(0)
พระคำข้าว รุ่น 2 จำนวน 3 องค์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง (ชุดสุดท้าย.... ตอนนี้เหลือแบ่งเท่านี้ก่อนนะครับ)








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพระคำข้าว รุ่น 2 จำนวน 3 องค์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง (ชุดสุดท้าย.... ตอนนี้เหลือแบ่งเท่านี้ก่อนนะครับ)
รายละเอียดรายละเอียดพระมหาลาภ(พระคำข้าว) จาก หนังสือ พ่อสอนลูก
________________________________________
พระมหาลาภ
ทำยากเหลือเกินนะ ต้องเสกข้าวถึง ๓ เดือน เลือกกับข้าวที่อร่อยจริง ๆ ในวันนั้น ท่านสั่ง เดี๋ยวนี้ไม่คำเดียวแล้ว ๕ถ้วยแล้ว บอก ไม่จำเป็นต้องเคี้ยว คือว่าให้ตักข้าวมา ๕ ถ้วย ถ้วยแก้วนะ แล้วท่านชี้กับข้าว กับข้าวท่านชี้ของท่านเองนะ ไอ้นี่อร่อย ๆ ๆ ๆ ๆ แล้วเสก เสกคาถายาวมาก กว่าฉันจะได้กินข้าวเพล พระเขาอิ่มแล้ว ต้องเสกเดี๋ยวนั้นอย่างนี้ ๓ เดือน แล้วก็ไปทำผง แล้วก็มาเสกใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เข้าพุทธาภิเษก
พระ รุ่นไหนก็เท่ากัน คนเสกคนเดียวกัน บางคนคุยบอกว่า รุ่นแรกหลวงพ่ออมจากปากคายมาเลย เคี้ยว ๆ หน่อยคายมาเลย ฉันเลยบอกพระถ้าใครเขาถามรุ่นหลังนะ บอก อมตั้งแต่เช้ายันเย็น (หัวเราะ) วานซืนมาบอกคาถาให้ ๔ ตัวให้อ่าน บอกอ่านไม่ออก ท่านเลยอ่านให้ฟัง บอกใช้เสกตอนเช้าตอนเย็น นี่หนักกว่าอีก รุ่น ๒ นี่หนัก เพิ่มคาถาให้
ปลุก พระนี่แสงไม่เหมือนกัน ถ้าปลุกแก้วเหมือนกันทุกครั้งนะ มาปลุกพระคำข้าวแสงหนาทึบขาว แสงขึ้นหนามาก แต่พระหางหมากนี่ แสงเหมือนกับดวงเทียน ดวงเทียนกับไฟฟ้าใหญ่ ๆ นะ แต่ละองค์สว่างมากไม่เหมือนกัน อานุภาพต่างกันและท่านก็บอกว่า พระหางหมาก นี่หนักในทางป้องกันและสู้...ก็ห้อย ๒ องค์ ตอนเสกต้องเต็มอัตรา คุมอยู่นี่ คุมเลย อารมณ์นี่พลาดนิดไม่ได้ ได้ผลเร็วเป็นอัศจรรย์
ที่ บ้านคุณสมบูรณ์ หลวงพ่อปรารภวันปลุกเสกพระคำข้าว วันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๓๓ คำขึ้นต้น...ศัตรูสลาย..ศัตรูพินาศ...โรคบรรลัย....ลาภ....เสกข้าว ๑๐ บทกว่า...เวลาเสกข้าวเห็นภาพพระพุทธเจ้าชัดอยู่ข้างหน้า ไม่งั้นวางข้าวไม่ได้
แล้วตากแดด...เวลาปลุกเสก มีรัศมีสวยมาก และเป็นคลื่น ไม่เคยเห็นเลย รัศมีขึ้นแบบคลื่นน้ำ แต่ก่อนเป็นรัศมีแบบบาง ๆ
พระ อย่างอื่น ๆ ทำ ๑๐ ชั่วโมง ก็มากแล้ว นี่พระคำข้าวต้องทำ ๓ เดือน ต้องเห็นพระชัด แล้วว่าคาถา ๑๐ บทกว่า บอกวางได้ จึงต้องวางลง ไปที่อื่นต้องทำด้วยทุกวัน จะคอยเข้าพรรษา ไม่ใช่ว่าไปที่อื่นแล้วไม่เอาไม่ใช่นะ ( ๑๘ เมษายน ๒๕๓๓)
ข้อมูลส่วนหนึ่งของพระหางหมาก พระคำข้าว จากหนังสือของ พระปลัด วิรัช โอภาโส
*******************************
ราคาเปิดประมูล50 บาท
ราคาปัจจุบัน1,550 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 14 ม.ค. 2555 - 01:10:19 น.
วันปิดประมูล - 15 ม.ค. 2555 - 01:12:41 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลศุภกิจอธิคม (2K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 14 ม.ค. 2555 - 01:17:00 น.

