(0)
พระผงวิสุทธิเทพ พิมพ์หนา แก่น้ำมันชาตรี และมีจีวร และมวลสารสำคัญของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ มากมาย สร้างปี 2530








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพระผงวิสุทธิเทพ พิมพ์หนา แก่น้ำมันชาตรี และมีจีวร และมวลสารสำคัญของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ มากมาย สร้างปี 2530
รายละเอียดพระผงวิสุทธิเทพ พิมพ์หนา หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง สร้างปี 2530 พิเศษพิมพ์หนาหายากสร้างน้อย กดพิมพ์ในวัดพระสร้างกันเองจึงรวมมวลสารผงหลวงพ่อมากที่สุด พอพุทธาภิเษกเสร็จหลวงพ่อสั่งให้เก็บไว้ จึงมีไม่มากนักเนื่องจากสร้างน้อยส่วนใหญ่จะได้เฉพาะพระที่วัดและลูกศิษย์
**************************************
พระคำข้าวรูปพระวิสุทธิเทพ พิมพ์หนาแก่น้ำมันชาตรี หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงสร้าง

พระรุ่นนี้สร้างออกมาราวๆปี 2530 ครับมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ ก็คือเป็นแบบพิมพ์บาง และพิมพ์หนา

--- ด้านหน้าเป็นรูปพระวิสุทธิเทพปางพระนิพพาน อักษร บนซ้ายเขียนว่า "พุท" ด้านขวาเขียนว่า "โธ" อักษรที่เหลือเป็นคำว่า "นะ มะ พะ ธะ" เป็นหัวใจของธาตุสี่ หรืออีกนัยนึงก็คือคำย่อของคำว่า "นมัสการพระพุทธเจ้า" เป็นคำที่ใช้ในการฝึกมโนมยิทธิ (ลูกหลานหลวงพ่อคงทราบดี)

--- ด้านหลังเป็นรูปยันต์เกราะเพชร

ส่วนพิมพ์หนานั้นจะเป็นเนื้อผงแก่น้ำมันชาตรี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพิมพ์หนานี้จะมีการผสมเกศาของหลวงพ่อ..มากกว่าพิมพ์บางครับ ทำให้พบเห็นเกษาได้ง่ายกว่าพิมพ์บางครับ และเท่าที่ทราบนอกจากเกศาแล้วยังมีเศษของผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม ผงพระคำข้าว มวลสารที่สำคัญอีกหลายอย่างของหลวงพ่อผสมด้วยครับ

ส่วนสีของน้ำมันชาตรีนั้น เวลาที่ผสมกับองค์พระไปแล้วก็จะมีสีต่างๆ เช่นสีเขียวหยก , สีส้มอ่อนออกเหลือง , สีส้มเข้มออกน้ำตาลไหม้เป็นต้นครับ

สำหรับองค์ในภาพนี้เป็นพิมพ์หนาแก่น้ำมันชาตรี พุทธานุภาพ ก็จะเด่นทางด้านป้องกัน และโชคลาภเป็นหลักส่วนที่เหลือแล้วแต่ลูกศิษย์จะอาราธนาขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ครับ

พระวิสุทธิเทพคือเทพที่บริสุทธิปราศจาก กิเลสทั้งปวง อยู่บนพระนิพพานทั้งหมด...

ข้อมูลที่ผมสอบถาม ผท่านที่มีซีดีบันทึก ที่หลวงพ่อได้กล่าวไว้ พอสรุปได้ดังนี้

เรื่องพุทธคุณก็ครอบคลุมทุกอย่าง หลวงพ่อ บอกว่าพิธีนี้สมบูรณ์ที่สุด (ครั้งที่ 1-8 ไม่เท่า) องค์สมเด็จฯ ท่านเสด็จมา และมวลสารนั้นเยอะมาก ๆ ขนาดเรื่องเกศาอย่างเดียว ครกหนึ่งใส่ทีละเป็นกำก็ว่าได้ ถ้าเป็นรุ่นอื่น ๆ ก็แค่หยิบใส่น้อย ๆ กลัวจะหมด ไหนจะจีวร ผงพุทธคุณ ของพิเศษที่หลวงพ่อเก็บไว้ ฯลฯ ซึ่งพระในวัดช่วยทำกันเองล้วน ๆ หลังเจริญกรรมฐาน ทำได้ประมาณ 10,000 องค์ และก็ผาติกรรมเผื่อตัวท่านเองไม่กี่องค์...
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน4,000 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 02 มี.ค. 2555 - 14:45:24 น.
วันปิดประมูล - 05 มี.ค. 2555 - 13:04:26 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลศุภกิจอธิคม (2K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 02 มี.ค. 2555 - 14:46:23 น.



อานุภาพน้ำมันชาตรี

น้ำมันสังคโรคหรือน้ำมันชาตรีตำรับหลวงปู่ปาน
ถาม : ..................................

ตอบ : น้ำมันสังคโรคก็คือน้ำมันชาตรีที่ หลวงปู่ปาน ท่านทำ ท่านเอามาให้พวกเราใช้ก่อนน้ำมันชาตรีหลายปี ท่านไม่ได้บอกว่าเป็นน้ำมันชาตรี คือว่าหลวงพ่อท่านกลับไป กลับไป วัดบางนมโค กลับไปเยี่ยมวัดเก่านั่นล่ะ แล้วท่านก็ขึ้นกุฏิเก่าของท่าน ท่านบอกว่าอะไรต่อมิอะไรมันปล่อยรกรุงรังหมด ข้าวของอะไรที่เคยเป็นของหลวงปู่ ที่หลวงพ่อท่านรักษาเอาไว้ดี มันก็ปล่อยกระทั่งฝุ่นจับหยากไย่ขึ้นเละเทะไปหมด
ท่านบอกว่าอะไรก็ไม่ว่าหรอก ไปเจอขวดน้ำมันชาตรีหลงอยู่มันแห้งเกือบจะติดก้นขวดท่านบอกว่าเห็นเข้าก็ดีใจแทบตาย ก็ไปถามเขาบอกว่าขอได้มั้ย ? เขาบอกว่าเอาไปเหอะขวดเก่าๆ น้ำมันชาตรีนี่มีอานุภาพพิเศษก็คือเติมเท่าไหร่ก็ตามอานุภาพยังเหมือนเดิม แต่ท่านไม่ได้บอกเราเพราะว่าอนุภาพของน้ำมันชาตรีถ้าเราสังเกตหลวงพ่อท่านจะเน้นเรื่องรักษาโรค

