(0)
*** พระสมเด็จวัดโนนผึ้ง หลวงปู่หมุน รุ่นแรก ปี 40 พิมพ์เล็ก เนื้อผงแก่ว่าน เม็ดพระธาตุงอก *** สวยมาก หายากสุดๆ พร้อมบัตรรับรอง






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง*** พระสมเด็จวัดโนนผึ้ง หลวงปู่หมุน รุ่นแรก ปี 40 พิมพ์เล็ก เนื้อผงแก่ว่าน เม็ดพระธาตุงอก *** สวยมาก หายากสุดๆ พร้อมบัตรรับรอง
รายละเอียดพระสมเด็จที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดของหลวงปู่หมุน คือพระสมเด็จวัดโนนผึ้ง
สร้างปี 2540 และขอทำนายว่าต่อไปจะหายากและแพงมาก

องค์นี้เป็นพระพิมพ์เล็ก เนื้อผงพุทธคุณ ๑๐๘ แก่ว่าน
โซนสีน้ำตาลเข้ม แบบเนื้อละเอียด

ขนาดองค์พระสูง 3 ซ.ม. ขอบบนกว้าง 1.9 ซ.ม. ขอบล่างกว้าง 2 ซ.ม.

องค์นี้พิเศษมาก มีเม็ดพระธาตุงอกขึ้นมาจากภายในผิวพระด้านหน้า 4 เม็ด
ซึ่งถ้าเราหมั่นสังเกตุบ่อยๆ จะพบว่าเกิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งสีแก้วใส
และสีขาวขุ่น เทาขุ่นหรือออกแดงอมชมพูก็มี ลักษณะการงอกจะเริ่มจาก
เป็นเม็ดเล็กๆก่อนบางจุด และเม็ดจะค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นและเพิ่ม
จำนวนมากขึ้น บางเม็ดก็มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่บางเม็ดต้องใช้
กล้องส่องจึงจะเห็น(ตามภาพข้างล่าง) ซึ่งผมถ่ายรูปเฉพาะที่พอจะเห็น
ได้เท่านั้น จุดอื่นๆกระจายอยู่ทั่วองค์พระ แต่ต้องใช้กล้องส่องครับ

มีท่านผู้รู้ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า เม็ดพระธาตุที่งอกขึ้นใหม่นี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก
แต่จะเกิดขึ้นกับในเฉพาะพระสมเด็จเนื้อผงบางองค์ของผู้ที่แขวน
ห้อยบูชาที่มีบุญญาบารมีสูง และสวดบริกรรมภาวนาอยู่เสมอเท่านั้น
ซึ่งมักจะพบเห็นแต่ในพระสมเด็จของพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
ได้แก่ พระสมเด็จวัดระฆัง พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม และ
พระสมเด็จวัดเกศไชโย เท่านั้น ซึ่งมีโอกาสจะพบเจอได้ยากมากๆ


เป็นพิมพ์กดมือในพิธี พิมพ์เล็กทั้งหมดสร้างเพียง 100 องค์
องค์ที่มีเม็ดพระธาตุงอกด้วยมีเพียงแค่หลักสิบองค์เท่านั้น
ปัจจุบันหายากสุดๆ โอกาสพบเจอน้อยมาก
ลูกศิษย์ลูกหาสายตรงเก็บสะสมบูชากันหมด
เนื่องจากเป็นพระยุคต้นที่มีประสบการณ์สูงยิ่ง

องค์นี้มีสภาพสมบูรณ์สวยงามมากๆ
มวลสารจัดคลาสสิคเข้มขลัง เนื้อแห้งแกร่งละเอียดหนึกนุ่มเก่าถึงยุค
ตัวอักษรและยันต์ด้านหลังคมลึกชัดเจน ขอบข้างทุกด้านตัดคมสวยงามมาก
ปกติพิมพ์กดมือ จะหาองค์ที่มีฟอร์มสวยสมบูรณ์แบบนี้ได้ยากยิ่ง

จึงนับว่าเป็นองค์ที่หายากสุดๆ น่าเก็บสะสมบูชาอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะองค์ที่มีสภาพสวยงามสมบูรณ์แบบนี้