ยังหามาเพิ่มอีกองค์ไม่ได้ เลยขอมาแบบเบาๆ เคาะเดียวเลย ไว้หากหามาเพิ่มได้ จะนำมาแบ่งปันให้อีกนะครับ ....ตอนนี้ยังไม่แพงหลักร้อย หากพอมีกำลังรีบเก็บนะครับ...น้ำมันผุดขึ้นมาอีกแล้ว หลายจุดในประเทศแล้วนะครับ

************************************


หลวงพ่อพูดถึง " น้ำมัน " และทรัพยากรในประเทศ
ผู้ถาม "น้ำมันในประเทศไทยมีเยอะจริงๆ หรือคะ...?"

หลวงพ่อ
"มันไม่เฉพาะน้ำมันอย่างเดียวนะ ทรัพยากรที่มีค่ามากที่สามารถทำให้ประเทศไทยเป็นมหาเศรษฐีของโลก มันมีอยู่เยอะ โดยเฉพาะแร่ยูเนียมของเรามีหลายจุด
และจะมีแร่สำคัญที่มีรังสีร้ายแรง ใช้ได้ทั้งทางทำลายและทางสันติภาพมากมาย ที่เรียกกันว่า แร่ใส แต่แร่นี้ ถ้าจะค้นได้ก็ต้องหลังจากค้นหาน้ำมันได้ก่อน เพราะว่าทางนี้ยังไม่มีใครสนใจ การใช้แร่นี้และวิธีที่จะนำมาใช้เป็นประโยชน์ ก็ใช้กรรมวิธีคล้ายคลึงกันกับแร่ยูเรเนียน แต่ว่าวิธีต่างกันเล็กน้อย แร่นี้มีมูลค่าจะเป็นทรัพยากรของประเทศ

ส่วนทรัพยากรที่เป็นทองคำ ทรัพยากรส่วนนี้มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ ส่วนที่คนโบราณรวบรวมเป็นแท่งไว้แล้วก็มีและจะหาจุดให้ใหม่ตามแผนที่ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับเวลา

สรุปแล้วทรัพยากรส่วนที่เป็น แร่ใส ก็ดี ทั้งสามนี้ น้ำมันเป็นตัวชูโรง และเป็นทรัพยากรที่หาได้ก่อน ทั้งนี้เพราะว่าคนต้องการน้ำมันก่อน ทรัพยากรที่จะปรากฏขึ้นที่หลังคือ ทองคำ

ทองคำนี้มีจุดตั้งแต่เหนือถึงใต้ แต่ก็เป็นส่วนที่มีความลึกมากคนที่สนใจมีน้อยเพราะนึกว่าทองคำไม่มี แต่เมื่อได้น้ำมันแล้วก็ไม่เป็นไร ทรัพยากรส่วนที่เป็นทองคำต้องใช้แรงงานสูง เพราะว่าบางจุดเดินเข้าไปอยู่ใต้ภูเขา

ถ้าจะบุกเบิกตามวิธีการที่เราใช้กันในสมัยปัจจุบัน คือ ใช้น้ำฉีดหรือขุดด้วยเรือ ก็รู้สึกว่าจะได้ผลไม่มากนักทองคำบางส่วนก็ปนอยู่กับแหล่งวูลแฟรมแต่อยู่ลึกกว่า

ถ้าอาศัยการค้นคว้าด้วยดาวเทียมก็รู้สึกว่า มีจุดที่จะแสดงให้เห็นได้ง่าย เวลานี้ฝรั่งมีความรู้ในการค้นคว้าด้านนี้ใกล้ความจริงมาก

