| รายละเอียด | -พิธีพุทธาภิเษก วาระที่ ๑ วันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๐ พิธีขออนุญาตจัดสร้างองค์พ่อจตุคามรามเทพฯ วัดมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ประธานในพิธี นายสงวน จันทรอักษร อดีตผู้ว่าราชการ จ.ตรัง
-พิธีพุทธาภิเษก วาระที่ ๒ วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๐ พิธีขออนุญาตบวงสรวงพญาราหู ประธานในพิธี นายดำรงค์ เทือกสุบรรณ ประธานสภาองค์การบริหารส่วน จ. สุราษฎร์ธานี
-พิธีพุทธาภิเษก วาระที่ ๓ วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๐ พิธีปลุกเสกมวลสาร ณ ถ้ำฉัตรทัน วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง
-พิธีพุทธาภิเษก วาระที่ ๔ วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๐ พิธีปลุกเสกมวลสาร ณ สะดือทะเล ปากอ่าว จ.นครศรีธรรมราช
-พิธีพุทธาภิเษก วาระที่ ๕ วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๐ พิธีปลุกเสกมวลสาร ณ ถ้ำฤาษีเขางู จ.ราชบุรี
-พิธีพุทธาภิเษก วาระที่ ๖ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๐ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ พิธีกดพิมพ์นำฤกษ์แบบโบราณ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาหาร จ.นครศรีธรรมราช
-พิธีพุทธาภิเษก วาระที่ ๗ วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๐ พิธีพุทธาภิเษก เทวาภิเษก ณ วัดโบสถ์มหาอุด วัดนางพญา จ.นครศรีธรรมราช
-พิธีพุทธาภิเษก วาระที่ ๘ วันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๐ พิธีพุทธาภิเษก เทวาภิเษก ณ ศาลหลักเมือง จ.นครศรีธรรมราช
-พิธีพุทธาภิเษก วาระที่ ๙ วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๐ พิธีพุทธาภิเษก เทวาภิเษก ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช
พระเจ้าจันทรภาณุมหาราช คือพระนามอย่างเป็นทางการ ขององค์จตุคามรามเทพในราวปี พ.ศ.1040 ในขณะนั้นกษัตริย์ผู้ปกครอง อาณาจักรสุวรรณภูมิคือ พระเจ้าจันทรภาณุมหาราช มีพระบารมีบุญญาธิการมาก ได้แผ่อำนาจขยายอาณาเขตออกไปถึงประเทศอินเดีย ยึดประเทศอินเดียได้และอยู่ปกครองจนเป็นพระมหาราชของอินเดีย ไม่กลับมายังสุวรรณภูมิเป็นเวลากว่า 20 ปี
พระโอรสสองพี่น้องของ พระเจ้าจันทรภาณุ คือ ขุนอินทรไสเรนทร์ และ ขุนอินทรเขาเขียว เห็นบ้านเมืองทรุดโทรมลงขาดกษัตริย์ปกครองครั้นจะตั้งตนขึ้นเป็นกษัตริย์แทนพระบิดาก็ไม่ได้จึงร่วมกันย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่เมืองช้างค่อมศิริธัมมาราชแล้วเปลี่ยนชื่อเมืองใหม่ว่า ศรีวิชัยสุวรรณภูมิ
