกโมกศักดิ์เจ็บเจียนตาย เกือบไม่รอด นี่แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจ ความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อองค์พระรามผู้พี่อย่างยากที่จะหาใครมาเปรียบได้ นอกจากนี้พระลักษณ์ยังเป็นผู้มีจิตใจเยือกเย็น คอยคิดคอยช่วยเหลือพระรามโดยตลอดพระลักษณ์เป็นผู้ที่มีวาสนาสูส่งผู้หนึ่งของโลกในยุคนั้นเรื่องความมีวาสนาหรือบุญบารมีของพระลักษณ์นั้นก็ไม่ธรรมดาเพราะครั้งที่มีการแข่งขันยกมหาคันศรเพื่อเสี่ยงทายว่าผู้ใดที่ยกได้จะได้นางสีดาไปเป็นภรรยา เทพพรหมทุกชั้นฟ้ามาแข่งขันเพื่อจะยกก็หาใครยกได้ไม่ แม้รวมคนตั้งพันมายกก็ยังยกไม่ขึ้น พอพระลักษณ์มาลองยกก็ยกได้แต่ด้วยรู้ว่าพี่ชายคือพระรามนั้นรักนางสีดาอยู่ก็เลยขอสละสิทธิ์ให้พระรามมายกปรากฏว่าพระรามก็ยกได้และได้แต่งงานกับนางสีดา นี่ก็เป็นอีกครั้งที่พระลักษณ์แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจทั้งยังแสดงให้เห็นถึงบุญบารมีของพระลักษณ์ว่าไม่ธรรมดาเช่นกันในเรื่องรามเกียรติ์พระลักษณ์มีอาวุธเป็นพระขรรค์กายสิทธิ์เรื่องการได้อาวุธคู่บารมีของพระลักษณ์นั้นก็เป็นด้วยบุญของพระลักษณ์เช่นกัน เล่าว่าก่อนหน้านั้นมีอสูรตนหนึ่งภาวนาขอพรจากพระเป็นเจ้าเมื่อบำเพ็ญตบะจนแก่กล้าพระเป็นเจ้าก็ประทานพรให้ อสูรขออาวุธวิเศษพระเป็นเจ้าก็บันดาลให้เกิดพระขรรค์แก้วร่วงหล่นลงมาจากบนฟ้า แต่ด้วยกรรมบังตาอสูรเกิดความไม่พอใจคิดว่าพระเป็นเจ้าหมิ่นเกียรติตนเองจึงเขวี้ยงพระขรรค์ลงมาเช่นนี้ อสูรจึงทิ้งพระขรรค์นั้น ต่อมาพระลักษณ์เดินทางมาถึงพบพระขรรค์วิเศษทิ้งเอาไว้ พระลักษณ์ลองนำมากวัดแกว่งดูปรากฏว่าสะท้านสะเทือนไปทั้งสามโลก อสูรตนดังกล่าวรู้ว่าเป็นฤทธิ์อำนาจจากพระขรรค์ที่ตนบำเพ็ญตละจึงจะมาเอาคืน ต่อสู้ด้วยกับพระลักษณ์ พระลักษณ์จึงได้ใช้พระขรรค์วิเศษฟันตัวอสูรจนขาดเป็นสองท่อน อสูรนั้นก็ถึงแก่ความตาย ตำนานเรื่องพระลักษณ์จากรามเกียรติ์นั้นมีด้วยกันหายตอนแม้ว่าจะไม่มีบทบาทมากเท่าพระรามแต่ก็เป็นบุคคลสำคัญที่ใคร ๆ ก็รู้จักเป็นอย่างดีที่สำคัญคือด้วยการที่พระลักษณ์ในกายทอง องค์พระลักษณ์จึงเป็นผู้ที่มีเสน่ห์เมตตามหานิยมสูงมาแต่กำเนิด ทั้งคำว่าลักษณ์ ยังเป็นคำเสียงใกล้เคียงกับคำว่า รักอีกด้วย ดังนั้น นามพระลักษณ์หน้าทองนี้จึงเป็นตัวแทนแห่งเสน่ห์เมตตามหานิยมได้เป็นอย่างดีที่สุด และในสายวิชาทางไสยศาสตร์ที่มักมาจากตำนานทางศาสนาพราหมณ์ ก็ได้นำเอาตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์หลายองค์มาเป็นครูในสายวิชา