สำหรับแร่ใส เท่าที่เห็นเวลานี้ก็มีความลึกสักหน่อย ต่อไปเมื่อถึงเวลาอันสมควร แร่นี้จะมีความอ้วนขึ้น หนาตัวขึ้น อีกอย่างหนึ่งจะพูดว่าเป็นเพราะการดูดน้ำมันมากๆ หรือจะพูดว่าแผ่นดินยุบลงไป หรือจะพูดว่าแร่ลอยขึ้นมาก็ไม่ถูก ส่วนที่ถูกควรจะพูดว่าแร่เลื่อนขึ้นมา เนื่องจากการเคลื่อนไหวของแผ่นดิน

ระยะ ๑๐ ปี ถึง ๒๐ ปี ข้างหน้าผิวของแร่จะอยู่บนพื้นดินจะได้มาในเวลาควบคู่กับทองคำ ตอนนั้นเมื่อทองคำปรากฏ แร่ใสปรากฏ

คนเลวน้อยลงแล้ว คนเลวภายในก็น้อยลง คนไทยที่เขาว่าเป็นไทย แต่พูดไทยไม่ชัดมีเกลื่อนกลาดอยู่ในประเทศไทย ก็หมดกำลังที่ปรารถนาจะยึดประเทศไทยเป็นของเขา ก็จะมีใจเป็นไทยขึ้น คือ หวังว่าการเข้าเป็นหุ้นส่วนจะดีกว่าคิดประทุษร้าย ในตอนนั้นไทยจะเป็นอิสระเต็มที่

แต่ที่ทรัพยากรทั้งหลายกำลังจะปรากฏขึ้น ก็เพราะอาศัยบุญญาธิการของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันมีมากพอสมควร เพียงพอที่จะเป็นผู้วางรากฐานให้ปรากฏพบแหล่งน้ำมันขึ้นในประเทศเป็นอันดับแรก

สำหรับในการต่อไปก็อาศัยพื้นฐานความดีของพระองค์และข้าราชการบางส่วนที่มีความดี ก็จะเป็นเหตุให้ได้น้ำมันขึ้นมาใช้สอย และได้แร่ธาตุบางอย่างที่มีคุณค่าสูงมาบ้างตามสมควร พระราชาองค์นี้จะเป็นที่พึ่งของคนไทยต่อไป

ความราบเรียบ สงบเงียบจากอันธพาล จากคนที่ขายชาติ จะค่อยๆ มีขึ้นทีละน้อย จิตใจของคนจะเป็นไทขึ้นมาทีละหน่อยๆ ในเมื่อพระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม และข้าราชบริพารรู้จักความเป็นไท ไทยเก่าๆ จะเข้าสิงใจไทยปัจจุบัน ให้ทำการให้ประเทศไทย เพื่อไทย

การคิดล้มล้างชาติไม่มีผลสำหรับคนทั้งหลายที่คิด พวกเขาจะต้องสลายตัวตามกาลสมัย

พระพุทธศาสนาก็จะรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จะมีพระอริยะเจ้ามา คล้ายกับสมัยที่พระพุทธองค์ยังทรงมีชีวิตอยู่"


คัดลอกจากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษเล่ม ๒ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 14 ม.ค. 2555 - 01:28:19 น.



อนาคตของประเทศชาติ

บรรยายโดย..พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

เมื่อวันพุธที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘

มัชฌิมา : ผู้คัดลอก

(อ้างอิงจาก "หนังสือธัมมวิโมกข์" ปีที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๒๐
ประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ หน้า ๔๓-๕๒ "ธรรมกถา")

อนาคตของชาติ

อาตมาได้ถวายพระพรพระองค์ว่า
“ประเทศชาติบ้านเมืองของเราจะไม่ตกเป็น ทาสของใคร อาตมาขอถวายชีวิตเป็นประกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๐ เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ความเยือกเย็นจะเริ่มปรากฏ ความมั่งคั่งสมบูรณ์จะมีขึ้นแก่ประเทศชาติและประชาชน แต่จะยังไม่ปรากฏชัดนัก แต่เราจะมองเห็นได้ชัดๆ ก็ต้องปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เปรียบเหมือนอรุณได้ขึ้นดีแล้วและเริ่มฉายแสงให้เห็นความมืดหมดไป”
ที่อาตมากล้ายืนยันต่อพระองค์เช่นนั้น ก็เพราะเหตุผลหลายประการ คือ