ในฐานะที่ท่านทั้งสองเป็นปฐมกษัตริย์ จึงได้ขยายเมืองและซ่อมแซมบูรณะพระบรมธาตเจดีย์ที่เริ่มชำรุดทรุมโทรมลงเป็นครั้งแรก ด้วยคุณงามความดีของพี่น้องสองกษัตริย์หลังจากที่สิ้นพระชนม์ลงประชาชนทั้งหลาย จึงได้ยกย่องเทิดทูนให้เป็นพระเสื้อเมือง และพระทรงเมืองมีฐานะเป็นเทวดาประจำเมือง และขนานนามท่านทั้งสองว่า ท้าวจตุคาม และ ท้าวรามเทพ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาดังหลักฐานที่ปรากฏ คือรูปปั้นขนาดใหญ่ของท่านทั้งสองที่ประทับนั่งอยู่ข้างบันไดทางขึ้นพระบรมธาตุเจดีย์ในวิหารพระทรงม้าวัดหน้าพระธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งมีปรากฏมานานหลายร้อยปีแล้ว ในปัจจุบันนี้ชื่อเสียงเกียรติคุณของท้าวจตุคาม และท้าวรามเทพ ได้แผ่ขยายออกไปกว้างใกลทั่วประเทศ ทั้งนี้ก็ด้วยเป็นเพราะพลานุภาพแห่งอิทธิฤทธิ์ บุญญฤทธิ์ของทั้งสองพระองค์ได้ส่งผลให้ผู้ที่เลื่อมใสรัทธาบูชาสักการะประสบความสัมฤทธิพลในสิ่งที่พึงปราถนาตามจิตอธิฐานกันอย่างถ้วนหน้า จึงควรแล้วที่ทั้งสองพระองค์ได้รับการยกย่องเทิดทูนในสมญานามว่า เทวโพธิสัตว์แห่งอาณาจักรทะเลใต้
จตุคามรามเทพ คือ เทพรักษาพระบรมธาตุจังหวัดนครศรีธรรมราช สถิตอยู่บนที่บานประตูทางขึ้นพระบรมธาตุ ในปี พ.ศ. 2530 เมื่อมีการตั้งดวงเมืองนครศรีธรรมราชขึ้นใหม่ จึงมีการอัญเชิญจตุคามรามเทพไปสถิต ณ ที่นั้นเป็นต้นมา
เชื่อกันว่าเดิม องค์จตุคามรามเทพ เป็นกษัตริย์ในสมัยอาณาจักร นครศรีธรรมราช มีพระนามอย่างเป็นทางการ ว่า พระเจ้าจันทรภาณุมหาราช เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 2 ของราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช เชื่อว่ามีพระวรกายเป็นสีเข้ม เป็นกษัตริย์นักรบที่แกร่งกล้า เมื่อสถาปนาอาณาจักรศรีวิชัยได้อย่างมั่นคงแล้ว จึงได้สมัญญานามว่า "ราชันดำแห่งทะเลใต้" หรือมีอีกราชสมัญญานามนึงว่า "พญาพังพกาฬ" และต่อมาทรงบำเพ็ญบุญเพื่อสร้างบารมีอธิษฐานจิตเป็นพระโพธิสัตว์ เพื่อบรรเทาทุกข์แก่มนุษย์ทั้งปวง