คำว่าสังคโรคมันแปลว่ารวมทุกโรค คราวนี้น้ำมันชาตรีนี่ท่านจะเน้นทางรักษาโรค เพราะว่าถ้าไม่เน้นคนมันเอาไปใช้นี่ดีไม่ดีเละ เพราะว่าเห็นคาๆ ตามาว่าคนโดน ๑๑ ม.ม. ชนิดที่กระสุนแบนแต็ดแต๋ติดเอวเลย เขาบอกไม่รู้สึกอะไร รู้สึกเหมือนกับตัวเเมงบินมาชน มันได้ขนาดนั้น แล้วลองคิดดูว่าถ้าเกิดคนมันเฮี้ยนขึ้นมามันไม่ตีกันกระจายทั้งบ้านทั้งเมืองหรือ ใครๆ รักจะเป็นนักมวยก็เอา

หลวงพ่อท่านบอกว่าท่านขโมยน้ำมันชาตรีหลวงปู่มาครึ่งขวดยานัตถุ์ขโมยเลย พอหลวงปู่กลับมาถามว่าใครขโมยน้ำมันวะ ? บอกว่าผมเองครับ บอกแล้วมึงขโมยทำไมวะ ? ผมคิดค่าเฝ้ากุฏิครับ (หัวเราะ) ไม่ได้ขโมยค่าเฝ้ากุฏิ เออมีมึงคนเดียวล่ะที่กล้าพูดอย่างนี้ แล้วเสร็จแล้วท่านก็บอกว่าให้ เจ้าอั๋น ลูกศิษย์ที่จะขึ้นชกมวย เจ้าอั๋นเวลาขึ้นชกมวยใช้ชื่อนิตย์ ท่านก็เอาก้านไม้ขีดก้านธูปอะไรนั่นล่ะ จิ้มแล้วเจิมหัวให้มันไป ไปชกชนะน็อคเขามายกสาม ถามมันบอกตอนชกรู้สึกยังไง มันบอกว่าเวลาคู่ต่อสู้เตะมาต่อยมาโดนน่ะโดนจังๆ แต่รู้สึกว่ามันเบาเหมือนไม่มีน้ำหนัก

โบราณท่านถึงได้เรียกน้ำมันชาตรีว่า ลูกเบา โดนอะไรมันเบาไปหมด ไม่เบาได้ยังไงล่ะ ฟูลเมตัลเเจ๊คเก๊ตนะ หัวตันน่ะความเร็ว ๙๕๐ ฟูตต่อวินาที นี่แรงปะทะของมันนี่นักมวยปล้ำตีลังกาแล้วโยมผู้หญิงผอมๆ แห้งๆ โดนเข้าไปเต็มเอวแบนเเต๋ติดอยู่อย่างกับประเภทเอาดินเหนียวไปแปะเลยล่ะ นั่นล่ะเขาบอกมันรู้สึกเหมือนยังกะแมงมันบินมาชน เราก็ขอดูแผลมันแดงๆ หน่อยเดียวเอง เหมือนยังกับเราเอาอะไรไปขว้างแรงๆ ใส่หน่อยแค่นั้นน่ะ หนังมันเป็นสีแดงๆ

ถาม : อันนี้นี่คือทาไว้ก่อนหรือว่า ?

ตอบ : เขาบอกว่าเขากินวันละช้อน (หัวเราะ) หรืออาจจะเอาอย่าง พี่อาจินต์ ก็ได้ พี่อาจินต์เขากินวันละแก้ว พักเดียวอ้วนปี๋เลย ใครเห็นรูปเก่าๆ หลวงพี่อาจินต์ แหม....หนุ่มน้อยเอวบาง เล่นน้ำมันชาตรีวันละเเก้วพักเดียวล่ะ ตันตึ๊กเลย

ถาม : แล้วเวลาเติมนี่ต้องใช้น้ำมันอะไร ?

ตอบ : จริงๆ แล้วใช้ น้ำมันมะพร้าว ก็ได้ น้ำมันพืชก็ได้อะไรก็ได้ แต่ว่านิยม น้ำมันงา เพราะกลิ่นมันหอม ใช้น้ำมันชาตรีเติมลงไปในน้ำมันใหม่อย่าเอาของใหม่เททับของเก่า ถ้าของใหม่เททับของเก่าของเก่าจะเสื่อมไปด้วย ให้เอาของเก่าเทใส่ของใหม่ ไม่ต้องว่าคาถงคาถาอะไรทั้งนั้นล่ะเทลงไปเฉยๆ ด้วยความเคารพก็พอ

ถาม : หลวงพ่อค่ะทำไมน้ำมันงาแพงจังค่ะ ?

ตอบ : ก็มันอาจจะเป็นเพราะคนใช้น้อย เขาผลิตน้อยมันก็ต้องขายแพงหน่อยไม่งั้นมันไม่คุ้มต้นทุนเขาน่ะ

ถาม : แล้วจะใช้....?

ตอบ : จะกินจะทาอะไรก็ได้ แต่ว่าถ้ารักษาโรคลองเอาแตะเนื้อดูก่อน ถ้าหากว่าร้อนรักษาโรคไม่หาย แต่ถ้าหากว่าปกติหรือหากว่าเย็นโรคอะไรก็รักษาได้

ถาม : เฉพาะคนเหรอค่ะหลวงพ่อ ?

ตอบ : ถ้ารักษาสัตว์นี่เราไม่รู้จะลองยังไง มันบอกว่าเย็นได้มั้ยล่ะ ถ้ามันบอกได้ก็เอา น้ำมันชาตรีเป็นวิชาการที่ทำยากที่สุดตามสายของหลวงพ่อ ต้องรอพระท่านอนุญาตเท่านั้นถึงจะทำได้ ไม่งั้นต่อให้คุณได้อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ อะไรก็ไม่ได้ทั้งสิ้น หลวงพ่อท่านบอกว่าในชีวิตท่านเห็นแค่ ๒ องค์ที่ทำได้คือ หลวงปู่ปาน กับ อาจารย์โภคา ลืมถามท่านไปว่าอาจารย์โภคาอยู่วัดไหนหรือว่าเป็นฆราวาสที่ไหน

สมัยที่เคยได้ยินคำว่าน้ำมันชาตรีครั้งแรกก็ได้ยินจาก ครูเขตร นั้นล่ะ เพราะท่านสอนวิธีตั้งธาตุ ปลุกธาตุ เรียกธาตุเข้าตัวอะไรเสร็จ สอนวิชาเสร็จท่านบอกว่าเสียดายวิชาการปลุกน้ำมันชาตรีท่านทำไม่สำเร็จ ท่านบอกว่าถ้าทำสำเร็จนี่เราจะสร้างแชมป์เปี้ยนโลกกี่คนก็ได้ แล้วเสร็จแล้วพอพระท่านอนุญาตให้ทำหลวงพ่อก็สั่งโรงงานเลย ผลิตมา ๓๐๐ ปี๊บ เข้าพิธีรวดเดียว ๓๐๐ ปี๊บ เพราะฉะนั้นออริจินอลอย่างน้อยก็มี ๓๐๐ ปี๊บ แต่ว่าจริงแล้วมันเติมเท่าไหร่ก็ได้ แล้วท่านก็บอกว่าในชีวิตของข้า หลวงปู่ปานท่านทำได้ ๒ ครั้ง ตัวข้าเองอาจจะทำได้ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะว่าต้องรอพระท่านอนุญาต ปรากฏว่าท่านทำได้ครั้งเดียวจริงๆ ไม่ทันจะทำใหม่ก็มรณภาพซะเสียก่อน