อย่างพระรามก็มักเป็นครูในสายวิชาทางการรบทัพจับศึก คงกระพันชาตรี ส่วนพระลักษณ์ผู้น้องที่มีร่างเป็นทองคำนั้นก็เป็นครูสายวิชาเสน่ห์เมตตามหานิยม พระรามและพระลักษณ์จึงเมือนพลังคู่ หยินหยาง พระรามเป็นอำนาจประดุจพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน พระลักษณ์เป็นอำนาจประดุจพระจันทร์เต็มดวงยามเที่ยงคืน ที่เยือกเย็นเป็นเสน่ห์อันสุดประมาณมิได้ ด้วยเหตุนี้กำเนิดแห่งวิชาพระลักษณ์หน้าทองจึงบังเกิดขึ้นด้วยบุญบารมีแห่งพระลักษณ์บุคคลสำคัญผู้หนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์อำนาจเสน่ห์แห่งจันทร์ซ้อนจันทร์ดังที่กล่าวมาเบื้องต้นว่าวิชาพระลักษณ์หน้าทองนั้นเป็นวิชาที่ครูบาอาจารย์ท่านหวงแหนเป็นที่สุด เพราะวิชานี้เป็นเสน่ห์อย่างล้นเหลือแต่ด้วยบุญบารมีของหลวงปู่กาหลงจึงบันดาลให้ท่านได้พบกับครูผึ่งและได้รับการครอบวิชานี้มา การครอบครูวิชาพระลักษณ์หน้าทองนั้น หลวงปู่กาหลงกล่าวว่าปีหนึ่งทำได้แค่ครั้งเดียว และการครอบครูพระลักษณ์ที่ถูกต้องนั้นและดีที่สุดนั้นต้องได้วันจันทร์ที่ตรงกับพระจันทร์เต็มดวง เรียกว่าจันทร์ซ้อนจันทร์ ตามความเชื่อของไสยศาสตร์นั้น วันจันทร์เป็นวันแห่งเมตตามหานิยมอยู่แล้วผู้ที่เกิดวันจันทร์ตามตำราโหราศาสตร์ก็กล่าวว่าเป็นผู้ที่มีเมตตา มหาเสน่ห์ หากเป็นชายก็เจ้าชู้ หากเป็นหญิงก็อ่อนหวานชนให้รักใคร่ยิ่งนัก ยิ่งวันจันทร์ที่ได้กำลังจากพระจันทร์ คือมาเต็มดวงในวันจันทร์พอดียิ่งถือว่าขลังมาก เพราะตามปกตินั้นวันจันทร์เต็มดวงก็ถือว่าเป็นมงคลที่เหมาะแก่การปลุกเสกเครื่องรางของขลังทางด้านเมตตามหาเสน่ห์อยู่แล้วเนื่องจากพระจันทร์นั้นเป็นสิ่งที่มีบทบาทและอิทธิพลต่ออารมณ์ความรักความใคร่ของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย เมื่อใดก็ตามที่พระจันทร์มาทาบทับเต็มดวงในวันจันทร์วันนั้นถือว่าเป็นวันอาถรรพณ์หากได้ปลุกเสกเครื่องรางทางเมตตามหานิยมในวันนี้นับว่าขลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าทุกวันเพราะได้กำลังซ้อนทับทวีถึงสองเท่า แต่ในปีหนึ่ง ๆ นั้นจะหาวันพิเศษเช่นนี้ก็ไม่ง่ายเท่าใดนัก บางปีอาจไม่มีเลยบางปีอาจมีวันหรือสองวันเท่านั้นอาถรรพณ์พระลักษณ์หน้าทองการครอบครูพระลักษณ์หน้าทองตามตำรับหลวงนั้น มีข้อกำหนดอันละเอียดอ่อนที่ผู้เขียนทราบมาคือในสมัยก่อนนั้นจะมีการขูดเอาเนื้อจากเศียรพระลักษณ์ที่มีความเก่าจนมาสามารถใช้การได้ ผงจากเนื้อพระลักษณ์ที่ยุดออกมานั้น