สัญลักษณ์ 12 นักษัตร ตราประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช จตุคามรามเทพ มีบริวารเป็นทหารกล้า 4 นาย คือ พญาชิงชัย, พญาหลวงเมือง, พญาสุขุม และพญาโหรา เป็นกำลังหลักในการปราบพราหมณ์ที่เคยปกครองเมืองอยู่ก่อน เมื่อได้บ้านเมืองแล้ว ก็ได้สร้างพระบรมธาตุ สถาปนาเมือง 12 นักษัตร หรือกรุงศรีธรรมาโศกราช ฝังรากฐานพระพุทธศาสนาอย่างถาวร จนได้รับเทิดพระเกียรติว่า พญาศรีธรรมาโศกราช หรือ พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช
ปัจจุบัน จตุคามรามเทพ ได้รับความนับถืออย่างกว้างขวาง โดยเชื่อว่าทรงฤทธานุภาพในทุก ๆ ด้าน ตามจารึกของชาวศรีวิชัยได้บอกว่า "มีอานุภาพดุจดังพระอาทิตย์และพระจันทร์ ที่ขจัดความมืดมัวในโลก"
การขออธิฐานจากพระองค์นั้นทำได้โดยมีเงื่อนไข 4 ประการ อธิฐานขอในสิ่งที่เป็นไปได้ โดยไม่ขัดต่อศีลธรรม เมื่อได้รับสิ่งที่หวังแล้ว ต้องรักษาสัจจะที่ได้ให้ไว้กับพระองค์ ควรจะสร้างกุศลกรรมถวายแด่องค์จตุคามรามเทพ เงื่อนไขทั้งสามข้อที่ผ่านมา หามีผลต่อการอธิฐานไม่ เนื่องจากองค์จตุคามรามเทพเป็นเพียงบุคคลในประวัติศาสตร์ มิใช่เทพหรือเครื่องรางของขลังหลอกลวงประชาชน แต่ที่สำคัญ อย่าลำพังเพียงอธิษฐาน ต้องสร้างกุศลกรรมให้แก่ตนเองให้ครบทุกด้านด้วย คือ ให้ทาน รักษาศีล และบำเพ็ญภาวนา
ภาพลักษณ์ของจตุคามรามเทพ โดยมากจะปรากฏเป็นองค์เทพบุตรในท่านั่ง มี 4 กร ถืออาวุธต่าง ๆ และนายทหาร 4 นาย นั้น จะปรากฏในรูปของหนุมาน 4 กร ถืออาวุธในท่วงท่าต่าง ๆ ทั้งนี้ก็เป็นไปตามศิลปะศรีวิชัยที่มักสร้างสัญลักษณ์ขึ้นมาแทนความหมายต่าง ๆ
มวลสาร ของจันทรภาณุมหาราช สุวรรณภูมิ
1. พระผงสุริยันจันทรา
2. พระผงว่านอุดมโชคปฐมอรหันต์ ดวงตาพญาราหูรุ่นแรก ปี ๒๕๓๐
3. พระผงว่านอุดมโชค ๘ อรหันต์สุวรรณภูมิ ปี ๒๕๔๗
4. ท้าวพังพะกาฬ วัดมะม่วงขาว สุวรรณภูมิรุ่นเจดีย์ราย ปี ๒๕๔๕
5. พระพุทธสิหิงค์ หลักเมืองนครศรีธรรมราช ปี ๒๕๓๐
6.ผงปูนจากองค์พระบรมธาตุเจดีย์ นครศรีธรรมราช ครั้งบูรณะ พ.ศ. ๒๕๓๘
7.ผงและคราบปูนปิดองค์จริงของท้าวจตุคาม ท้าวรามเทพ
8.มวลสารพระ กรุท่าเรือ สถานที่ซึ่งพระอรหันต์ ห้าพระองค์ มาขึ้นเรือและเหยียบแผ่นดินสุวรรณภูมิเป็นครั้งแรก
9.มวลสารจาก กรุนางตรา อ.ท่าศาลา นครศรีธรรมราช เป็นวัดที่มีกระเบื้องจารเรื่องราวของท้าวจตุคาม ท้าวรามเทพ
10.ผงพระจาก กรุนาสน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
11.มวลสารจาก วัดเขาอ้อ
12.ผงดินเดิมจากถ้ำสมประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ที่มีรูปองค์พ่อจตุคาม ท่านอนประดิษฐ์สถานอยู่ สมัยกรุงศรีฯ
13.ผงอิฐและดินจากเจดีย์วัดปุณณาราม ต.คูบัว จังหวัดราชบุรี เป็นวัดแรกของสุวรรณภูมิที่พระปุณณะเถรจำพรรษา