น้ำมันชาตรีไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร ชาตรีมันก็เหนือกว่าอื่นใด ขืนไปบอกมันว่าชาตรีใช้ได้ขนาดนั้นรับรองมันตีเขากระจายหมดไม่ต้องกลัวใคร หลวงพ่อท่านถึงได้เน้นไปทางรักษาโรค รู้แล้วอย่าเอ็ดไป (หัวเราะ) ไม่งั้นเดียวมันไม่หามามั่ง ต่างคนต่างต่อยครบๆ ยกเหนื่อยลิ้นห้อยมันไม่มีใครแพ้ใครชนะ

ถาม : ของทุกอย่างมันมั่นใจกับตัวของผู้ใช้ด้วยหรือเปล่า ?

ตอบ : อันนั้นมีส่วน เรื่องของน้ำมันชาตรีนี่มันประเภทที่เรียกว่านอกเหตุเหนือผลคือถ้าคุณใช้อานุภาพก็มี

ถาม : แล้ววัตถุมงคลด้วยรึเปล่าค่ะ ?

ตอบ : วัตถุมงคลนี่สำคัญอยู่ที่กำลังใจ ถ้ากำลังใจเปิดรับมากเท่าไหร่มีผลมากเท่านั้น แต่ว่าน้ำมันชาตรีนี่ ประเภทที่เรียกว่าคำว่าชาตรีนี่คงตั้งใจสงเคราะห์โดยตรงละมั้ง หลวงพ่อท่านบอกว่าก่อนหน้านี้ ท่านเสกของเสกอะไรก็มีชาตรีเหมือนกันแต่ซุกๆ อยู่ข้างใน นี่คราวนี้ว่าตั้งแต่ยุคนั้นมานี่ชาตรีนำหน้า เตรียมไว้ให้ตีกับชาวบ้าน

ถาม : เรื่องที่ว่าเปิดรับนี่หมายความว่า...?

ตอบ : คือ จิตใจของเราเคารพ มีการอาราธนาเป็นปกติ เป็นสมัยของเรานี่ไม่ต้องเสียเวลาเสกน่ะ ถึงเวลาก็กรอกเติมไปเรื่อย




สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนเมษายน ๒๕๔๕
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 02 มี.ค. 2555 - 14:48:24 น.



เปรียบเทียบความหนา กับพระคำข้าวรุ่น 2ิ ครับ


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 02 มี.ค. 2555 - 14:53:20 น.

อานุภาพน้ำมันชาตรี, บารมีหลวงพ่อช่วย, ผีหลอกที่วัดเขาวง, หลวงพ่อรักษาคุณไสย


พุทธานุภาพน้ำมันชาตรี ของคุณจิราภรณ์ สุทธะพินธุ (จากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๓ หน้า ๕๘๙)

ข้าพเจ้ามึความเคารพต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งชีวิต ตลอดจนองค์หลวงปู่ปานและหลวงพ่อพระราชพรหทยานตลอดมา และหวังเป็นที่พึ่งสูงสุดในชีวิต จนกว่าจะเข้าพระนิพพานเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ อันทำข้าพเจ้าเป็นทุกข์ทางกายและทางใจ เมื่อข้าพเจ้าน้อมจิตขอต่พระองค์ท่านช่วยเหตุการณ์ทั้งหลาย จะได้รับการแก้ไขจากพระองค์ท่านทันที ทุกพระองค์มีพระคุณต่อข้าพเจ้ามากเสมอมา

ข้าพเจ้าเกิดมาชาตินี้ พบทุกข์มากมายเหลือเกิน เมื่อหลวงพ่อป่วยข้าพเจ้าก็มักจะป่วยพร้อมๆ กับท่าน และบางครั้งโรคของข้าพเจ้า ก็คล้ายกับโรคที่สร้างความทรมานให้กับหลวงพ่อ ข้าพเจ้ามีอาการของโรคหลอดเลือดมาเลี้ยงหัวใจตีบตัน มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่มเวลามีอาการมากๆ เหมือนมีเข็มแหลมสักร้อยเล่มมาแทงหัวใจพร้อมๆ กัน สร้างความเจ็บปวดทรมานมากมือและแขนซ้ายจะกลายเป็นสีม่วง (Cyanosis) เพราะขาดเลือดมาเลี้ยง อาการเช่นนี้เกิดบ่อยครั้งตลอด ๒ ปีที่ผ่านมา...ตรวจเครื่องคอมพิวเตอร์ดูการทำงานของหัวใจ ผลออกมาก็เกิดอาการจริง รัปประทานยาหมออากรก็ทุเลาแต่ไม่หายขาด

เมื่อข้าพเจ้าอารารธนาน้ำมันชาตรี ซึ่งสมเด็จองค์ปฐม ทรงเป็นประธานมีหลวงปู่ปานในที่สุดได้เมตตาทำไว้ให้ ได้รับประทานวันละ ๑ ช้อนกาแฟครบ ๗ วัน ข้าพเจ้าครบกำหนด ต้องตราจเช็คคอมพิวเตอร์พอดีครั้งนี้อาการต่างๆ ไม่แสดงผลหัวใจปกติทุกอย่าง ระหว่างนอนพัก ดูอาการเปลี่ยนแปลงข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่า จิตขณะนั้น มีอาการหนักหน่วงมาก เหมือนมีอะไรอยู่ในตัวอยากจะหลุดออกจากกายเนื้อเหลือเกิน ตัดสินใจว่าอะไรจะเกิดก็เกิด สักครู่มองเห็นกลุ่มควันขาวจางๆ ลอยออกจากหน้าอก รวมตัวเป็นเทวดา ลอยอยู่เหนือข้าพเจ้า สักครู่ก็หายไป แพทย์ได้อ่านผลคราวนี้บอกว่าหายแล้ว ไม่มีอาการแสดงผลทางคอมพิวเตอร์เลย จนแพทย์บอกว่าหายเองได้อย่างไร ยาที่ให้ทานก็ไม่มีประสิทธิภาพ ในด้านการรักษาขยายหลอดเลือดได้ขนาดนี้ข้าพเจ้าก็ดีใจมากที่ได้รับพระกรุณาจากพระองค์ท่านเช่นนี้ ถ้าพระองค์ไม่เมตตา ทำน้ำมันชาตรีขึ้นมาเพื่อสงเคราะห์ลูกหลานพุทธบริษัท...ข้าพเจ้าคงต้องทุกข์ทรมาน และคงต้องเจ็บตัวนอนให้หมอผ่าตัดอย่างแน่นอน ชั่วชีวิตนี้ลูกจะหาที่พึ่งใดทีประเสริฐกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว พระพุทธคุณของสมเด็จองค์ปฐมเป็นต้น พระธรรมคุณ พระอริยะสังฆคุณ หลวงปู่ปานหลวงพ่อพระราชพรหมยานเป็นที่สุดหาที่สุดประมาณมิได้เช่นนี้เอง...สาธุ