เริ่มเก็บสะสมสวยๆไว้ให้ได้มากที่สุดตั้งแต่เดี๋ยวนี้นะครับ
ต่อไปจะหายากและแพงมาก

วันนี้ขอนำเสนอเผยแพร่ออกสู่สายตาเพื่อนสมาชิกแฟนพันธุ์แท้
ผู้รักษ์นิยมในองค์พระสมเด็จโนนผึ้ง
และแบ่งให้ท่านผู้มีพลังศรัทธาสูงสุดเพียงหนึ่งเดียวรับไปครองครอง
พร้อมบัตรรับรองพระแท้ครับ
ราคาเปิดประมูล50 บาท
ราคาปัจจุบัน4,950 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 06 ก.ย. 2555 - 15:35:44 น.
วันปิดประมูล - 08 ก.ย. 2555 - 13:51:46 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลเทพอินทรา (1.7K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 06 ก.ย. 2555 - 15:53:50 น.



ในบรรดาพิมพ์พระเครื่องเมืองไทย พิมพ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด และเป็นที่รู้จักยอมรับมากที่สุด คงหนีไม่พ้น
" พระพิมพ์สมเด็จ "

พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองไทย ทั้งในอดีตและปัจจุบันทุกองค์ พระพิมพ์สมเด็จที่ท่านสร้างขึ้น
ไม่ว่าจะป็นเนื้อมวลสารใด ล้วนได้รับความนิยมและมีราคาสูงทั้งสิ้น

พระพิมพ์สมเด็จของหลวงปู่หมุน ก็เช่นเดียวกัน มีอยู่สองรุ่นที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ คือ
1.พระสมเด็จ พิมพ์หลังยันต์ห้า ฝังเหล็กไหล วัดป่าหนองหล่ม ปี 42 ซึ่งราคาไปไกลถึง 15,000 - 20,000บาทแล้ว
2.พระสมเด็จวัดโนนผึ้ง ปี 40 เนื้อพิเศษสวยๆอยู่ที่ประมาณ 4-5 พันบาท

จึงอยากจะแนะนำให้เพื่อนๆสมาชิก เริ่มเก็บสะสมพระสมเด็จของหลวงปู่สภาพที่สวยๆกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
ก่อนที่ราคาในอนาคตจะขยับแพงขึ้นมากไปกว่านี้ครับ


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 06 ก.ย. 2555 - 15:56:16 น.



เม็ดพระธาตุงอกขึ้นมาจากภายในผิวพระด้านหน้า 4 เม็ด

..........................................................................


เม็ดพระธาตุจะงอกขึ้นมาจากภายในผิวองค์พระตลอดเวลา
หมั่นสังเกตุบ่อยๆ จะพบว่าเกิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งสีแก้วใส
และสีขาวขุ่น หรือออกแดงอมชมพูก็มี


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 06 ก.ย. 2555 - 15:57:24 น.



ลักษณะการงอกจะเริ่มจากเป็นเม็ดเล็กๆก่อนบางจุด และ
เม็ดจะค่อยๆขยายขนาดใหญ่ขึ้นและเพิ่มจำนวนมากขึ้น

บางเม็ดก็มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่บางเม็ดต้องใช้กล้องส่อง
จึงจะเห็น ซึ่งผมถ่ายรูปเฉพาะที่พอจะเห็นได้เท่านั้น
จุดอื่นๆจะมีกระจายอยู่ทั่วองค์พระ แต่ต้องใช้กล้องส่องครับ


ข้อมูลเพิ่มเติม 4 - 06 ก.ย. 2555 - 15:59:04 น.



ภาพตัวอย่างเม็ดพระธาตุของพระพุทธสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งในสมัยพุทธกาลและสมัยปัจจุบัน

....................................................................................................................................................