คำทำนายของพระพุทธโฆษาจารย์
ในประการแรก อาตมาได้พบและได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นสมุดข่อย ซึ่งพระอรหันต์ในอดีตนามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) เขียนไว้ ทำนายชะตาบ้านเมืองก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะแตกเสียอิสรภาพแก่พม่า ก่อนที่กรุงเทพฯ ยังไม่ปรากฏ
โดยท่านได้เขียนทำนายไว้ว่า
“กรุงศรีอยุธยาจะต้องถูกข้าศึกตีแตก แจ่จะเสียอิสรภาพไม่นานนัก จะมีคนดีของกรุงศรี
อยุธยามากู้ชาติ แต่เมื่อกู้ชาติได้แล้วจะต้องไปตั้งเมืองหลวงอยู่ใหม่”
และเหตุการณ์ต่างๆ ของกรุงศรีอยุธยาก็ได้เป็นจริงตามคำทำนายทุกอย่าง

ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าทั้ง ๑๐ รัชกาล
ในสมุดข่อยเล่มเดียวกันนี้ พระพุทธโฆษาจารย์ได้กล่าวทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแก่กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงใหม่ ในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแต่ละรัชกาลดังนี้
รัชกาลที่ ๑. ทำนายว่า มหากาฬผ่านมหายักษ์
รัชกาลที่ ๒. ทำนายว่า รู้จักธรรม
รัชกาลที่ ๓. ทำนายว่า จำต้องคิด
รัชกาลที่ ๔. ทำนายว่า สนิทธรรม
รัชกาลที่ ๕. ทำนายว่า จำแขนขาด
รัชกาลที่ ๖. ทำนายว่า ราษฎร์ราชาโจร
รัชกาลที่ ๗. ทำนายว่า นั่งทนทุกข์
รัชกาลที่ ๘. ทำนายว่า ยุคทมิฬ
รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว
รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล

ความแม่นยำของคำทำนาย

เมื่อพิจารณาถึงคำทำนายและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละรัชกาลก็จะเห็นได้ชัดว่า คำทำนายนั้นถูกต้องเพียงใด
รัชกาลที่ ๑. ผ่าน พระเจ้าตากสิน ขึ้นครองราชย์สมบัติ
รัชกาลที่ ๒. ท่านว่างจากศึกสงครามก็หันมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ให้พระสงฆ์ค้นคว้าพระธรรมวินัยรวบรวมกันเป็นการใหญ่
รัชกาลที่ ๓. ท่านมีหัวคิดริเริ่มหาเงินมาสร้างสรรค์บ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้
รัชกาลที่ ๔. ท่านสนิทธรรม ก็เพราะพระราชาองค์นี้ทรงผนวชถึง ๒๗ พรรษา มีความคล่องตัวในพระธรรมวินัย ทรงไว้ซึ่งพระไตรปิฎกอย่างแตกฉาน และยังมีความสนิทสนมกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) อย่างยิ่ง เป็นคู่บารมีกัน
รัชกาลที่ ๕. จำแขนขาด เราเห็นได้ชัดมาก เพราะเราต้องเสียดินแดนไปหลายครั้งหลายหน โดยพระองค์ทรงยอมเสียแขนขาดีกว่าเสียตัวทั้งหมด คือยอมเสียผืนแผ่นดินบางส่วน เพื่อรักษาเอกราชของชาติไว้
รัชกาลที่ ๖. เป็นโจร เพราะทรงใช้จ่ายเงินในท้องพระคลังจนหมดสิ้น แต่อาตมาเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นนักชาตินิยม มีพระปรีชาสามารถปลุกใจประชาชนให้รักชาติบ้านเมือง เช่นมีเพลงบทหนึ่งทรงพระนิพน์ไว้ว่า “ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะต้องบังคับขับไส เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำร่ำไป ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย” ทรงเป็นนักประชาธิปไตย จึงได้ทำทุกอย่างให้บุคคลอื่นเห็นว่า พระองค์ไม่ทรงถือพระองค์ เช่น แสดงมหรสพ เล่นโขนกับข้าราชบริพาร
ยิ่งกว่านั้นพระองค์ยังสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นที่ปรากฏแก่ชาวโลก โดยส่งทหารไปช่วยสงครามโลกครั้งที่ ๑. จึงจำเป็นต้องใช้เงินมาก แม้จะใช้เงินมาก แต่ประโยชน์ก็เกิดแก่ประเทศชาติอย่างหนัก
รัชกาลที่ ๗. นั่งทนทุกข์ พระองค์เสวยราช สมบัติอยู่ในเกณฑ์ตกอับพอดี เงินในท้องพระคลังก็หมดมาแต่รัชกาลก่อน พระองค์จึงทรงประทับอยู่บนกองทุกข์ต้องดุลข้าราชการออกเป็นจำนวนมาก เท่านั้นยังไม่พอ ต่อมาพระองค์ต้องจำพระทัยสละราชสมบัติ ไปนั่งทนทุกข์อยู่ต่างแดน จนสิ้นพระชนม์
รัชกาลที่ ๘. ยุคทมิฬ บ้านเมืองอยู่ในภาวะสงครามโลกครั้งที่ ๒. ประชาชนตกอยู่ในสภาพบ้านแตก อดอยากยากแค้นแสนสาหัส พระมหากษัตริย์ก็ถูกลอบปลงพระชนม์จนสวรรคต
รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว เราก็เห็นแล้วว่าฝรั่งมาอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง ล้วนแต่คนผิวขาวทั้งนั้น
สำหรับรัชกาลต่อไป คือ รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล หมายความว่า บ้านเมืองเราได้ผ่านยุคเข็ญมาแล้ว จะได้ประสบความเจริญรุ่งเรืองกันเสียที เราจะมั่งคั่งสมบูรณ์เหมือนนานาอารยะประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลาย

ราชวงศ์จักรีจะมีเพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้นรึ?
ปัญหาที่น่าคิดต่อไปก็คือว่า ทำไมพระพุทธโฆษาจารย์จึงทำนายเหตุการณ์บ้านเมืองไว้เพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้น? กรุงเทพมหานครจะมีพระมหากษัตริย์เพียง ๑๐ พระองค์เท่านั้นหรือ?
เป็นเรื่องที่อาตมาสนใจเป็นพิเศษ จึงได้สอบถามเรื่องนี้กับ หลวงพ่อปาน และพระอาจารย์ต่างๆ ซึ่งจิตของท่านเป็นสมาธิเข้าถึงขั้นอภิญญา สามารถที่จะรู้จริงในเรื่อง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งก็ยังมีอยู่หลายๆ องค์ในขณะนี้ ทุกๆ รูปที่อาตมาสอบถามจากท่าน ต่างก็ยืนยันตรงกันว่า
พระมหากษัตริย์จะยังคงมีอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไปอีกนาน มิใช่เพียงแค่ ๑๐ พระองค์เท่านั้น แต่ที่พยากรณ์ไว้เพียงแค่นั้นก็เพราะว่าเริ่มตั้งแต่รัชกาลที่ ๑๐. เป็นต้นไป บ้านเมืองจะมั่งคั่งสมบูรณ์ ร่มเย็นผาสุก ประชาชนในชาติจะร่ำรวย ประเทศไทยจะเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง ซึ่งจะมีแต่ความเจริญตลอดไป ไม่ล้มลุกคลุกคลานดังที่แล้วมา จึงไม่จำเป็นจะต้องพยากรณ์ต่อไปอีก”

พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก

ประการที่ ๒. ที่ยืนยันว่าประเทศไทยจักไม่ตกเป็นทาสของใครๆ นั้นคือ พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก พระพุทธทำนายนี้ก็มีปรากฏในสมุดข่อยของพระพุทธโฆษาจารย์เช่นเดียวกัน ซึ่งมีข้อความปรากฏโดยสังเขปดังนี้
“อานันทะ..ดูก่อน อานนท์ โลกต่อไปจะเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี (ประมาณ พ.ศ.๒๔๘๕) จะมีฝนเหล็กตกจากอากาศ จะมีไฟลุกจากอากาศ เหล็กกล้าจะผุดจากน้ำมาทำลายมนุษย์ มนุษย์และสมณะชีพราหมณ์จะตายกันมาก
แต่ว่า..อานนท์ ความเร่าร้อนก่อนกึ่งพุทธกาลนั้น ยังมีความเร่าร้อนน้อยกว่า ความเร่าร้อนหลังกึ่งพุทธกาล
หลังกึ่งพุทธกาลจะมีความร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้น ยักษ์หินที่ถูกสาปจะลุกขึ้นมาอาละวาดสมณะชีพราหมณ์จะล้มตาย ยักษ์นอกพระพุทธศาสนาทั้งหลายจะฆ่าฟันกันและกัน จะตายกันไปคนละครึ่ง จึงจะหยุดยั้งเลิกรบกัน
แต่ทว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้น จะมีภัยเช่นนี้เหมือนกัน แต่ไม่มากนัก”

ความแม่นยำของพุทธทำนาย
จากพระพุทธเจ้าทำนายนี้เราก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นความจริงทุกอย่าง ก่อนพุทธกาลได้เกิด สงครามโลกครั้งที่ ๒. ลูกระเบิดต่างๆ ซึ่งเป็นเหล็กเป็นไฟได้หลั่งไหลลงมาจากอากาศพิฆาตมนุษย์
หลังกึ่งพุทธกาลได้เกิดสงครามลัทธิคือพวกยักษ์นอกศาสนา เพิ่งจะเลิกรากันไป แต่เมืองไทย ก็ยังได้รับผลกระทบกระเทือนมาจนกระทั่งบัดนี้

มีเพียงไทยที่นับถือพุทธอย่างมั่นคง
ตามพระพุทธทำนายนั้นได้บ่งชี้ชัดว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาจะมีภัยบ้างแต่ไม่มากนัก หากเราพิจารณาให้ดีๆ ก็จะเห็นเด่นชัดว่า ประเทศไทยนี้เท่านั้นที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง และเป็นประเทศสุดท้ายที่พระพุทธศาสนายังเหลืออยู่ในท้องถิ่นบริเวณนี้
ประเทศอื่นๆ รอบบ้านเราก็กลายเป็นพวกเดียรถีย์นอกศาสนาพุทธไปเกือบหมดแล้ว เพราะฉะนั้น ประเทศไทยจึงเป็นเมืองสุดท้ายที่พระพุทธศาสนาจะสถิตสถาพรอยู่ได้ตลอดไป

พระเจ้าอังครัฐตั้งจิตขอพบพระอรหันต์
ในพระพุทธทำนายซึ่งปรากฏในตำนานบางแห่งได้เล่าไว้ว่า
พระเจ้าอังครัฐ เจ้าเมืองอังครัฐ ซึ่งเป็นเมืองที่ประดิษฐาน พระธาตุจอมทอง อยู่ในขณะนี้ ได้ทรงตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระองค์ได้พบพระอรหันต์ ขอให้พระอรหันต์เสด็จมาโปรด พระพุทธองค์ทรงทราบวาระจิตของพระเจ้าอังครัฐ จึงทรงส่งพระโมคคัลลาน์ พร้อมด้วยพระเถระรวม ๔ รูป เดินทางมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่เมืองอังครัฐก่อน