เหตุที่ผมไม่นำเรื่องนี้ลงในกระทู้ที่เกี่ยวเรื่องนี้โดยตรง เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ประทับใจมาก โดยเฉพาะช่วงการตัดสินใจว่า อะไรจะเกิดก็เกิด หรือ อยากหลุดออกจากกายเนื้อเหลือเกิน เห็นกลุ่มควันสีขาวลอยออกจากหน้าอกกลายเป็นเทวดา...นอกจากนี้ความเห็นส่วนตัวผม ผมคิดว่า ท่านผู้นี้มีจิตมั่นคงในพระรัตนตรัยสูงมากและการตัดสินใจเด็ดขาดมาก โดยเห็นทุกข์และไม่ห่วงร่างกายเนื้อ


"บารมีหลวงพ่อ" โดยมธุรส วรวรรณธนะชัย ลูกศิษย์บันทึก ๓ /๖๑๒-๖๑๓

ข้าพเจ้าได้ยินชื่อหลวงพ่อ ครั้งแรกก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที เพราะเป็นชื่อที่แปลก ไม่เคยได้ยินมาก่อนและผู้ที่ทำให้ข้าพเจ้าได้รู้จักหลวงพ่อก็คือ พี่ชายของข้าพเจ้าเอง (พระครูปลัดวิรัช)เนื่องจากพี่ชายของข้าพเจ้า ขณะนั้นได้กลับจากอเมริกา และบอกกับทางบ้านว่า จะบวชที่วัดท่าซุงกับหลวงพ่อซึ่งหลวงพี่ (ขณะเป็นฆราวาส) ได้เล่าถึงประวัติและ ปฏิปทาของหลวงพ่อให้กับทุกคนทางบ้านได้ฟัง และบอกว่าเลื่อมใสในหลวงพ่อตั้งแต่อยู่อเมริกาแล้ว อยากจะบวชที่วัดท่าซุงนี้มากเมื่อหลวงพ่อได้อนุญาตให้บวชได้ ทุกคนก็อนุโมทนา ด้วยความยินดีเป็นอย่างมาก

จากการที่หลวงพี่ มาบวชที่วัดท่าซุงนี่เอง ทำให้ข้าพเจ้าและทุกคนในครอบครัวได้รู้จักหลวงพ่อ และทำให้ทุกคนหันหน้าเข้าหาวัดกันแทบทุกคน ตามแต่จริตของแต่ละคน สำหรับข้าพเจ้าเองนั้นเมื่อได้ศึกษาถึงคำสอนต่างๆ ของหลวงพ่อจากหนังสือ เทป คำสอนหลวงพ่อมาบ้างถึงจะไม่ลึกซึ้งนักก็เกิดความเลื่อมใส ในปฏิปทาและความเสียสละของหลวงพ่อมากขนาดนี้ซึ่งเป็นโชคดีของข้าพเจ้า และครอบครัวที่ได้มาพบหลวงพ่อ เพราะทำให้ทุกคนเร่งทำความดี ทำบุญกุศลเพื่อหลุดพ้นจากความทุกข์ ที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก..นอกจากนี้ยังทำให้ได้ทราบว่า การทำบุญ-ทำอย่างไรจึงจะได้บุญ...ทำอย่างไรจึงจะได้ไม่ต้องเกิดอีก...ถึงแม้ในทางปฏบัติ จะทำได้ไม่ง่ายนักแต่ทำให้เรามีหลักในการปฏิบัติ และดำรงชีวิตในทางที่ถูกที่ควร...โดยพยายามไม่หันเหออกจากศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐ ก็ถือว่าเป็นหนทางที่ถูกที่สุดแล้ว


"เพราะบารมีหลวงพ่อช่วย" ...บารมีหลวงพ่อมีมากล้น จนสุดพรรณนาดังตัวอย่างที่ข้าพเจ้าได้ประสบมาด้วยตัวเองดังต่อไปนี้

เมื่อกลางปี ๓๔ ข้าพเจ้าได้ออกเยี่ยมลูกค้า กับทางบริษัทฯ และได้พักค้างคืนที่โรงแรมที่มีชื่อแห่งหนึ่งของ จ.หวัดลพบุรี ขณะที่กำลังจะหลับอยู่นั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงเหมือนใครมาเรียกชื่ออยู่ข้างๆ หู พอลืมตาขึ้นมาดู...กลับเห็นภาพผู้หญิงหัวฟูหน้าใหญ่เท่ากระด้ง ลอยไปลอยมา หัวเราะเสียงดัง ข้าพเจ้ารู้สึกตกใจกลัวมาก สวดมนต์ทุกอย่างเท่าที่จำได้แล้วภาพก็หายไป พอหลับตาอีก ก็เห็นผู้หญิงผมยาวๆ แต่งชุดดำ มายืนหน้าเศร้าอยู่ข้างเตียง ข้าพเจ้าก็รีบแผ่ส่วนกุศล และขว้าพระมาสวดมนต์พักใหญ่ และคิดว่าทำไมเห็นแต่แบบนี้ ทั้งๆที่ใจไม่ได้คิดอะไรเลย เวลาเข้าห้องพักก็ไหว้เจ้าที่เจ้าทางแล้ว พอคิดอยู่อย่างนั้นก็พยายามจะหลับต่อทั้งๆ ที่กลัวแสนกลัว ทีนี้พอหลับตาอีก ก็เห็นผู้ชายผูกคอห้อยต่องแต่งอยู่บนสะพาน ทีนี้ละวิ่งเผ่นไปทั่วห้อง และขอความช่วยเหลือจากพวกเดียวกัน ซึ่งก็มาช่วยนั่งเป็นเพื่อนรอจนถึงเช้า...เพราะคงไม่กล้านอนอีกแน่ๆ พอรุ่งเช้า ได้ไปสอบถามกับพนักงานโรงแรม ซึ่งก็ไดเล่าให้ฟังว่า มีจริงๆ และพนักงานเองที่ได้เฝ้าเวรดึก ก็มักเจอบ่อยๆ และถามว่า เจ้าของโรงแรมเคยทำบุญให้พวกนี้มั้ยก็บอกว่าไม่เคย เพราะเจ้าของโรงแรมไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ซึ่งแขกหลายๆ รายก็เจอกันเยอะมากบางรายต้องเช็คเอาท์กันกลางดึกเลยก็มี (เป็นบุญของข้าพเจ้าแล้วที่ยังไม่หัวใจวายซะก่อน)

