(0)
พระนาคปรก วัดนางตรา นครศรีธรรมราช ไตรภาคีศรีนคร 2548








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพระนาคปรก วัดนางตรา นครศรีธรรมราช ไตรภาคีศรีนคร 2548
รายละเอียดพระนาคปรก วัดนางตรา นครศรีธรรมราช ไตรภาคีศรีนคร 2548
สายทางใต้ไม่ควรพลาด ขนาด 6.00 x 3.50 ซม

นครศรีธรรมราชเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 1500 ปี ในอดีตมีชื่อว่าเมืองความพรลิงค์ เชื่อกันว่าในช่วงระยะต้น ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรศรีวิชัยซึ่งมีศูนย์กลาง การปกครองอยู่ที่เมืองปาเค็มบัง ในเกาะสุมาตราโดยมีพระเจ้ากรุงศรีวิชัย เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ปกครองอาณาจักร ในศิลาจารึกวัดเสมาเมืองได้บันทึกในตอนหนึ่งว่า ในปี 1318 พระเจ้ากรุงศรีวิชัยได้เคยเสด็จมาที่เมืองตามพรลิงค์ในฐานะเจ้าประเทศผู้ปกครอง และได้สร้างสถูปเจดีย์กับสถาปนาพระพุทธวิหารขึ้นสามหลัง (จากสารนครศรีธรรมราชปีที่ 26 ฉบับที่ 2 กุมภาพันธ์ 2539 หน้า 30)
นครศรีธรรมราชหรือเมืองตามพระลิงค์ในอดีตเป็นแหล่งอารยะธรรมสำคัญเป็นแหล่งค้าขายทางทะเล เป็นศูนย์รวมแห่งศิลปะศาสตร์ เป็นศูนย์กลางศาสนา พุทธและพราหมณ์ ที่เข้ามาเป็นอันดับแรก ด้วยเหตุนี้วัดอารามในโบราณสถานหลายแห่งจึงมีความเก่าแก่รกร้าง มีการขุดพบโบราณวัตถุและพระกรุมากมายหลายแห่งในจำนวนพระกรุที่สร้างขึ้นในยุคสมัยศรีวิชัย ที่มีชื่อเสียงโด่งดังได้รับความนิยมสูงสุด และโดดเด่นในด้านพุทธคุณ มีการแสวงหากันในระดับหลักหลายแสนบาทจนถูกจัดอยู่ในทำเนียบพระกรุยอดนิยมของ นครศรีธรรมราช
และทั่วภาคใต้ในชุดไตรภาคี คือ พระปรกโพธิ์กรุวัดท่าเรือ พระนาคปรกกรุ วัดนางตรา และพระยอดขุนพลกรุวัดนาสน
วัดนางตรา มีชื่อเดิมว่าวัดพระนางสุพัตราเป็นวัดที่มีประวัติยาวนานกว่าพันปี โดยตำนานได้กล่าวไว้ว่าเมื่อครั้งพระเจ้าศรีธรรมโศก ได้สร้างเจดีย์ พระบรมธาตุ เพื่อบรรจุพระสารีริกธาตุ ข่าวการสร้างพระเจดีย์
ได้แพร่ไปถึงอาณาจักรศรีวิชัยในเกาะสุมาตรา เจ้าหญิงองค์หนึ่งซึ่งเป็นธิดาของพระเจ้ากรุงศรีวิชัยพระนามว่าพระนางสุพัตรา นางพญาผู้เลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนาจึงได้จัดเรือสำเภาสามร้อยลำ พร้อมทรัพย์สมบัติข้าทาสบริวารเดินทางจากเกาะสุมาตรามุ่งเมืองตามพระลิงค์ แต่ขณะเดินทางมาใกล้จะได้มีอุบัติเหตุเรือพระที่นั่งเกิดล่มเสียก่อน และได้ทราบว่าการก่อสร้างพระเจดีย์เสร็จเรียบร้อยไปแล้ว พระนางสุพัตราทรงเห็นชัยภูมิโกศลกับเรือพระที่นั่งล่ม