ศาสนาจะอยู่ในเมืองไทยครบ ๕,๐๐๐ ปี
ส่วนพระองค์ได้เสด็จมาภายหลัง เมื่อเสด็จมาถึงเมืองนั้น ได้ทรงพยากรณ์เกี่ยวกับความเป็นไปในอนาคตของพระพุทธศาสนาไว้ว่า “พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นอยู่ในท้องถิ่นนี้ถึง ๕,๐๐๐ ปี”
เมื่อพระพุทธศาสนายังตั้งมั่นอยู่ได้ในผืนแผ่นดินไทยตามพระพุทธทำนาย ก็หมายความว่าเมืองไทยจะต้องไม่ตกเป็นทาสของใครๆ เพราะความมั่นคงของชาติและพระพุทธศาสนาเป็นของคู่กันมาแต่บรรพกาล เมืองไทยจะไม่ตกเป็นทาสของใคร
จากคำพยากรณ์ของพระพุทธโฆษาจารย์ก็ดี คำบอกเล่าของพระเถระผู้ได้ฌานสมาบัติก็ดี และจากพระพุทธทำนายก็ดี เป็นหลักชี้ชัดให้เรามั่นใจได้ว่า
“เมืองไทยเรานี้จะต้องเป็นปึกแผ่นมั่นคงตลอดไป ไม่ตกเป็นทาสของใครๆ พวกนอกศาสนาจะไม่สามารถย่ำยีเมืองไทยได้ แต่ข้อสำคัญนั้น เราทุกคนอย่าประมาท ต้องรักกัน สามัคคีกันไว้ ไม่แตกแยกกันและไม่ลุ่มหลงไปกับคำยุแหย่ของบุคคลผู้มุ่งร้ายต่อชาติบ้านเมือง”



ดวงทหารคู่กับดวงเมือง

ขอให้ทหารทุกคนจงสำนึกตนเองว่า เราต้องมีความสามัคคี-เด็ดเดี่ยว-ไม่ประมาท-กล้าหาญ-และพร้อมที่จะยอมตาย เพื่อชาติบ้านเมืองและพระบวรพุทธศาสนา เมื่อถึงคราวจำเป็น
เพราะบ้านเมืองจะอยู่รอดปลอดภัยก็เพราะทหารเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑. เมื่อพระองค์จะเริ่มสร้างเมืองหลวงใหม่ ได้ทรงผูกดวงเมืองและวางลัคนาดวงเมืองไว้ให้คู่กับดวงทหาร โดยให้ทหารเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองบ้านเมือง บ้านเมืองจึงจะอยู่รอด
ที่พูดนี้มิใช่จะมายุยงให้ท่านทั้งหลายกระด้างกระเดื่อง ทำการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจจากใครๆ เพียงแต่...ขอให้เราทุกคนช่วยกันควบคุมสถานการณ์ไว้ให้บ้านเมืองสงบสุขเท่านี้ก็ได้ชื่อว่าทหารควบคุมรักษาเมืองแล้ว
ดวงชะตาของทหารนั้น เข้าเกณฑ์ "ราชาโชค" ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๑๘ แล้ว และจะโคจรเข้าควบคู่กับดวงเมืองตั้งแต่ เดือนมกราคม ๒๕๑๙ เป็นต้นไป ซึ่งจะมีอิทธิพลให้ประเทศชาติบ้านเมืองค่อยคลี่คลายไปในทางดีขึ้น ขณะนี้บ้านเมืองของเราอยู่ในสภาพป่วยไข้ จำเป็นจะต้องได้รับการเยียวยารักษาหรืออาจจะต้องถึงกับผ่าตัดบ้าง อาการของบ้านเมืองจึงจะดีขึ้น

เมืองไทยมีขุมทรัพย์มหาศาล
สภาพการณ์ของบ้านเมืองจะคลี่คลายไปในทางดี เริ่มแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นต้นไป และตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ประเทศชาติและประชาชนจะเริ่มพบกับความสุขสบายขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่มากนัก แต่จะปรากฏเด่นชัดว่าประเทศชาติและประชาชนจะร่ำรวยขึ้น มีความสุขสมบูรณ์ขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นต้นไป
เพราะเรามีทรัพยากรมากมายมหาศาลล้วนแต่เป็นของมีค่าทั้งสิ้น อาทิเช่น น้ำมัน แร่ทองคำ แร่ยูเรเนียม วัตถุธาตุต่างๆ เหล่านี้มีอยู่พร้อมในเมืองไทย และเราก็ได้พบแล้ว แต่เรายังไม่สามารถจะนำเอาออกมาใช้ได้ เพราะเรามีขีดความสามารถอันจำกัด