เมื่อข้าพเจ้ากลับกรุงเทพฯ ก็รีบทำบุญใส่บาตร ปล่อยปลา กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับพวกเขาไป แต่เป็นเพราะเหตุใดไม่ทราบพวกเขาไม่ได้ส่วนบุญ ที่ข้าพเจ้าทำให้ เพราะพวกเขาตามมาถึงที่บ้านของข้าพเจ้ามาทำเสียงแปลกๆ อยู่ที่หน้าต่างห้องนอน ประมาณตีหนึ่งตีสองถึง ๔ คืน (แต่เข้าห้องไม่ได้เพราะมีหิ้งพระอยู่ที่หัวนอน) จนคืนที่ ๕ คืนนี้ซิมาแรง มาเป็นกลิ่นเหม็นเหมือนเผาศพอบอวลไปหมด คราวนี้ข้าพเจ้าเพิ่งนึกออก จึงอธิฐานบอกไปว่า พรุ่งนี้ข้าพเจ้าจะส่งเงินไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อที่วัดท่าซุงให้ แค่นี้เท่านั้นเอง กลิ่นก็หายไปแต่ข้าพเจ้าก็ไม่กล้านอนอยู่ดี

พอรุ่งเช้า เมื่อข้าพเจ้าไปถึงที่ทำงาน และวานให้พนักงานไปส่งธนาณัติ เพื่อถวายสังฆทาน จำนวน ๓ กองให้กับพวกเขา (โดยนึกเผื่อไปถึงอีก ๒ ซึ่งเคยขอความช่วยเหลือ) เมื่อพนักขับรถออกไปได้ประมาณ ๑๐ นาที (ซึ่งไปไปรณีย์ต้องใช้เวลาประมาณถึง ๓๐ นาที) ข้าพเจ้าซึ่งเพลียกับการอดหลับอดนอนมาหลายวันจึงรับรับทานยาแล้วก็ขออนุญาตนอนพัก แค่เพียงข้าพเจ้าหลับตาเท่านั้น พวกเขาทั้ง ๕ คนมากันเลยมาโบกมือบ๊ายบาย แล้วบอกว่า ไปแล้วนะ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกโล่งใจและดีใจที่พวกเขาได้รับส่วนบุญที่ข้าพเจ้าทำให้ และรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมพวกเขาถึงได้รับกันเร็วขนาดนี้ เมื่อคิดได้ก็ไม่รู้สึกแปลกใจที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะบารมีหลวงพ่อที่มีมากล้นนี่เอง จึงสามารถสงเคราะห์ผู้ที่เดือดร้อนได้ทันที แม้นเพียงแค่นึกเท่านั้นเอง...


(เรื่องนี้เป็นการยืนยืนที่หลวงพ่อเคยบอกว่า "แค่ตั้งใจทำบูญจริงๆ อานิสงส์ก็เกิดแล้ว" สามารถอุทิศบุญได้เลย และหากเราตายก่อนทำก็รับอานิสงส์เต็มที่...น่าสังสังเกตุว่าการทำบุญครั้งแรกเข้าใจก็สังฆทานเหมือนกัน แต่ผีอาจกรรมหนักรับบุญไม่ได้ จึงต้องทำสังฆทานครบเครื่องและผู้รับ หรือตัวแทนสงฆ์เป็นพระอรหันต์ หลวงพ่อบอกว่า "สังฆทานถูกจังหวะ"ผมเข้าใจว่าปัจจุบันพระรับสังฆทานแทน ที่วัดก็เห็นไม่กี่องค์ และคงไม่ธรรมดาแนะๆ ครับ)


ถูกผีหลอกที่วัดเขาวง ถ้ำนารายณ์ จ. สระบุรี

ช่วงก่อนที่ทางคณะจะเริ่มสร้างพระพุทธรูปสีขาว หน้าตักสี่ศอก บล็อกวัดท่าซุง เพื่อประดิษฐานที่ลานธรรมลีลาวดี ณ วัดเขาวง (พระองค์นี้บรรจุพระพุทธรูปองค์ปฐมขนาด ๙ นิ้วของวัดท่าซุง ประดิษฐานภายในองค์พระ) ผมได้เดินทางพักที่วัดเขาวง บังเอิญห้องพักเหลืออยู่ห้องเดียว ที่ยังไม่มีใครไปพักผมจำเบอร์ห้องไม่ได้
แต่เป็นห้องที่ตรงบริเวณระเบียงหน้าห้องเจาะพื้นกระดานสำหรับให้ต้นสักขนาดใหญ่ขึ้นตรงหน้าห้องได้ไม่ต้องตัดทิ้ง หลายท่านที่เคยไปพักคงนึกภาพออก (มาทราบภายหลังว่าตรงจุดบริเวณห้องนั้นเป็นที่สำหรับเผาศพของป่าช้า คือที่วัดเป็นป่าช้าเก่า) ก็บังเอิญเหลือเกินที่ผมไปกับกลุ่มผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ ส่วนพวกผู้ชายเขาก็พักพอดีกัน เหลือเราคนเดียวก็เลยพักห้องนี้รู้สึกไม่มีใครอยากมาพักที่ห้องนี้กับด้วยเรา

ผมเลยพักคนเดียว พระลูกวัดองค์หนึ่ง กับเจ้าหน้าที่หลายคนก็บอกว่าห้องนี้ผีดุมาก ยิ่งคนที่ไม่ดี หรือพวกที่ชอบลองดีนี่จะเจอทุกราย ผมก็นึกในใจ โอ้โห! นี่มันคุณสมบัติผมทั้งนั้นเลย คิดว่าสังสัยคืนนี้เจอแหงๆ พระลูกวัดองค์นั้นก็พูดยิ้มๆ กับผมว่า มีอะไรดีๆ พรุ่งนี้เล่าให้ฟังด้วยนะ แล้วท่านก็เดินจากไป