เหมาะสมที่จะสร้างวัด จึงได้สร้างวัดขึ้นมาและใช้ชื่อว่า วัดพระนางสุพัตรา เมื่อพระองค์สร้างวัดเสร็จก็ได้บวชเป็นแม่ชีประทับอยู่ที่วัดนี้ตลอดพระชนม์ชีพ (พ่อท่านวรรรณ วัดเสาธงทองได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเมื่อพระนางสุพัตราสิ้นพระชนม์แล้วก็ได้จุติเป็น เทพธิดาบนสวรรค์) จากชื่อวัด พระนางสุพัตรา ต่อมามีการเรียกกันสั้นขึ้นชื่อว่าพระนางตรา และกลับกลายเป็นวัดพระนางตราเช่นในปัจจุบัน วัดนางตราเป็นแหล่งกำเนิดพระกรุ หลายแบบพิมพ์ อาทิ พิมพ์นาคปรก พิมพ์ ผาลไถ พิมพ์ซุ้มประตูประทานพร และยังมีการขุดพบแผ่นกระเบื้องโบราณจารึกเรื่องราวเกี่ยวกับ ท้าวจตุคาม ท้าวรามเทพ จึงอาจจะเป็นได้ชื่อว่า ท้าวจตุคามและท้าวรามเทพ ได้เสด็จมาร่วมสร้างวัดพระนางสุพัตราด้วย วัดนางตราได้ถูกปล่อยรกร้างมานานหลายร้อยปีและเพิ่งจะมีการบูรณะพัฒนาขึ้นใหม่ในปี 2490
วัดท่าเรือ เป็นวัดโบราณเก่าแก่แหล่งกำเนิดพระกรุยอดนิยมอันดับหนึ่งในภาคใต้คือพิมพ์ปรกโพธิ์ซุ้มเรือนแก้ว ในอดีตบ้านท่าเรือเป็นชุมชนที่มีความเจริญรุ่งเรืองเพราะเป็นแหล่งค้าขายทางทะเล เป็นสถานที่ซึ่งพระอรหันต์ พระโสณะเถร พระอุตรเถร พระฌาณียเถร พระภริยะเถระ พระมูนียะเถระ มาขึ้นท่าและเหยียบแผ่นดินสุวรรณภูมิเป็นครั้งแรก และพักแรมสร้างวัดท่าเรือ เมื่อพันกว่าปีก่อน นอกจากพระพิมพ์ปรกโพธิ์แล้วที่วัดท่าเรือ ก็ได้มีการขุดพบพระพิมพ์วงเขน พิมพ์ผาลไถ ฯลฯ ปัจจุบันพื้นที่เดิมของวัดท่าเรือ ซึ่งถูกปล่อยรกร้างมานานหลายร้อยปี ได้ถูกสร้างเป็นวิทยาลัยนาฏศิลป์นครศรีธรรมราช
วัดนาสน เป็นวัดโบราณเก่าแก่ที่มีประวัติมายาวนานไล่เลี่ยกับวัดนางตราและวัดท่าเรือวัดนาสนได้ถูกปล่อยรกร้างมานานหลายร้อยปีเช่นกัน เป็นแหล่งกำเนิดพระกรุยอดนิยมสามพิมพ์คือ พิมพ์ยอดขุนพลใบพุทรา พิมพ์วงเขน และพิมพ์ซุ้มกระรอกกระแต ปัจจุบันพระอาจารย์พเยาว์ กัลยาโณ ได้เข้ามาบูรณะพัฒนาขึ้นใหม่ และวัดนาสนก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ ด้วยวัตถุมงคลรุ่น พุทธศิลป์ย้อนยุค วัตถุมงคลอมตะรุ่นไตรภาคีศรีนคร
มูลเหตุแห่งการจัดสร้างสืบเนื่องมาจากพระอาจารย์เจริญ เจ้าอาวาสวัดนางตรา มีเจตนาที่จะก่อสร้างอุโบสถขึ้นใหม่แต่ในการนี้จำเป็นต้อง ใช้ปัจจัยเป็นจำนวนมาก จึงได้มีหนังสือขอความอนุเคราะห์มาถึง พล.ต.ต.ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช ให้ช่วยเป็นประธานในการก่อสร้างอุโบสถ พล.ต.ต.ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช ซึ่งมีความผูกพันกับวัดนางตราและเคยประจักษ์ในอำนาจพุทธคุณ ของพระนาคปรกมานับครั้งมิถ้วนย่อมต้องยินดีในมหากุศลครั้งนี้ จึงได้มอบหมายให้บุตรชายคือ คุณณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช และผู้มีจิตศรัทธาดำเนินการจัดสร้างวัตถุมงคลร่วมกับพระอาจารย์เจริญ เจ้าอาวาสเพื่อหาปัจจัยมาก่อสร้างอุโบสถให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ววัน
วัตถุมงคลอมตะรุ่นไตรภาคีศรีนคร ที่จัดสร้างขึ้นในครั้งนี้ ได้นำเอาพระกรุไตรภาคีที่โดดเด่นที่
สุดสามพิมพ์ คือ พิมพ์ปรกโพธิ์วัดท่าเรือ พิมพ์นาคปรก วัดนางตรา และพิมพ์ยอดขุนพลวัดนาสน มาประยุกต์จัดสร้างขึ้นใหม่โดยเน้นทุกรูปแบบพิมพ์ทรงให้มีความคมชัด และสวยงามตามสมัยนิยมโดยยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของพระกรุดั้งเดิม นอกจากนี้ยังได้จัดสร้างวัตถุมงคลยอดนิยมรูปแบบอื่นอีกสองพิมพ์คือ พระผงปางปาฎิหาริย์ และพระผงท้าวจตุคาม ท้าวรามเทพ(โดยยึดถือจากที่เคยมีการขุดพบแห่งกระเบื้องจารึกเรื่องราวเกี่ยวกับท่านทั้งสองในวัดนางตรา) วัตถุมงคลทุกรูปแบบทุกพิมพ์จัดสร้างขึ้น ด้วยความประณีตพิถีพิถันทั้งในด้านรูปแบบพิมพ์ทรงอันสวยงาม ในด้านเนื้อหาชนวนมวลสารอันศักดิ์สิทธิ์ และในด้านพิธีกรรมมหามงคลอันเข้มแข็ง ซึ่งกำหนดขึ้นสามวาระครบไตรภาคีศรีนครคือ

*พิธีมหามงคลบวงสรวง ณ.วิทยาลัยนาฏศิลป์นครศรีธรรมราช (วัดท่าเรือ) ในวันที่ 12 มีนาคม 2548

*พิธีมหามงคลพุทธาภิเษก ณ.ศาลาการเปรียญพันธรักษ์ราชเดช (วัดนาสน) ในวันที่ 17 มีนาคม 2548

*พิธีสมโภชพุทธาภิเษก ณ วัดนางตรา วันที่ 19 มีนาคม 2548
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าวัตถุมงคลรุ่นอมตะรุ่นไตรภาคีศรีนคร ซึ่งรวบรวมกระกรุไตรภาคี ยอดนิยมสามแบบพิมพ์ สามกรุดัง มารวมเป็นหนึ่งเดียว ในรุ่นนี้จะต้องได้รับความนิยมศรัทธาจากมหาชนชาวนครศรีธรรมราชและทั่วไปอย่างแน่นอน เพราะทรงคุณวิเศษควรค่าแก่การมีไว้บูชาสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง ที่พิเศษสุดก็คือ วัตถุมงคลเนื้อผงทุกองค์ สามารถเรืองแสงสุกใสในความมืด
พระนาคปรกนางตรา
ลักษณะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมทรงสูงขอบบน ขนาด 5-9 ซ.ม. ด้านหน้าเป็นองค์พระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่งสมาธิบนบัลลังค์นาคมุจลินทร์เจ็ดเศียร ด้านล่างบนฐานนาคประทับไว้ด้วยพระพิมพ์นางพญาเพื่อเทิดพระคุณของพระนางสุพัตรา นางพญาผู้สร้างวัดนางตรา ด้านหลังถึงกลางเป็นคุณของพระพุทธเจ้าปางประทานพร ในซุ้มประตู (เป็นรูปแบบพระกรุพิมพ์หนึ่งของวัดนางตรา) ด้านบนเป็นองค์พญาราหู