พระธาตุพุทธสาวก

นับตั้งแต่สมัยพุทธกาลเป็นต้นมา มีพระสงฆ์จำนวนมากมาย ที่ปฏิบัติตามแนวทางที่
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงวางเอาไว้ และมีความเพียรพยายามอย่างยิ่ง
จนกระทั่งสามารถยกจิตก้าวบรรลุสู่ภูมิธรรมขั้นต่างๆ นับแต่พระโสดาบันเป็นต้นไป
และสิ่งที่สามารถยืนยันได้ว่าท่านเหล่านั้นสามารถบรรลุภูมิธรรมขั้นสูงได้ก็คือ พระธาตุ
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีพระอริยสงฆ์มากมายที่สามารถปฏิบัติธรรมจนกระทั่งอัฐิกลายเป็น "พระธาตุ"
และมีลักษณะแตกต่างกันมากมาย ซึ่งสามารถแยกออกได้เป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

1. พระสาวกสมัยพุทธกาลและสมัยโบราณ โดยพระสาวกสมัยพุทธกาลนั้น คือ
พระสาวกที่ดำรงขันธ์อยู่ในช่วงสมัยพุทธกาล จนกระทั่งถึงภายหลังพุทธกาลไม่นาน
ส่วนพระสาวกสมัยโบราณ คือ พระสาวกที่ดำรงขันธ์ในช่วงภายหลังพุทธปรินิพพานจนถึง
ประมาณพุทธศตวรรษที่ 24 พระสาวกในกลุ่มนี้จึงมีเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ปรากฏนามและไม่ปรากฏนาม
ในตำรา พระสาวกสมัยพุทธกาลที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป เช่น พระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร เป็นต้น
และพระสาวกสมัยโบราณที่เป็นที่รู้จักกันดีโดยทั่วไป เช่น พระอุปคุต เป็นต้น

2. พระสาวกสมัยปัจจุบัน พระสาวกสมัยปัจจุบันนั้น คือช่วงตั้งแต่ก่อน พ.ศ.2500 เล็กน้อย
กระทั่งถึงปัจจุบัน ซึ่งมีมากมายหลายองค์ และแต่ละองค์ก็มีพระธาตุลักษณะต่างๆมากมาย
ทำให้ได้สามารถศึกษาลักษณะและวิธีการแปรเปลี่ยนเป็นพระธาตุจากส่วนต่างๆของร่างกาย
ซึ่งนำไปเปรียบเทียบกับลักษณะการเกิดของพระบรมสารีริกธาตุ
และพระธาตุพระสาวกสมัยโบราณได้ ดังเช่น หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นต้น

พระสาวกธาตุสมัยพุทธกาลและสมัยโบราณ

ตามตำราพระธาตุของโบราณ ได้กล่าวถึงลักษณะพระธาตุของพระอรหันต์ผู้ซึ่งทรงขันธ์อยู่ในสมัยพุทธกาล
และหลังพุทธปรินิพพานไม่นาน มีระบุลักษณะของพระธาตุพระอรหันต์เหล่านี้ไว้ 47 องค์
และ ในอรรถกถา* ระบุลักษณะพระธาตุของพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลไว้อีก 3 องค์
ซึ่งซ้ำกับในตำราพระธาตุของโบราณ 2 องค์ รวมปรากฏลักษณะพระธาตุ
ของพระอรหันต์ทั้งสิ้น 48 องค์ ได้แก่

1.พระสารีบุตร
2.พระโมคคัลลานะ
3.พระสีวลี
4.พระองคุลิมาละ
5.พระอัญญาโกณฑัญญะ*
6.พระอนุรุทธะ
7.พระกัจจายะนะ
8.พระพิมพาเถรี
9.พระสันตติมหาอำมาตย์*
10.พระภัททิยะ
11.พระอานนท์
12.พระอุปปะคุต
13.พระอุทายี
14.พระอุตตะรายีเถรี
15.พระกาฬุทายีเถระ
16.พระปุณณะเถระ
17.พระอุปะนันทะ
18.พระสัมปะฑัญญะ
19.พระจุลลินะเถระ
20.พระจุลนาคะ
21.พระมหากปินะ
22.พระยังคิกะเถระ
23.พระสุมณะเถระ
24.พระกังขาเรวัตตะ
25.พระโมฬียะวาทะ
26.พระอุตระ
27.พระคิริมานันทะ
28.พระสปากะ
29.พระวิมะละ
30.พระเวณุหาสะ
31.พระอุคคาเรวะ
32.พระอุบลวรรณาเถรี
33.พระโลหะนามะเถระ
34.พระคันธะทายี
35.พระโคธิกะ
36.พระปิณฑะปาติยะ
37.พระกุมาระกัสสะปะ
38.พระภัทธะคู
39.พระโคทะฑัตตะ
40.พระอนาคาระกัสสะปะ
41.พระคะวัมปะติ
42.พระมาลียะเทวะ
43.พระกิมิละเถระ
44.พระวังคิสะเถระ
45.พระโชติยะเถระ
46.พระเวยยากัปปะ
47.พระกุณฑะละติสสะ
48.พระพักกุละ*