ในที่สุดก็ถึงเวลานอน มันเงียบจริง ๆ ใจมันหวิวๆ บอกไม่ถูก คิดว่าวันนี้เราเจอผีแน่ๆ เพราะเรามีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเจอะผีได้ (๑. ชอบลองดี ๒.รู้สึกว่าเรายังไม่ใช่คนดี) ผมไหว้พระสมาทานกรรมฐาน และทำกรรมฐานตามแบบฉบับของหลวงพ่อก่อนนอน และก็นอนภาวนาพุทธ ๆ ไปเรื่อย ชักเริ่มกลัวๆ แล้ว แต่ก็อยากลอง พอจิตสงบเริ่มเคลิ้มจะหลับ ทันใดนั้นเอง เห็นผู้ชายตัวใหญ่ ผมกระเซิงคือผมกระเซิงแบบตั้งๆ ตัวดำๆ เดินมาที่ผม ตอนนี้ผมก็ภาวนาพุทโธใหญ่เลย เอ๊ะ ไม่ยักกลัวพุทโธแฮะ เดินเข้าแทนที่จะทับผม แต่เขากลับเอามือข้างหนึ่งดึงหัวยกออกจากตัว แล้วก็เอามาวางข้างๆ หัวผมข้างซ้าย ผมกำลังจะหันไปมองหัวของผี ปรากฏว่ามือข้างหนึ่งที่ไม่ได้จับหัว ก็จับปั๊ปตรงที่เป้ากลางเกงผมอย่างแรง (ผมก็ งง ๆ เอ ผีตนนี่ ก็ไม่ใช่ผีผู้หญิงนี่หว่าแล้วเสือกมาบีบ...ของเราทำไม) ตอนที่ผีเขาบีบนี่มันร้อนมากเหมือนข้าวหุงสุกใหม่ๆ มาวางบนตรงนั้นเลย ผมก็ภาวนาพุทโธไล่ผีต่อ แทนที่จะกลัวพุทโธ มืออีกข้างที่วางหัวไว้ข้างหัวผมแล้ว ก็บีบที่คอผมอีก โอ้โห ตอนนี้เหงื่อแตกเลย ชักเริ่มไม่กลัวแล้ว

เลยตัดสินใจว่า เอาเลย ฆ่าเราเลย ตายเป็นตาย ร่างกายมันไม่ใช่ของเรานี่หว่า ผมตัดสินใจตาย แล้วเอาจิตจับที่วิมานของเราเตรียมตายเด็ดขาด พอตัดสินใจแบบนี้ปั๊บ ผีหายวับไปเลย ผมนี่นอนไม่หลับแล้ว ประมาณตี ๓ เศษ ๆ ผมก็ปวดปัสสาวะ (อ้อลืมบอกไปว่าผมก่อนไปที่วัดรู้สึกจะปัสสาวะขัดๆ เบ่งไม่ค่อยออก) ผมเดินลงไปห้องน้ำข้างล่าง ใจก็หวาดๆ มองซ้ายมองขวาเกรงว่าเจ้าผีมันจะโผล่มาเหมือนในหนัง พอผมเริ่มปัสสาวะ โอ้โห รู้สึกเจ็บ ปวด แสบ ตรงลำกล้องมาก (ท่อปัสสาวะ) คล้ายๆ มีก้อนอะไรกำลังจะกระเด็นออก ผมนี่ปวดมากเลย แสบก็แสบ ผมเอาหัวชนผนังห้องน้ำบิดไปบิดมา ทรมานมาก สักพักก็ปัสสาวะออกพุ่งแรงมาก ได้ยินเสียงเหมือนก้อนหินกระกระทบชักโครกคังแกร็ก ตอนนี้ปัสสาวะโล่งเลยแต่ปวดแสบแทบขาดใจ และรู้ว่านิ่วออกแล้ว

ผมคุณยกมือขอบคุณผี (เทวดา)ที่ช่วยรักษาโรคนิ่วให้ผม) พอตื่นตอนเช้า มีพระลูกวัดรูปนั้น และเจ้าหน้ารีบมาถามว่าเป็นยังไงบ้างเมื่อคืนนอนหลับสบายไหมแบบยิ้มๆ (คล้าย ๆ ว่ารู้แล้ว) ผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง พระรูปนั้น และเจ้าหน้าที่ก็เล่าให้ฟังว่าห้องนี้มีคนที่ ชอบลองของ หรือยังดีไม่พอเจอะเป็นปกติ และถ้าเป็นคนดีท่านจะช่วยรักษาโรคให้ด้วย เพราะท่านเป็นเทวดา มีฤทธิ์มาก ผมเลยเข้าใจ ทุกครั้งที่ไปผมก็มักจะพักห้องนั้นประจำ ยกเว้นคนพักเยอะ

เนื่องจากที่ผมเจ็บปวดมากตอนปัสสาวะ ช่วงตี ๓ พอสายๆ ผมเลยอั้นเอาไว้ไม่อยากปัสสาวะเพราะกลัวปวดแสบปวดร้อน จนกระทั่งเกือบเที่ยงทนไม่ไหว
ก็เลยตัดสินใจปัสสาวะ แต่น่าอัศจรรย์มากไม่ปวดแสบปวดร้อนเลย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปัสสาวะคล่องมากครับ และหายจากนิ่วเด็ดขาดเลย และตลอดมา

(ผมรับรองว่า เป็นเรื่องจริงครับ และพิสูจน์ได้ครับ ผมอาจจะลืมรายละเอียดบ้าง เช่น มือผีจับเป้ากางเกงก่อนหรือ บีบคอก่อน อาจคลาดเคลื่อนได้ แต่รับรองได้ว่าถูกบีบทั้ง ๒ ที่แน่นอน ครับ)


เรื่อง "หลวงพ่อช่วยรักษาโรค ที่เป็นมาแล้วหลายสิบปี" โดย คุณชาญชัย เอี่ยมหนู /ลูกศิษย์บันทึก ๓ /๖๐๗

- รายนี้ ก็เป็นเพื่อนภรรยาของข้าพเจ้าอีกคนหนึ่ง ชื่อประทีป ปัจจุบันขายอาหารอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งย่านแพรกษา ปากน้ำ เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ ๒๙ ธ้นวาคม ๒๕๓๓ ก่อนขึ้นปี ๓๔ หลวงพ่อได้ทำพิธีปลุกเสกพระคำข้าวมหาลาภ ที่วิหาร ๑๐๐ เมตร ข้าพเจ้าได้ไปในงานนั้นภรรยาของข้าพเจ้าได้ชวนคุณประทีปไปด้วย โดยไปกับรถที่คุณสุจิตต์ ย่านบางหัวเสือ พอไปถึงได้เวลาที่หลวงพ่อปลุกเสก ทุกคนก็เข้าไปนั่งในวิหารแก้ว คุณประทีปก็เข้าไปนั่งด้วย พอหลวงพ่อทำพิธีไปได้สักประมาณ ๑๐ นาที คุณประทีปบอกว่า มีความรู้สึกว่า มีตะขาบตัวใหญ่ตัวหนึ่งคลานอยู่ในเสื้อ คลานต้วมเตี้นมจากบริเวณกระเบนเหน็บ รู้สึกว่าตัวใหญ่มากกำลังจะคลาน ขึ้นมาที่หัวไหล่