ในวงการโขนละคร นางร้องนางระ เขาถือว่าเป็นผงเสน่ห์ ผงดังกล่าวสามารถนำมาเจิมหน้าเจิมตา นำมาผสมกับแป้งผัดหน้าได้ เป็นผงวิเศษที่มีอำนาจเมตตามหานิยมอย่างสูงส่ง เพราะถือว่าได้ผงที่เป็นของสมมุติแทนองค์พระลักษณ์และมาจากพระพักตร์ท่านโดยตรงอีกด้วย แต่การจะขูดเอาผงหน้าพระลักษณ์มานั้นไม่ใช่จะขูดก็เข้าไปขูดเพราะหากทำผิดอาจต้องอาถรรพณ์เป็นอันตรายแก่ตัวเองได้ การขูดผงหน้าพระลักษณ์นั้นต้องรูวิธี คือ ห้ามเข้าไปขูดผงต่อหน้าพระลักษณ์โดยตรงต้องเข้าไปข้าง ๆ ข้างซ้ายหรือขวาก็ได้ ทำการกราบขอขมาขออนุญาตแล้วจึงทำการขูดเอาผงพระลักษณ์หน้าทองออกมาเป็นของมงคลหากไปทำผิดครูเข้าอาจเกิดอาการทางท้อง หรือไม่สบาย หรือประสบอาถรรพณ์อย่างหนึ่งอย่างใดได้ ที่ชาวโขนละครเรียกกันว่า ผิดแรงครูนั่นเองอนึ่งผงจากเศียรครูพระลักษณ์หน้าทอง ขูดตามประเพณีนี้หลวงปู่ท่านได้เก็บสะสมไว้และนำมาเป็นมวลสาระสำคัญในการทำเครื่องรางชุดพระลักษณ์หน้าทองด้วย จึงมั่นใจได้ว่าเครื่องพระลักษณ์หน้าทองตำรับหลวงปู่กาหลงนั้น ย่อมเป็นเครื่องรางที่มีอิทธิคุณสูงส่งทางด้านเมตตามหานิยมอย่างมิต้องสงสัยพิธีเข้มขลังครอบครูพระลักษณ์หน้าทองการทำพิธีครอบครูพระลักษณ์หน้าทองนั้น แต่เช้ามาหลวงปู่กาหลวงท่านจะทำการนั่งบริกรรมปลุกเสกในปะรำพิธี กำหนดจิตระลึกถึงครูบาอาจารย์ เทพยดาผู้รักษาวิชานี้เพื่อให้เกิดความเข้มขลัง การนั่งบริกรรมของหลวงปู่กาหลงนั้นท่านนั่งนานเป็นชั่วโมงและในวันพิธีดังกล่าวหลวงปู่กาหลงท่านมิได้มานั่งปรกอธิษฐานเพียงผู้เดียวยังมี หลวงพ่ออั้นวัวโรงโคมาร่วมนั่งปรกบริกรรมปลุกเสกให้ด้วย ดังนั้นเรื่องความศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นที่เชื่อถือได้ว่าเข้มขลังสุด ๆ หลังจากนั้นผู้ที่รอคอยการครอบครูจะค่อย ๆ ทยอยเข้าไปหาหลวงปู่ท่าน ยกพานครูแก่หลวงปู่กาหลง จากนั้นหลวงปู่กาหลงทำการครอบเศียรพระลักษณ์หน้าทองให้ เสร็จแล้วครอบด้วยหนังตะลุงเก่าอีกครั้งหนึ่ง แล้วทำการครอบด้วยพานครูอีกครั้งเป็นอันเสร็จพิธี จากนั้นผู้ครอบทำการรับน้ำพระพุทธมนต์จากหลวงปู่อั้น วัดโรงโคเป็นอันเสร็จพิธีผู้ที่ผ่านการครอบครูพระลักษณ์หน้าทองซึ่งปีหนึ่งสามารถทำได้เพียงหนเดียวเท่านั้น ย่อมเป็นผู้ที่ได้รับจากพระลักษณ์หน้าทองก่อให้เกิดเสน่ห์เมตตามหานิยม เป็นที่ชมชอบของหญิงชายทั้งหลาย และเท่ากับเป็นการเพิ่มบารมี ความรุ่งโรจน์ของดวงชะตาชีวิต ให้เกิดความก้าวหน้าในการงาน ทำมาค้าขายดี