ทรัพยากรน้ำมันในประเทศไทย
อย่าง น้ำมัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นและมีค่าที่สุดของคนทั้งโลกนั้น ในเมืองไทยเรามีมากมาย น้ำมันที่ใช้อยู่ในโลกขณะนี้มีไม่ถึงหนึ่งในสามที่มีในเมืองไทยเรา ที่อาตมาพูดเช่นนี้มิได้กล่าวเกินความจริง แต่เป็นการกล่าวที่เกิดจากประสบการณ์ที่พอเชื่อถือได้ กล่าวคือ
เมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๑๗ อาตมาพร้อมด้วย พล.อ.ต.มรว. เสริม สุขสวัสดิ์ เจ้ากรมการสื่อสารทหารอากาศ ได้เดินทางไปยังจังหวัดชุมพร พักอยู่ ณ บ้านพักหลังหนึ่ง หลังจากคุยกันประมาณห้าทุ่มเศษก็เข้านอน
พอไฟดับลงเท่านั้น ก็มองเห็นภาพคนดำใหญ่เดินเข้ามาในห้องโดยไม่เปิดประตู เขาเดินเข้าเดินออกโดยไม่ต้องเปิดประตู
จึงถามเขาไปว่า อยู่ที่ไหน
เขาบอกว่า อยาในห้องนี้แหละ
แล้วก็คุยกันด้วยเรื่องต่างๆ เจ้าเทวดาดำใหญ่ได้เล่าให้ฟังว่า
“เมืองไทยเรานี้มีน้ำมันมากมายมหาศาลเป็นลำธารกว้างขนาด ๑ กิโลเมตร และยาวหลายร้อยกิโลเมตร ไหลผ่านประเทศไทยไปลงทะเล

เมื่อใดที่ผู้บริหารดีทรัพยากรจะปรากฏขึ้น
เขาบอกว่า น้ำมันนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะขุดนำมาใช้เพราะฝ่ายบริหารยังไม่ดีพอ หากปรากฏขึ้นในขณะนี้ พวกทุจริตก็จะงุบงิบเอาไปเป็นผลประโยชน์ส่วนตนหมด
เมื่อใดผู้บริหารประเทศมีมือสะอาดซื่อสัตย์สุจริต เห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ ขุมทรัพย์มหาศาลในเมืองไทย เช่น บ่อน้ำมัน ก็จะค่อยผุดขึ้นมาให้เห็นเรื่อยๆ ไป ซึ่งจะนำผลรายได้อันมหาศาลมาให้เมืองไทย ทำให้เมืองไทยกลายเป็นเศรษฐีมีชื่อเสียงระบือไปทั่วโลก และจะได้เป็นมหาอำนาจประเทศหนึ่งในเอเชีย”

ไปพิสูจน์สถานที่มีน้ำมันอยู่
เจ้าเทวดาดำใหญ่ให้หลักฐานยืนยันคำพูดของตนว่า หากอยากข้อเท็จจริงเกี่ยวกับน้ำมัน ให้ไป ดูบ่อน้ำมันที่เมืองมะริด ในเขตพม่า ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันสายเดียวกันอยู่ห่างจากผืนแผ่นดินไทยประมาณ ๓๐ กิโลเมตร
ณ. ที่นั้นจะมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่ง มีน้ำมันลอยฟ่องเต็มไปหมด ถ้าอยากเห็นให้ไปดูด้วยตนเอง อาตมาอยากพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงได้เดินทางไปดูสถานที่แห่งนั้น เมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๑๘ นี้เอง ปรากฏว่าเป็นความจริงทุกอย่าง
บริเวณนั้นมีหนองน้ำซึ่งมีน้ำมันลอยเต็มไปหมด ชาวบ้านนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี จึงมั่นใจได้ว่าเทวดาดำองค์นั้นไม่โกหก เมืองไทยเรามีน้ำมันแน่ๆ ต่อเมื่อใดผู้บริหารใจซื่อมือสะอาดมาบริหารชาติบ้านเมือง ทรัพยากรเหล่านี้ก็จะปรากฏให้เห็น และนำมาใช้ให้บ้านเมืองเรามีความอุดมสมบูรณ์ดังกล่าวแล้ว
***********************
(อ้างอิงจาก "หนังสือธัมมวิโมกข์" ปีที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๒๐
ประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ หน้า ๔๓-๕๒ "ธรรมกถา")


 
ราคาปัจจุบัน :     1,550 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    Niti-karn (124)(1)

 

Copyright ©G-PRA.COM