- คุณประทีปบอกว่า เมื่อก่อน ตอนที่ป็นสาวยังไม่ได้แต่งงาน ได้มีคนแก่คนหนึ่งได้ทำคุณไสยโดยใช้น้ำมันป้ายที่ตัวเขา เพื่อจะให้คุณประทีปรักกับหลานชายของเขา คุณประทีปก็ไม่ยอม และพ่อแม่ของคุณประทีปก็ได้หาหมอทำคุณไสยเอาออก แต่หมอคนนั้นก็บอกว่า ให้ไปหาหมอพระ เอาออกอีกที สำหรับตัวเขานั้นเอาออกให้ไม่หมดเพราะเป็นฆราวาส แต่พ่อแม่คุณประทีปก้ไม่ได้ทำซ้ำ...เพราะหลังจากนั้นก็ไม่ค่อยมีอาการอะไร จนมามีครอบครัว มีลูกหลายสิบปี จนลูกเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วเกือบจะลืมไปแล้วด้วย

- คุณประทีปเล่าให้ฟังว่า "พอรู้สึกว่า มีตะขาบคลานอยู่ในเสื้ออย่างนั้น ก็นึกรู้ทันทีว่า ของที่ยังอยู่ในตัวเริ่มออกฤทธิ์" ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคำที่ข้าพเจ้าและภรรยา เคยเล่าให้ฟังถึงเรื่องของหลวงพ่อ ว่าหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อมีฤทธิ์ เคยได้ประสบมามากมาย คุณประทีปซึ่งนั่งประนมมืออยู่แล้ว ก็ยกมือขึ้นบอกว่า "สาธุ เขาลือกันว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงศักดิ์สิทธิ์ เจ้าประคุ้ณ ถ้าหลวงพ่อศักดิ์จริงขอให้หลวงพ่อช่วยรักษาให้ลูกด้วย ช่วยเอาตะขาบออกให้ลูกด้วยเถิดเจ้าข้า" คุณประทีปบอกว่าพอสิ้นคำอธิษฐาน ก็มีมือๆ หนึ่งจับตะขาบที่กำลังคลานขึ้นมาเกือบถึงหัวไหล่อยู่แล้วมีความรู้สึกว่าจับแรงมาก จนตัวเขาเอียงไปข้างหน้า และพอมีมือมาจับตะขาบแล้ว ตะขาบที่คลานนั้นก็หายไป และรู้สึกว่าตัวโปร่ง สบาย และรู้สึกขนลุกซู่ซ่าด้วยความปิติ หลังจากนั้น รู้สึกว่า คุณประทีปเคารพศรัทธา ต่อหลวงพ่อมาก จนทุกวันนี้...สาธุ


ข้อมูลเพิ่มเติม 4 - 02 มี.ค. 2555 - 18:21:39 น.

อดีตที่ผ่านพ้นตอนที่ ๗๗ : น้ำมันชาตรี
๗๗. น้ำมันชาตรี

สำรวมจิตลงเป็นหนึ่ง ระลึกถึงพ่อแม่ ครูอาจารย์ องค์บุรพมหากษัตริย์ ตลอดถึงผู้มีพระคุณทั้งหมด ขยับเปลี่ยนจากท่าเทพพนม เป็นท่าถวาย บังคม ต่อด้วยพรหมสี่หน้า ย่างสามขุม คุมเชิงครู ดูดัสกร ฟ้อนลองเชิง ฯลฯ...

?ดีมาก...? คำชมสั้น ๆ จากครู (ครูเขตร์ ศรียาภัย) ทำเอาศิษย์หน้าใหม่ปลาบปลื้มเป็นที่ยิ่ง ?อุตส่าห์ฝึกหัดเอาไว้เถอะ ต่อไปจะได้ถ่ายทอดแก่ลูกหลานไว้ไม่ให้สูญหาย สมัยนี้ท่ามวยอย่าง ทุ่มทับ จับหัก เหินเตะ ไม่มีใครเขารู้จักกันแล้ว...? ?ครูเองก็เสียดายวิชา ?ปลุก น้ำมันชาตรี? ทำเท่าไรก็ไม่ขึ้น ถ้าทำขึ้นละไอ้หนูเอ๋ย...เก่งเท่าเก่ง ใหญ่เท่าใหญ่ เรียงหน้าเข้ามาเถอะ...? นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ยินคำว่า ?น้ำมันชาตรี? ตามวิชาตั้งธาตุ ปลุกธาตุของพาหุยุทธ (มวยไทย)

?หลวงพ่อ? วัดท่าซุง เล่าว่า ?ในชีวิตฉันเห็นคน ปลุกน้ำมันชาตรีขึ้นเพียง ๒ รายเท่านั้น หนึ่งคือหลวงพ่อปาน สองคืออาจารย์ โภคา ต้องปลุกขึ้นถึง ๗ วาระ จึงนับว่าใช้ได้ ฉันเองก็ทำไม่ได้ พระท่านว่ายังไม่ถึงเวลา?

?ชาตรีนี่เหนือกว่าคงกระพัน คงกระพันถูกตีถูกฟันหนัก ๆ ถึงไม่เข้าก็เจ็บ แต่ชาตรีนี่โดนเท่าไรมันไม่รู้สึกเจ็บ โบราณเรียกว่า ?ลูก เบา? คือ ถูกอะไรรู้สึกว่าเบาไปหมด ฉันเห็นกับตาครั้งหนึ่ง ตอนนั้นกำลังเดินตัดทุ่งจะไปเทศน์...? ?มันเกิดลมหมุนขึ้นมา เห็นคนตกจากยอดตาลลงมาพลั่กใหญ่ ไอ้เราคิดว่าถึงไม่ตายก็คางเหลือง วิ่งเข้าไปหมายจะช่วย มันลุกขึ้นปัดตูดหน้าตาเฉย มือยังถือกระบอกน้ำตาลอยู่เลย ปัดไปบ่นไป ไอ้ห่...หกไปซะหน่อยได้...?

?ถามมันดูว่ามีอะไรดี มันบอกว่ามี ?ลูกเบา? อีกรายคือเจ้าอั๋น มันจะขึ้นชกมวย เจ้านี่เวลาชกมวยใช้ชื่อว่า ?นิตย์? คู่ชกมันเก่งมาก กลัวสู้ไม่ได้เลยมาหาฉัน ฉันขโมยน้ำมันชาตรีหลวงพ่อปานมาหน่อยหนึ่ง ก็ไม่หน่อยล่ะ เกือบครึ่งขวดยานัดถุ์...? ?ความจริงไม่ได้ขโมยหรอกนะ ท่านใช้ฉันเฝ้ากุฏิ ฉันเลยคิดค่าเฝ้าซะ เอาแตะหัวเจิมให้เจ้าอั๋นมันนิดหนึ่ง มันก็ชึ้นไปชก ชนะน็อกเขาลงมา ถามมันว่าตอนที่เขาชกมันรู้สึกอย่างไร มันบอกว่า เหมือนเขาชกเบา ๆ โดนเท่าไรก็ไม่รู้สึกเจ็บ...?