14.ดินที่เขาสัจจะพันธ์คีรี พระพุทธบาทจังหวัดสระบุรี ที่จำพรรษาของพระสัจจะพันธะเถร ผู้ขอให้พระพุทธเจ้าเหยียบรอบพระพุทธบาทไว้
15.ดิน น้ำ ผงระฆังหิน จากวัดพริบพลี จ.เพชรบุรี เดิมเป็นบ้านเกิดของพระปุณณะเถร พระนางสิริงามตัวเทวี มเหสีของพระเจ้าตะวันอธิราช สร้างถวายเป็นที่ระลึกแก่พระปุณณะเถร
16.คราบและผงทองจากองค์พระพุทธฉายที่เขางู จ.ราชบุรี พระที่พระปุณณะเถรแกะสลักเป็นรูปพระพุทธเจ้าองค์แรกของไทย
17.คราบและผงพระนอนในถ้ำเขางู จ.ราชบุรี เป็นสถานที่ซึ่งพระเจ้าทัพไทยทองบรรพชาและจำพรรษาจนอายุ ๑๑๙ ปี
18.ตะไคร่เจดีย์และโบสถ์เมียหลวง เมียน้อยที่พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า สร้างเมื่อครองสุวรรณภูมิ อยู่ที่เขาบันไดอิฐ
19.ผงไม้กระบก ที่คนสมัยโบราณนำยางมาผสมกับผงดินทำเป็นแผ่นกระเบื้องจารเรื่องราวของสุวรรณภูมิ และศรีวิชัย
20.ผงไม้ที่เป็นยาสมุนไพรหลายชนิดที่เป็น ยาแก้ ยากัน
21.ผงเม็ดบัวและลูกกระจับ ผลไม้ที่ขุนดินนำมาป้อนให้ขุนหญิงกวักทองมากินและเกิดความรักกัน ได้ลูกแล้วตั้งชื่อเป็นนามปี และนามวัน
22.ผงจากใบบัวหลวง ๘ ใบเพื่อระลึกถึงการปกป้องเมื่อครั้ง่ขุนอินนำใบบัวมาปิดของสงวน ทั้งบนและล่างให้ขุนหญิงกวักทองมาขณะขึ้นจากน้ำ
23.ผงจากใบตอง เพื่อระลึกถึงเครื่องนุ่งหุ่มของขุนชวด และเป็นภาชนะห่ออาหาร ทำบายศรีไหว้ครู
24.ผงดอกไม้ที่ใช้สมโภชพิธีพุทธาภิเษกและปลุกเสกหลายพิธี
25.ดอกไม้มงคลที่ใช้ใส่ในอ่างน้ำมนต์ในพุทธาภิเษก และปลุกเสกหลายวิธี
26.ดอกไม้ที่ใช้บูชาพระประธาน จากหลายวัดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในสุวรรณภูมิ และศรีวิชัย
27.ผงทองคำปิดเสาหลักเมืองนครศรีธรรมราช
28.มวลสารจากวัดนางพญา ดินแดนกำเนิดจตุคามรามเทพ
29.ผงจากไม้มงคลหลายชนิด เช่น ไผ่ศรีสุข, พยุง, ราชพฤกษ์, สักทอง, ชัยพฤกษ์, ทรงบาดาล, ทองหลาง, กันเกรา, ขนุน
30.ใบพลูร่วมใจ
31.ดิน ๗ ท่า
32.ดิน ๗ โป่ง
33.ดิน ๗ ปราบ
34.ยอดรัก
35.ยอดสวาส
36.น้ำมนต์จากพิธีต่าง ๆ
37.น้ำศักดิ์สิทธิ์ ๙ อ่าง จากจังหวัดนครศรีฯ และสุราษฏร์ธานี
38.ผงจากไม้ค้ำฟ้ากายสิทธิ์
39.ตระกรุด และเม็ดยา ผ่านการปลุกเสก
40.ผงกะลาตาเดียว
41.ผงตะไบทอง
42.ผงแร่และเม็ดพลอย
43.ไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อลั่น
44.ดินและหินจากเขาพญาราหู
45.ผงดอกไม้ธูปเทียนที่สักการะองค์พระบรมธาตุ และศาลหลักเมือง นครศรีธรรมราช |