พระสาวกธาตุสมัยปัจจุบัน

พระสาวกเหล่านี้ ได้ปฏิบัติธรรม และก้าวขึ้นสู่ชั้นอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา
เมื่อมรณภาพลง ภายหลังจากการฌาปณกิจแล้วก็บังเกิดสิ่งอันน่าอัศจรรย์ใจต่างๆเกิดขึ้น
เมื่อกระดูกที่โดนเผาไฟแล้วก็ดี เส้นผม ฟัน หรือกระทั่งชานหมาก ที่มิได้โดนเผาไฟด้วย
ไม่ว่าเก็บไว้ตามสถานที่ใดก็แล้วแต่ ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นผลึกใหญ่น้อย สีสันต่างๆ คล้ายกรวดคล้ายแก้ว
เพิ่มลดจำนวนได้เอง หรือ จะเรียกให้ถูกว่า กระดูกของท่านเหล่านั้น ได้แปรเปลี่ยนเป็น 'พระธาตุ'
ซึ่งมีรายนามพระสาวกปัจจุบันที่พบว่าสิ่งของที่เกี่ยวเนื่องด้วยท่าน
มีการแปรเปลี่ยนสภาพเป็นพระธาตุแล้ว ดังนี้

1.สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม กทม.

2.หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส สกลนคร

3.พระสุพรหมยานเถร (พรหมา พรหมจักโก) วัดพระพุทธบาทตากผ้า ลำพูน

4.หลวงปู่สิงห์ทอง ธัมมวโร วัดป่าแก้วบ้านชุมพล สกลนคร

5.หลวงปู่ครูบาบุญปั๋น ธัมมปัญโญ วัดร้องขุ้ม เชียงใหม่

6.หลวงปู่คำตัน ฐิตธัมโม วัดป่าดานศรีสำราญ หนองคาย

7.พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี

8.หลวงปู่เข่ง โฆษธัมโม วัดป่าสีห์พนม สกลนคร

9.พระญาณสิทธาจารย์ (สิม พุทธจาโร) วัดถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่

10.พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร (วัน อุตตโม) วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม สกลนคร

11.พระครูอินทวุฒิกร (ต่วน อินทปัญโญ) วัดกล้วย อยุธยา

12.พระครูวิเวกพุทธกิจ (เสาร์ กันตสีโล) วัดดอนธาตุ อุบลราชธานี

13.หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อุดรธานี

14.หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ วัดเจติยาคีรีวิหาร หนองคาย

15.พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย) วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา

16.พระครูศาสนูปกรณ์ (บุญจันทร์ กมโล) วัดสันติกาวาส อุดรธานี

17.หลวงปู่คำฟอง มิตตภานี วัดป่าศรีสะอาด สกลนคร

18.พระราชวุฒาจารย์ (ดูลย์ อตุโล) วัดบูรพาราม สุรินทร์

19.หลวงปู่หลุย จันทสาโร วัดถ้ำผาบิ้ง เลย

20.หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่

21.หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร วัดป่าวังเลิง มหาสารคาม

22.หลวงปู่สาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก สุรินทร์

23.หลวงปู่กอง จันทวังโส วัดสระมณฑล อยุธยา

24.พระครูพรหมเทพาจารย์ (เทพ ถาวโร) วัดท่าแคนอก(เทพนิมิตร) ลพบุรี

25.หลวงปู่เมตตาหลวง (สิงห์ สุนทโร) วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม นครราชสีมา

26.สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (สนั่น จันทปัชโชโต) วัดนรนารถสุนทริการาม กรุงเทพฯ