อานุภาพอีกอย่างของน้ำมันชาตรีคือ อธิษฐานกินเพื่อรักษาโรคได้ทุกชนิด น้ำมันหลวงปู่ปานที่ทุกคนเรียกว่า ?น้ำมัน สังฆโรค? ก็คือน้ำมันชาตรีนั่นเอง หลวงพ่อไปพบเหลือก้นขวดอยู่ที่กุฏิหลวงปู่ปาน ไม่มีใครเขารู้จัก เลยเอามาเติมแบ่งให้ใช้รักษาโรคกัน โดยไม่ได้บอกว่าเป็นน้ำมันชาตรี เล่นเอาอาตมากอดขวดโง่อยู่ตั้งนาน...!

ก่อนเข้าพรรษาปี ๒๕๓๔ ?หลวงพ่อ? บอกว่า ?พระท่านอนุญาตให้ทำน้ำมัน ชาตรีได้แล้ว ท่านจะช่วยให้ปลุกครั้งเดียวใช้ได้เลย ไม่ต้องทำถึง ๗ วาระ...? ว่าแล้วหลวงพ่อก็สั่งน้ำมันงาจากโรงงาน รวดเดียว ๓๐๐ ปีบ...!

๒๖ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันอาสาฬหบูชา หลวงพ่อทำพิธีพุทธาภิเษกที่ศาลา ๒ ไร่ โดยมีมีดหมอและชานหมากมาเข้าปลุกเสกด้วย หลังพิธีหลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า... ?สมเด็จ องค์ปฐมเสด็จมาเป็นประธานเอง พระพุทธเจ้า พระอรหันต์มากันแน่นขนัด กระทั่งสมเด็จองค์ปฐมตรัสเรียกท้าวสหัมบดีพรหมเข้ามาสั่งการ ขนาดท้าวสหัมบดีพรหมยังต้องกราบขอทางแทบแย่ กว่าจะหลีกเข้าได้...?

?ในชีวิตหลวงพ่อปาน ท่านทำน้ำมันชาตรีแค่ ๒ วาระ ส่วนฉันเองก็คงได้ทำครั้งนี้ครั้งเดียว แต่ไม่เป็นไรนะ... น้ำมันชาตรีนี่เอาไปเติมเท่าไร อานุภาพก็ยังเหมือนเดิม ถ้าเราเติมไว้เรื่อย มันก็ไม่หมดใช่ไหม...? เวลาเติมให้เอาน้ำมันชาตรีเททับน้ำมันงานะ อย่าเอาน้ำมันงาเททับน้ำมันชาตรี ถ้าทำแบบนั้นจะไม่มีผล...? ญาติโยมที่ได้น้ำมันชาตรีไป ต่างก็ปลาบปลื้มใจเป็นที่ยิ่ง นำไปใช้ได้ผลเป็นที่อัศจรรย์ บางคนรถชนกันยับเยินไปทั้งคัน ตำรวจถามว่าศพอยู่ไหน...? เขาตอบว่า ?ศพอยู่ไหน ผมก็ไม่รู้...? แต่รถคันนี้ผมขับมาเองครับ...!?

อาตมาเห็นอานุภาพน้ำมันชาตรีถนัด ตอนไปดูดวงแข (ดวงแข คชภูมิ) หัดยิงปืน พ่อของดวงแขเพิ่งตาย ในครอบครัวก็เป็นผู้หญิงเกือบหมด คนเขาเลยไม่ให้ความเกรงใจ จ้องจะรังแกกันท่าเดียว ล่าสุดเพิ่งจี้เอารถเครื่องใหม่เอี่ยมไป ๑ คัน...! ด้วยความเจ็บใจที่ถูกจี้รถไป ดวงแขเลยหัดเล่นของหนัก เอาปืนมาหัดซ้อมยิงกัน บังเอิญปืนก็มาก คนก็มาก เลยเกิดเหตุสยองขวัญขึ้น ขณะที่ดวงแขกำลังฝึกบรรจุกระสุนของซีแซด ขนาด ๙ ม.ม. อยู่ จุ๊บ (เบญจพร วิบูลย์พันธุ์) ก็หยิบเอาสมิธ ขนาด ๑๑ ม.ม. ไปลูบ ๆ คลำ ๆ...

เสียงเกียง (มาลินี ตีรเลิศพานิช) บอกว่า ?เซฟไว้ แล้ว ลองเหนี่ยวไกดูซิ...? จุ๊บซึ่งไม่ประสีประสากับปืนก็เหนี่ยวไก ?เปรี้ยง...!? เสียงดังสนั่นปานฟ้าผ่า จุ๊บตกใจช็อกตาค้าง...! มือยังกำปืนที่ง้างนกร่าน่าหวาดเสียว เพื่อนต้องแย่งมาลดนกก่อน ?กระสุน ไปทางไหน...?? อาตมาถามหาวิถีกระสุน ถ้าไปโดนบ้านใกล้เรือนเคียงบาดเจ็บล้มตาย มีหวังคุกแน่ ๆ ?อยู่นี่...? แม่ของดวงแขหยิบหัวกระสุนที่แตกเปลือกแบนแต๊ดแต๋มาชูให้ดู ?มาถูกฉัน ที่ชายโครงนี่...!? ทุกคนพรวดเข้าไปดูด้วยความตกใจ แม่ของดวงแขเปิดเสื้อให้ดู เห็นมีรอยผื่นแดง ๆ นิดเดียว ?รู้สึก เหมือนตัวแมงมันบินมาชนอย่างนั้นแหละ...? กระสุนฟูลเมตัลแจ๊กเก็ต แรงปะทะ ๔๕๐ ฟุตปอนด์ นักมวยเฮฟวี่เวทยังตีลังกาสามทอด กลายเป็นตัวแมลงบินมาชน...! อะไรมันจะ ?ลูกเบา? ได้ขนาดนั้น...?

ถ้าใครไม่รู้อานุภาพของกระสุนบวกพีขนาด ๑๑ ม.ม. คงจะไม่กระไรนัก แต่อาตมาซาบซึ้งเป็นที่สุด ใครโดนเข้าเต็มภิกขาขนาดนั้น ต่อโลงได้เลยทุกราย ความเร็วต้น ๑,๐๕๐ ฟุต/วินาที จากลำกล้อง ๕ นิ้ว ไม้ กระดานขนาดนิ้วครึ่งยังทะลุกลมดิกเป็นสว่านไชเลย อย่าว่าแต่เนื้อคน...!

?ก็ไม่เห็นมีอะไร นอกจากกินน้ำมันชาตรีวันละช้อนทุกวัน...? แม่ของดวงแขเฉลยให้ทราบ เท่านั้นเองข่าวคราวของน้ำมันชาตรี ที่เหนือกว่ามหาอุตม์และคงกระพัน ก็ระบือลือลั่นจนกลบอานุภาพทางรักษาโรคซะสนิทเลย...!

๓ ตุลาคม ๒๕๓๕
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ


 
ราคาปัจจุบัน :     4,000 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    Niti-karn (124)(1)

 

Copyright ©G-PRA.COM