และรียกได้ว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ที่มีบุญบารมีดีที่ได้ครอบครูพระลักษณ์หน้าทองจากหลวงปู่ ซึ่งพิธีเช่นนี้หาได้ไม่ง่ายนัก และใช่ว่าใครจะทำได้ศักดิ์สิทธิ์ดังเช่นหลวงปู่กาหลงทานด้วยสุดยอดวัตถุมงคลพระลักษณ์หน้าทองในการทำพิธีครอบครูเศียรพระลักษณ์หน้าทองตำรับครูผึ่งหรือตัวหรับหลวงนั้น ในวาระนี้ทางหลวงปู่กาหลงท่านยังได้ทำการปลุกเสกเครื่องรางชุดพระลักษณ์หน้าทองเพื่อเป็นเครื่องมงคลแก่ศิษย์ที่ต้องการเครื่องรางสักอย่างที่มีอานุภาพทางเสน่ห์เมตตามหานิยม ในการปลุกเสกนั้นหลวงปู่กาหลงท่านได้ทำการปลุกเสกร่วมกับ หลวงพ่ออั้น วัดโรงโค และหลวงพ่อทรงวัด ศาลาดิน โดยเครื่องรางพระลักษณ์หน้าทองนั้นมีด้วยกัน 3 ประเภทได้แก่1.เหรียญพระลักษณ์หน้าทอง2.ผ้ายันต์พระลักษณ์หน้าทอง3.ตะกรุดพระลักษณ์หน้าทองสำหรับเศียรพระลักษณ์หน้าทองนั้นได้ออกแบบเป็นเศียรพระลักษณ์ถอดแบบมาจากเศียรครูพระลักษณ์หน้าทอง มีสองเอ คือเนื้อนวะโลหะ ด้านหลังอุดผงพระลักษณ์ และพลอยนพเก้า กับเนื้อผงมวลสารผงกำเนิดพระลักษณ์เต็มสูตรฝังตะกรุดเงินไว้ด้วยในด้านของเศียรพระลักษณ์หน้าทองเนื้อนวะนั้นมีเคล็ดลับที่หลายท่านไม่รู้บอกไว้ตรงนี้ด้วยคือ ด้านหน้าของเศียรพระลักษณ์หน้าทอง หากท่านสังเกตตรงชฎาขององค์พระลักษณ์จะเห็นว่ามีช่องว่างเล็ก ๆ อยู่ช่องหนึ่ง ช่องที่เว้นว่างเอาไว้ท่านบอว่าให้เอาไว้ติดพลอยประจำวันเกิดของคนผู้นั้น เช่นคนเกิดวันอาทิตย์ก็หาเม็ดทับทิมเล็ก ๆ มาติดเอาไว้ คนที่เก็ดวันจันทร์ก็หามุกดามาติด คนเกิดวันอังคารก็หาหินสีชมพูอาจเป็นโรสควอสต์ซ มาติดเอาไว้ คนเกิดวันพุธก็หาหยกหรือมรกตมาติด คนเกิดวันพฤหัสก็ควรหาอำพัน หรือพลอยสีเหลืองมาติด คนเกิดวันศุกร์ก็ให้หาพลอยสีฟ้ามาติด คนเกิดวันเสาร์ก็หานิลมาติด จะได้เป็นสิริมงคลประจำตัวของบุคคลผู้นั้น เพราะได้อัญมณีประจำวันของแต่ละคนมาเสริมอำนาจแห่งองค์พระลักษณ์หน้าทอง เยกว่าเสริมดีให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก ซึ่งตรงนี้เชื่อว่าน้อยคนที่จะรู้นอกจากนี้ยังมีผ้ายันต์พระลักษณ์หน้าทอง ที่อบด้วยสีผึ้งหลวงปู่ มีกลิ่นหอมเป็นเสน่ห์เมตตาชั้นสูงเช่นกัน ผ้ายันต์นี้หลวงปู่ท่านกล่าวว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ทำด้วยกันทั้งหมดสองสีเท่านั้นคือ ผ้ายันต์สีขาวและผ้ายันต์สีเหลือง กล่าวว่าหากผู้ใดได้กราบไว้ ท่องพระคาถาบูชาทุกวันจะเป็นที่รักของมหาชนทั้งหลาย มีผู้ใหญ่คอยช่วยอุปถัมภ์ค้ำชูไปตลอดชีวิต ผ้ายันต์นี้ท่านว่าให้เอาไว้ในกระเป๋าเสื้อ ไว้ใช้สำหรับเช็ดหน้าเช็ดตา ก่อนออกจากบ้าน ก่อนไปพบเพศตรงข้ามให้ระลึกถึงหน้าของคนผู้นั้นแล้วเอาผ้ายันต์นี้เช็ดหน้าเช็ดตาของพรให้สมหวังจะดีนักแลใช้ในการเข้าหาผู้ใหญ่ก็ได้เช่นกันเขาเห็นเรารักเราเหมือนลูกนั่นแล นับเป็นผ้ายันต์ที่มีอำนาจเป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมอย่างแรงกล้าดีนักซึ่งผู้ที่พลาดโอกาสไม่ได้ครอบครูพระลักษณ์หน้าทองก็สามารถนำเอาพระลักษณ์หน้าทองจากการปลุกเสกในวาระนี้ไปอธิษฐานจิตใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพราะก่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์เช่นเดียวกัน ผู้ที่นำไปใช้ย่อมเป็นเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยม เป็นสง่าราศีดุจว่าพระลักษณ์หน้าทองมาให้พรหามงคลแก่ตัวท่านเองฉันนั้นคาถาและการใช้วัตถุมงคลพระลักษณ์หน้าทองตั้งนะโม 3 จบโอมพระพักตร์ พระลักษณ์หน้าทอง สุวรรณผุดผ่อง หน้าทองพระพักตร์ ชายเห็นชายรัก สาวเห็นสาวรัก ผู้ใหญ่เห็นก็รัก พากันโสมนัส ใครเห็นใครก็รัก รู้จักกูถ้วนหน้าไม่ว่าใคร นะจับจิต โมจับใจ พุทโยงใย ธาหลวงใหล ยะร้องไห้มาหากู ปะสะสัมมะปติฏฐามิโอมพระแลงเป็นแสงพระลักษณ์ พระฤาษีจับปากกา พระลักษณ์จับหน้า จับตาสวาหะ นะเห็นหน้ากูอยู่ไม่ได้ โมร้องไห้ครวญครางพุทกอดไว้มิใคร่วาง ธาครวญครางสะอื้นไห้ ยะหลงใหลในจิต หญิงใดชายใดได้เพ่งพิศเห็นหน้ากูก็อยู่มิได้ร้องไห้มาหากู โอมสิทธิแก่กูสวาหะ เอหิชัยยะ เอหิสัพเพชะนา พหูชะนาเอหิพระคาถานี้ภาวนา 3 จบ พร้อมกับนำเศียรพระลักษณ์หรือตะกรุดวนที่ใบหน้า 3 รอบ โดยวนตามเข็มนาฬิกา (ทักษิณาวัตร) เป็นมหาเสน่ห์ มหาเมตตา มหานิยม มีสง่าราศี เสริมวาสนา ชะตาชีวิตบุญบารมีดีนักแล ค้าขายประกอบกิจการสิ่งใดก็สำเร็จสมความปรารถนาทุกประการ หากเป็นผ้ายันต์ให้ท่องพระคานี้สามจบแล้วนำไปลูบที่หน้าผาก ที่แก้มสองข้าง เป็นเมตตามหานิยมดีนักแล
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน5,200 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 08 ธ.ค. 2555 - 22:09:26 น.
วันปิดประมูล - 11 ธ.ค. 2555 - 12:21:19 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลเพรชจีน (815)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 09 ธ.ค. 2555 - 02:05:38 น.



ข้างหลังคับ


 
ราคาปัจจุบัน :     5,200 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    BigBoy12 (62)

 

Copyright ©G-PRA.COM