ด้านซ้ายเป็นยันต์นอโมด้านขวาเป็นยันต์นะราหูพระปรกโพธิ์ท่าเรือ ลักษณะเป็นพิมพ์ทรงสี่เหลี่ยมลายไทย ขนาด 5-9 ซ.ม. กึ่งกลางเป็นรูปทรงเดิมของพระปรกโพธิ์ท่าเรือ ด้านบนซ้ายเป็นองค์ท้าวจตุคาม ขวาเป็นองค์ท้าวรามเทพ ซึ่งเป็นพระเสื้อเมืองและพระทรงเมือง เทพยดารักษาเมือง นครศรีธรรมราช ด้านหลังเป็นองค์พระพิฒเนศวร
เทพเจ้าแห่งศิลปะและความสำเร็จทั่งปวง (ปัจจุบันวัดท่าเรือเดิมเป็นวิทยาลัยนาฏศิลป์นครศรีธรรมราช)
พระยอดขุนพลนาสน
ลักษณะเป็นรูปทรงกลมขนาด 5 ซ.ม. กึ่งกลางเป็นองค์พระพุทธเจ้าประทับนั่งปางมารวิชัยบนฐานบัวในซุ้มเรือนแก้ว ด้านข้างซ้ายขวา เป็นรูปสถูปเจดีย์ ด้านหลังกึ่งกลางเป็นพระพิมพ์ซุ้มประตูกรุวัดนางตรา
พระปางปาฏิหาริย์
ลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมขอบมน ขนาด 6.5 ซ.ม. ด้านหน้าเป็นรูปองค์พระพุทธเจ้าประทับนั่งห้อยพระบาทในซุ้มเรือนแก้ว ด้านซ้ายและขวาเป็นรูปองค์เทพดา พระพิมพ์นี้อาศัยแบบจากพระยอดขุนพลวัดพระมหาธาตุ ฯ ปี 2497 ซึ่ง พล.ต.ต.ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช เป็นผู้ออกแบบลักษณะพิมพ์ทรงและสร้างร่วมกับอาจารย์ชุม ไชยคีรี ด้านหลังนับได้ว่า มีความพิเศษที่สุด เพราะ พล.ต.ต.ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช ได้มอบคำอวยพร และรอยนิ้วหัวแม่มือพร้อมทั้งลายเซ็นให้จารึกไว้เป็นอนุสรณ์ด้วย วัดสร้างขึ้นเพียงเนื้อเดียว คือไม้ตะเคียนอินทภาณี จำนวน 999 องค์ สืบต่อไป จะเป็นวัตถุมงคลอันทรงคุณค่าที่หาได้ยากยิ่ง

พระผงท้าวจตุคาม ท้าวรามเทพ
ลักษณะเป็นทรงรูปไข่ขนาด 5.7 ซ.ม. ด้านหน้าเป็นองค์ ท้าวจตุคามประทับนั่งในท่ามหาราชลีลาประทานพรบนบัลลังก์ดอกบัวบาน มีความคมชัดนูนสูงสวยงามที่สุดเท่าที่เคยพบเห็นมา ด้านหลังกึ่งกลางประทับไว้ด้วยองค์ท้าวรามเทพกษัตริย์ผู้น้อง รอบนอกประทับไว้ด้วยองค์พญาราหูสี่ทิศ และลอดลายไทยพุ่มข้าวบิณฑ์โดยด้านบนเป็นองค์ท้าวจตุคาม ด้านล่างเป็นองค์ท้าวรามเทพ ด้านซ้ายเป็นองค์เจ้าแม่อินทรภาณี รุกขเทวดาผู้สถิตอยู่ในต้นตะเกียบเสาหลักเมืองซึ่งเคยแสดงปาฎิหาริย์ ต่อ พล.ต.ต.ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช เมื่อครั้งทำพิธีเบิกเนตรเสาหลักเมือง โดยปรากฏกลุ่มควันจาง ๆ ขณะที่ปลายดินสอสัมผัสพระเนตรเสาหลักเมือง ทั้งพ่อท่านวรรณ วัดเสาธงทองและ พล.ต.ต.ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช รับรู้ด้วยญาณที่ตรงกันว่ารุกขเทวดาในเสาหลักเมืององค์นี้มีนามว่า เจ้าแม่อินทภาณี
