| รายละเอียด | พระบูชา หลวงพ่อพระเสี่ยง รุ่น 3 หน้าตัก 3 นิ้ว วัดมณีโคตร อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ปี 2541 ใต้ฐานกว้าง 5 นิ้ววัดจากฐานพระถึงปลายเกศสูง 8 นิ้ว ผิวรมมันปูพร้อมกล่องเดิมจากวัดครับ
หลวงพ่อพระเสี่ยงองค์จริงเป็นพระ ที่หล่อจากทองสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย หน้าตัก8นิ้วสูง24นิ้ว หนักประมาณ 100กิโลกรัม เป็นพระพุทธรูปที่สวยงามมาก
งาน ประเพณีเกี่ยวกับหลวงพ่อพระเสี่ยง คืองานสงกรานต์ วันที่13เม.ย.และงานบุญบั้งไฟ ในวันเพ็ญเดือน6ของทุกปีถือเป็นประเพณีที่สำคัญของชาวโพนพิสัยถือปฎิบัติสืบ กันมาจนถึงปจจุบัน
คำนมัสการหลวงพ่อพระเสี่ยง
อะระหัง พุทโธ มะหาปัญโญ มะหาลาโภ พุทธัง ธัมมัง สัมพุทโธ ภะคะวาติ
และมีคำขวัญว่า "หลวงพ่อพระเสี่ยงแสนศํกดิ์สิทธิ์ สายโลหิตหล่อเลี้ยงอีสาณ ปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาค"
การจัดสร้างวัตถุมงคล วัดมณีโคตร
คณะกรรมการ วัดมณีโคตรได้จัดทำเหรียญรูปเหมือนท่านเป็น เหรียญรุ่นแรกสร้างเมื่อวันที่ 10-11เม.ย.2517 ต่อมาเมื่อ วันที่4พ.ย.2534
เจ้า อาวาสพร้อมด้วยกรรมการวัดได้เริ่มสร้างพระธาตุเจดีย์ ขนาดความกว้าง6เมตรยาว6เมตรสูง24เมตรสิ้นค่าก่อสร้างทั้งหมด484,520บาทเงิน ดังกล่าวได้รับสายธารจากสาธุชนทั่วไปต่อมาเมื่อการก่อสร้างพระธาตุเจดีย์ แล้วเสร็จได้ทำการฉลองพร้อมกับพุทธาภิเษกรูปเหมือนหลวงพ่อพระเสี่ยงเป็นรุ่น ที่2เจ้าอาวาสและ คณะกรรมการวัดได้สร้างรูปเหมือนเท่าองค์จริงหน้าตัก 8 นิ้ว 5 นิ้ว3 นิ้ว 1นิ้วครึ่ง,กริ่ง,เหรียญ,พระผง และทำพิธีทุทธาภิเษกในคืนวันที่ 11เม.ย.2536 และเมื่อวันที่ 18-20ธ.ค.2541 ทางวัดได้ฉลองวิหารและ พุทธาภิเษกรูปเหมือนหลวงพ่อพระเสี่ยงเป็นรุ่นที่3 หน้าตัก 4 นิ้ว 3 นิ้ว 1 นิ้ว,กริ่ง,เหรียญ,พระผง
ประวัติหลวงพ่อพระ เสี่ยง
ตาม ประวัติความเป็นมาและตามหัวเมืองต่างๆแถบลุ่มแม่น้ำโขงประชาชนส่วนใหญ่ นับถือพระพุทธศาสนา จึงมีพระพุทธรูปที่สำคัญเป็นที่เคารพบูชาแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มากมายอาทิเช่น พระแก้วมรกต,พระใส,พระเสริม,พระสุก,พระเสี่ยง พระพุทธรูปเหล่านี้กล่าวกันว่าได้นำมาจากเมืองลาวในเวลาแตกต่างกัน ในคราวสงครามระหว่างไทยกับลาว การทำสงครามในสมัยก่อนจะยึดพื้นที่แล้วกวาดต้อนผู้คนและทรัพย์สินของผู้แพ้ ไปด้วยตามตำนานหลายเล่มเขียนไว้ว่า พระพุทธรูปประจำวันเกิดของธิดาเจ้าเมืองล้านช้าง เมืองหลวงพระบาง เดิมชื่อเสี่ยง แต่วันเดือนปีใดไม่ปรากฎ แต่เป็นพระพุทธรูปที่มีอยู่ในเมืองหลวงพระบางมานานหลายสมัยสืบทอดกันมา เนื่องจากการรบราฆ่าฟันกัน พระพุทธรูปจึงได้ตกมาอยู่เมืองเวียงจันทน์ เมื่อ พ.ศ. 2321(สมัยรัชกาลที่1) ไทยยกทัพไปตีนครเวียงจันทน์ พระเจ้าธรรมวงศ์แห่งเวียงจันทน์ นำเอาพระเสี่ยงไปไว้ที่เมืองเชียงคำ ต่อมาได้นำไปไว้ที่วัดโพนชัย เมืองเวียงจันทน์อีกและต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2369 (สมัยรัชกาลที่3) เจ้าอนุวงศ์แห่งเมืองเวียงจันทน์เป็นกบฎ ทางกรุงเทพฯได้ส่งกองทัพไปปราบ ฝ่ายลาวรู้ว่ากองทัพไทยเข้ามาตีเวียงจันทน์ จึงมีผู้นำเอาพระเสี่ยงไปหลบซ่อนไว้ในถ้ำภูเขาควายใกล้เมืองมหาชัยเสียก่อน เมื่อปี พ.ศ.2400 กิตติศัพท์ข่าวลือเกี่ยวกับอภินิหารของพระเสี่ยง ได้ทราบไปถึงพระกรรณของพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งประเทศไทย จึงได้ส่งราชเสวกซึ้งเป็นเชื้อชาติลาว ชื่อโสฌังกูร ไปยังแคว้นลาวด้วยพระราชกรณียกิจบางอย่าง ไปถึงเมืองมหาชัย จึงอ้างพระบรมราชโองการอัญเชิญเอาพระพุทธรูปที่สำคัญมาพร้อมกัน มีพระใส,พระแสน,พระเสริม,พระสุกและพระเสี่ยง ใส่แพล่องมาตามลำน้ำงึม ขณะที่ล่องแพมานั้น เมื่อมาถึงปากน้ำงึมกลางแม่น้ำโขง พระสุกได้แสดงอภินิหารเกิดพายุแรงแพแตกพระสุกจมลงกลางแม่น้ำโขง ตรงบ้านปากเป อำเภอโพนพิสัย พวกเราจึงไม่เคยเห็นพระสุก จะเป็นองค์เล็กองค์ใหญ่ไม่มีใครจดบันทึกไว้ ต่อจากนั้นก็นำเอาพระใส,พระแสน,พระเสริมและพระเสี่ยง ใส่แพขึ้นมาตามลำน้ำโขงจนถึงเมืองโพนพิสัย ก็เลยเอาพระเสี่ยงประดิษฐานไว้ที่วัดมณีโคตร ต.จุมพล อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย เมื่อ 100 ปี มีผู้คิดจะเอาพระเสี่ยงไปไว้ที่กรุงเทพฯ ในสมัยนั้นรถไม่มี จึงได้อัญเชิญพระเสี่ยงขึ้นหลังช้าง พระเสี่ยงก็ได้แสดงอภินิหารให้ช้างหนักจนไปไม่ได้ พระเสี่ยงตกจากหลังช้าง เป็นเหตุให้หูหัก เกศคต (คือท่านไม่อยากไปอยู่ที่อื่นก็เป็นได้) |