27.หลวงพ่อประยุทธ์ ธัมยุทโต วัดป่าผาลาด กาญจนบุรี

28.หลวงปู่หล้า เขมปัตโต วัดบรรพตคีรี(ภูจ้อก้อ) มุกดาหาร

29.พระภาวนาวิสุทธิเถร (กัมพล กัมพโล) วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพฯ

30.พระครูขันตยาภรณ์ (คำ ขันติโก) สุสานไตรลักษณ์ เชียงใหม่

31.พระครูสุคันธศีล (คำแสน อินทจักโก) วัดสวนดอก(บุปผาราม) เชียงใหม่

32.หลวงปู่กุ่น จิรกุโล วัดศาลพันท้ายนรสิงห์ สมุทรสาคร ดูรูป

33.หลวงปู่ปั่น สุจิณโณ วัดพรพระร่วงประสิทธิ์ กรุงเทพฯ อ่าน/ดูรูป

34.พระครูประสิทธิธรรมญาณ (แบน กันตสาโร) วัดมโนธรรมาราม(นางโน) กาญจนบุรี

35.พระครูพิสิษฐ์อรรถการ (คล้าย จันทสุวัณโณ) วัดสวนขัน นครศรีธรรมราช

36.พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) วัดจันทาราม(ท่าซุง) อุทัยธานี

37.พระครูนิยุตธรรมสุนทร (ยิด จันทสุวัณโณ) วัดหนองจอก ประจวบคีรีขันธ์

38.หลวงปู่มหาปราโมทย์ ปาโมชโช วัดป่านิโครธาราม อุดรธานี

39.พระครูสุวัณโณปมคุณ (คำพอง ติสโส) วัดป่าพัฒนาธรรม(ถ้ำกกดู่) อุดรธานี

40.พระสุธรรมคณาจารย์ (เหรียญ วรลาโภ) วัดอรัญญบรรพต หนองคาย

41.พระนพีสีพิศาลคุณ (ทองอินทร์ กุสลจิตโต) วัดสันติธรรม เชียงใหม่

42.พระครูการุณยธรรมนิวาส (หลวง กตปุญโญ) วัดป่าสำราญนิวาส

43.หลวงปู่ชื้น พุทธสโร วัดญาณเสน อยุธยา

44.พระครูจิตตวิโสธนาจารย์ (หนู สุจิตโต) วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่

45.หลวงปู่ขาน ฐานวโร วัดป่าบ้านเหล่า เชียงราย

46.หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดอรัญญวิเวก นครพนม

47.หลวงตาประสิทธิ์ ถาวโร วัดถ้ำยายปริก ชลบุรี

48.หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต วัดอุดมคงคาคีรีเขต ขอนแก่น

49.พระครูสุทธิธรรมรังษี (เจี๊ยะ จุนโท) วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม ปทุมธานี

50.พระครูวรวุฒิคุณ (อิน อินโท) วัดคันธาวาส (ทุ่งปุย) เชียงใหม่

51.ครูบาคำหล้า สังวโร สำนักสงฆ์ห้วยขุนสวด พะเยา

52. หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ

53. หลวงปู่สรวง ( เทวดาเล่นดิน ) วัดไพรพัฒนา จ.ศรีสะเกษ


ข้อมูลเพิ่มเติม 5 - 06 ก.ย. 2555 - 16:01:07 น.



พร้อมบัตรรับรองพระแท้ เพื่อการเก็บสะสมบูชาที่สมบูรณ์แบบ

....................................................................................................................................................

ในบรรดาพิมพ์พระเครื่องเมืองไทย พิมพ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด และเป็นที่รู้จักยอมรับมากที่สุด คงหนีไม่พ้น
" พระพิมพ์สมเด็จ "

พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองไทย ทั้งในอดีตและปัจจุบันทุกองค์ พระพิมพ์สมเด็จที่ท่านสร้างขึ้น
ไม่ว่าจะป็นเนื้อมวลสารใด ล้วนได้รับความนิยมและมีราคาสูงทั้งสิ้น

พระพิมพ์สมเด็จของหลวงปู่หมุน ก็เช่นเดียวกัน มีอยู่สองรุ่นที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ คือ
1.พระสมเด็จ พิมพ์หลังยันต์ห้า ฝังเหล็กไหล วัดป่าหนองหล่ม ปี 42 ซึ่งราคาไปไกลถึง 15,000 - 20,000บาทแล้ว
2.พระสมเด็จวัดโนนผึ้ง ปี 40 เนื้อพิเศษสวยๆอยู่ที่ประมาณ 4-5 พันบาท

จึงอยากจะแนะนำให้เพื่อนๆสมาชิก เริ่มเก็บสะสมพระสมเด็จของหลวงปู่สภาพที่สวยๆกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
ก่อนที่ราคาในอนาคตจะขยับแพงขึ้นมากไปกว่านี้ครับ

....................................................................................................................................................