ด้านขวาเป็นองค์พระเจ้ากรุงศรีวิชัย พระมหากษัตริย์ผู้เกรียงไกรแห่งอาณาจักรศรีวิชัย ผู้ปกครองเมืองตามพรลิงค์ในอดีต รูปแบบด้านหลังนี้ กำหนดโดยองค์ท้าวจตุคาม และท้าวรามเทพสื่อผ่านองค์พ่อท่านวรรณ วัดเสาธงทอง โดยเน้นนักเน้นหนาให้มีองค์พระเจ้ากรุงศรีวิชัย ซึ่งเปรียบเสมือนพี่ใหญ่ด้วย และขอให้ท่านช่วยประกาศเกียรติคุณ ให้ได้รู้จักโดยทั่วกันรายละเอียดทั้งหมดนี้สอบถามได้จาก พ่อท่านวรรณ วัดเสาธงทอง พระเกจิอาจารย์ ผู้เรืองวิทยาคมขลัง ซึ่งเมื่อ พล.ต.ต. ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช เคารพนับถือเป็นพระอาจารย์องค์หนึ่ง (การจะนำไม้ตะเคียนเก่าเสาหลักเมืองมาใช้ผสมวัตถุมงคลทุกรุ่น คุณ ณสรรค์ พันธุรักษ์ราชเดช จะต้องนิมนต์พ่อท่านวรรณให้ประกอบพิธีขออนุญาตต่อองค์จ้าวแม่อินทภาณี ก่อน เมื่อท่านอนุญาตแล้วจึงค่อยดำเนินการ)
การจัดสร้างวัตถุมงคลรูปองค์ท้าวจตุคามและท้าวรามเทพ โดยวัดนางตราไม่ใช่เรื่องผิดแผกอันใด เพราะท่านทั้งสองเป็นเทพยดารักษาเมืองนครศรีธรรมราช อีกทั้งได้เคยมีการขุดพบแผ่นกระเบื้องจารึกเรื่องราวของขุนอิทรไสเรนท์(ท้าวจตุคาม)และพระอินทราขาเขียว (ท้าวรามเทพ)ในวัดนางตรา ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่า ท้าวจตุคามและท้าวรามเทพ ได้เคยเสด็จมาร่วมสร้างวัดนางตราร่วมกับพระนางสุพัตรา ธิดาของพระเจ้ากรุงศรีวิชัย พระมหากษัตริย์ผู้ครองอาณาจักรศรีวิชัย และประการสำคัญคือ นามท้าวจตุคามและท้าวรามเทพ คุณณสรรค์ พันธรักษ์ราช ได้ยินได้ฟังมาจาก พล.ต.ต.ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช มาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก ๆ คีอ เกือบ 50 ปีก่อนแล้วหาใช่เพิ่งจะมารู้จัก หรือได้ยินนามนี้ เมื่อตอนสร้างศาลหลักเมืองเมื่อปี 2528 ไม่ สำหรับพระผงท้าวจตุคามท้าวรามเทพ รุ่นไตรภาคีศรีนครนี้ พ่อท่านวรรณ วัดเสาธงทองจะประกอบพิธีให้เป็นกรณีพิเศษ โดยจะอัญเชิญพระเจ้ากรุงศรีวิชัยท้าวจตุคาม ท้าวรามเทพ และเจ้าแม่อินภาณี ร่วมประสิทธิ์ประสาทเพื่อความสมบูรณ์
ราคาเปิดประมูล350 บาท
ราคาปัจจุบัน400 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 02 เม.ย. 2552 - 10:05:56 น.
วันปิดประมูล - 03 เม.ย. 2552 - 22:42:58 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลลูกพระใส (2.3K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     400 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    somchailee (214)

 

Copyright ©G-PRA.COM