ข้อมูลรายละเอียดพระสมเด็จวัดโนนผึ้ง (ฉบับล่าสุด 22 มิ.ย. 2555)
(ศึกษาค้นคว้ารวบรวมและเรียบเรียงโดย.....เทพอินทรา)

พระสมเด็จวัดโนนผึ้ง.....เป็นพระสมเด็จหลวงปู่หมุน รุ่นแรก สร้างปี พ.ศ.2540 ที่วัดโนนผึ้ง จ.ศรีสะเกษ
เมื่อครั้งที่หลวงปู่ยังจำพรรษาอยู่ที่วัดโนนผึ้ง ซึ่งเป็นวัดลูกศิษย์ของท่าน คือ หลวงพ่อประสาน อันเป็นศิษย์ใกล้ชิด
ของหลวงปู่หมุนมาตั้งแต่ยุคต้น ซึ่งนอกจากท่านจะได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมหลายอย่างจากหลวงปู่หมุนแล้ว
ท่านยังเป็นผู้ที่เก่งมากด้านเมตตามหาเสน่ห์ ผูกดวงคู่ และเชี่ยวชาญแตกฉานเรื่องว่านยาต่างๆเป็นอย่างมากอีกด้วย
จนหลวงปู่หมุนเอ่ยปากชมว่า หลวงพ่อประสานเป็นเอกทางด้านนี้ จะหาใครมาเทียบรัศมีได้ยาก และท่านเป็นกำลัง
สำคัญอย่างยิ่งในการร่วมสร้างพระสมเด็จหลวงปู่หมุน รุ่นแรก (พระสมเด็จวัดโนนผึ้ง) ในครั้งนั้นด้วย

พระสมเด็จวัดโนนผึ้ง.....สร้างและเสกด้วยเจตนาบริสุทธิ์ มวลสารที่อยู่ในองค์พระนั้นหามารวมกันหลายชั่วอายุคน
รุ่นต่อรุ่น จากอาจารย์สู่ลูกศิษย์ ผงนี้ศักดิ์สิทธิ์อาถรรพ์ยิ่งนัก มีมวลสารจากชานหมากของครูอาจารย์มากมาย
และยอดมวลสารที่วิเศษอย่างยิ่งก็คือ มวลสารที่ได้จากพิธีการลบผงในโบสถ์ของหลวงปู่หมุน ซึ่งท่านได้บอกว่า
การลบผงนี้ทำได้ยากมากๆ ในชีวิตคนหนึ่งจะทำสำเร็จได้เพียงไม่กี่ครั้ง ยากนักที่ใครจะทำได้ เห็นจะมีก็แต่
สมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังฯ หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร และหลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุนนาคเท่านั้น
ที่ทำได้ ซึ่งหลวงปู่หมุนท่านได้สำเร็จวิชาการลบผงสีตำรับของสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)มาจากหลวงปู่สี
วัดถ้ำเขาบุนนาค ซึ่งนับเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ศึกษาจนสำเร็จวิชานี้ได้ จึงไม่ต้องสงสัยแต่อย่างใดเลยว่า
พระสมเด็จวัดโนนผึ้งชุดนี้จะดีจริงหรือไม่

พระสมเด็จวัดโนนผึ้งนี้หลวงปู่หมุนท่านนำมาให้ลูกศิษย์ลูกหาและญาติโยมเช่าบูชาเพื่อร่วมทำบุญกุศลที่วัดป่าหนองหล่ม
ในพิธีไหว้ครู และพิธีหล่อพระแก้ว ในปี 2541 และ 2542 ในราคาองค์ละ 500 บาท ซึ่งถือว่าสูงมากในสมัยนั้น
เพราะหลวงปู่บอกว่าเป็นของดีเนื้อแก่มวลสาร ทำได้ยากมาก เก็บกันไว้เถอะ อนาคตจะแพงและหากันไม่ได้นะ
พุทธคุณเหลือล้นสุดยอด ดีทั้งนอกดีทั้งใน ใครได้ไว้ครอบครองถือว่าเป็นมงคลแก่ชีวิตอย่างยิ่ง

พระสมเด็จวัดโนนผึ้ง.....มีพุทธศิลป์เดียว คือ ด้านหน้าเป็นพระสมเด็จปางสมาธิ ฐาน 3 ชั้น ฐานชั้นกลางจะขึ้นเป็น
เส้นคม ปลายฐานจะค่อยๆโค้งงอขึ้นด้านบนอย่างอ่อนช้อยสวยงาม อยู่ภายในเส้นครอบซุ้มผ่าหวาย
ยอดปลายพระเกศจะไม่จรดติดกับเส้นขอบซุ้ม
ด้านหลังเป็นยันต์ใหญ่ และตัวอักษร วัดโนนผึ้ง
อ.กันทรารมย์ จ. ศรีสะเกษ

แยกเป็น 3 พิมพ์ ตามขนาดขององค์พระ ดังนี้

1. พิมพ์จัมโบ้ ขอบล่างกว้าง 2.4 ซ.ม. ขอบบนกว้าง 2.2 ซ.ม.สูง 3.6 ซ.ม. (จำนวนสร้าง 100 องค์)
2. พิมพ์ใหญ่ ขอบล่างกว้าง 2.2 ซ.ม. ขอบบนกว้าง 2.1 ซ.ม.สูง 3.3 ซ.ม. (จำนวนสร้างหลักหมื่นองค์)
3. พิมพ์เล็ก ขอบล่างกว้าง 2.0 ซ.ม. ขอบบนกว้าง 1.9 ซ.ม.สูง 3.0 ซ.ม. (จำนวนสร้าง 100 องค์)

ทั้ง 3 พิมพ์จะมีทั้งแบบองค์พระบาง (0.5 ซ.ม.) และองค์พระหนา (0.7 ซ.ม.) ซึ่งพบเห็นน้อยหายากกว่า

พระสมเด็จวัดโนนผึ้ง.....มีหลายเนื้อ หลายโซนสี และหลายวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุลงในองค์พระ
ปัจจุบันสำนักงานการันตีพระจะออกบัตรรับรองพระแท้ให้ โดยระบุเป็นพระเนื้อผงทั้งสิ้น เราต้องแยกรายละเอียด
เอาเองว่าเป็นเนื้อผงที่แก่มวลสารใดเป็นพิเศษ

ผมได้พยายามรวบรวมข้อมูลเท่าที่หาได้และจากที่ได้เก็บสะสมบูชาพิจารณาสัมผัสองค์จริงโดยตรง จำนวนทั้งสิ้น
500 กว่าองค์ มาบันทึกไว้ในกระทู้นี้ ซึ่งอาจจะยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วน 100% นัก แต่อย่างน้อยเพื่อเป็นประโยชน์
ต่อเพื่อนสมาชิกที่นิยมสนใจในพระรุ่นนี้ได้ใช้เป็นแนวทางเบื้องต้นในการพิจารณาเช่าหาได้ง่ายขึ้น ดังต่อไปนี้

จำแนกตามเนื้อมวลสารหลักที่สร้าง ซึ่งมีทั้งประเภทเนื้อหยาบและเนื้อละเอียด โดยจะเรียงลำดับจากที่หายาก
พบเห็นน้อยไปหามาก ดังนี้

แบบที่ 1. เนื้อผงพุทธคุณ ๑๐๘ มีเม็ดพระธาตุงอก
แบบที่ 2. เนื้อผงพุทธคุณ ๑๐๘ แก่เส้นเกศา
แบบที่ 3. เนื้อผงพุทธคุณ ๑๐๘ แก่ชานหมาก
แบบที่ 4. เนื้อผงพุทธคุณ ๑๐๘ แก่ว่าน
แบบที่ 5. เนื้อผงพุทธคุณ ๑๐๘ แก่ผงตะไบ
แบบที่ 6. เนื้อผงพุทธคุณ ๑๐๘ แก่ผงธูป
แบบที่ 7. เนื้อผงพุทธคุณ ๑๐๘

จำแนกตามโซนสีขององค์พระ ซึ่งการเกิดโซนสีที่ต่างกันนั้น ก็เนื่องมาจากอัตราสัดส่วนผสมและชนิดของเนื้อผง
พุทธคุณ ว่านและชานหมากที่ใช้สร้างแตกต่างกัน โดยจะเรียงลำดับจากที่หายากพบเห็นน้อยไปหามาก ดังนี้

แบบที่ 1. โซนสีดำ (แก่ว่านไพรดำ)
แบบที่ 2. โซนสีขาว (แก่ว่านขาวจ้าวทรัพย์)
แบบที่ 3. โซนสีน้ำตาลเข้ม (แก่ชานหมาก)
แบบที่ 4. โซนสีน้ำตาลเข้ม (แก่ว่าน)
แบบที่ 5. โซนสีเหลืองขมิ้น
แบบที่ 6. โซนสีเทา (แก่ผงธูป)
แบบที่ 7. โซนสีน้ำตาลอ่อน (แก่ผงตะไบ)
แบบที่ 8. โซนสีน้ำตาลอ่อน

จำแนกตามวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุเพิ่มเติมลงในองค์พระ เรียงลำดับจากที่หายากพบเห็นน้อยไปหามาก ดังนี้

แบบที่ 1. ฝังเพชรหน้าทั่ง (สร้างหลักสิบองค์ไม่เกิน 100 องค์)
แบบที่ 2. กรรมการทาทองด้านหน้าและหลัง อุดจีวรใต้ขอบสันด้านล่าง (สร้างหลักสิบองค์ กรรมการทาทองแบบที่ 2 - 5 สร้างรวมกัน 100 องค์)
แบบที่ 3. กรรมการทาทองด้านหน้า ลงรักด้านหลัง อุดจีวรใต้ขอบสันด้านล่าง (สร้างหลักสิบองค์ กรรมการทาทองแบบที่ 2 - 5 สร้างรวมกัน 100 องค์)
แบบที่ 4. กรรมการทาทองด้านหน้าและหลัง ไม่อุดจีวรใต้ขอบสันด้านล่าง (สร้างหลักสิบองค์ กรรมการทาทองแบบที่ 2 - 5 สร้างรวมกัน 100 องค์)
แบบที่ 5. กรรมการทาทองด้านหน้า ลงรักด้านหลัง ไม่อุดจีวรใต้ขอบสันด้านล่าง (สร้างหลักสิบองค์ กรรมการทาทองแบบที่ 2 - 5 สร้างรวมกัน 100 องค์)
แบบที่ 6. ติดเส้นเกศาและปิดแผ่นจีวรทับบริเวณกลางองค์พระด้านหลัง
แบบที่ 7. ติดแผ่นจีวรกลางองค์พระด้านหลัง
แบบที่ 8. อุดจีวรใต้ขอบสันด้านล่าง
แบบที่ 9. ติดเศษธนบัตรใบละ 100 บาทที่ผิวองค์พระ
แบบที่ 10 อุดเศษธนบัตรใบละ 100 บาทใต้ขอบสันด้านล่าง
แบบที่ 11. โรยผงตะไบที่ผิวพระ
แบบที่ 12. ฝังพลอยดิบเม็ดใหญ่ที่ผิวพระ
แบบที่ 13. โรยแร่ที่ผิวพระ
แบบที่ 14. ผสมพลอยดิบเม็ดเล็กลงไปในเนื้อมวลสาร

....................................................................................................................................................

องค์ที่ลงประมูลอยู่นี้เป็นพระพิมพ์เล็ก เนื้อผงพุทธคุณ ๑๐๘ แก่ว่าน โซนสีน้ำตาลเข้ม เนื้อละเอียด เม็ดพระธาตุงอก สวยมาก หายากสุดๆครับ


 
ราคาปัจจุบัน :     4,950 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    Pingnanthawan (50)

 

Copyright ©G-PRA.COM