ชื่อพระเครื่อง | พระยอดธง กรุวัดพญาดำ สุโขทัย เนื้อชินเงิน พร้อมบัตรรับรองสถาบันการันตี |
รายละเอียด | พระยอดธง กรุวัดพญาดำ สุโขทัย เนื้อชินเงิน ผิวปรอท เป็นพระพุทธปางมารวิชัย พุทธลักษณะตามศิลปะยุคสุโขทัย องค์นี้สภาพสวย พิมพ์คมชัด จัดเป็นพระชุดเล็กที่น่าสะสมอีกรุ่นนึง พระกรุเก่าอายุหลายร้อยปี
ประวัติวัดพญาดำ
ตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง เดิมไม่ใช่ชื่อวัดพญาดำ แต่คงถูกเรียกเมื่อภายหลัง เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จเมืองศรีสัชนาลัยในปี พ.ศ. ๒๔๕๐ พระองค์ได้พระราชนิพนธ์หนังสือ "เที่ยวเมืองพระร่วง" มีตอนหนึ่งที่ทรงพระราชนิพนธ์ถึงวัดแห่งหนึ่งที่เสด็จประพาสว่า "ที่นีมีวิหารรูปร่างคล้ายวัดศรีชุมเมืองสุโขทัยเป็นรูปสี่เหลี่ยมกว้าง ๕ วา ๓ ศอก ยาว ๖ วา ๓ ศอกคืบ และผิดกับวัดศรีชุมที่แบ่งออกเป็น ๒ ห้อง ด้านตะวันตก (คือ ด้านที่หันไปทางถนน) มีรูปพระยืน ด้านตะวันออกมีพระมารวิชัย ประตูยังมีซุ้มติดอยู่ มีใบระกาทางด้านตะวันออก และเจดีย์อีกหลายองค์ มีกำแพงล้อมรอบลานวัดนี้ถึงเป็นวัดเล็กก็จริง แต่ท่าทางจะเป็นวัดที่อยู่สบาย ส่วนใหญ่ก่อด้วยศิลาแลงมีอยู่ที่เชิงเขาใกล้วัดนี้ จึงเห็นว่าอย่างไรคงไม่กันดารน้ำ บางที่จะเป็นวัดนี้ที่ในพงศาวดาร กรุงเก่าเรียกว่า วัดไม้งาม เป็นที่ตั้งทัพหลวงของสมเด็จพระนเรศวร เมื่อเสด็จขึ้นมาปราบขบถพระยาพิชัย พระยาสวรรคโลกที่ข้าพเจ้านึกเช่นนี้เพราะเห็นว่า เป็นวัดที่อยู่ริมถนนพระร่วงทางมาจากสุโขทัย และดูอยู่ในภูมิที่เหมาะ
.. นอกจากนี้ยังพบพระรัตนตรัยมหายานด้วยคือมีพระพุทธรูปนาคปรกอยู่ตรงกลางพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรอยู่เบื้องขวานางปัญญาบารมีอยู่เบื้องซ้าย"
แต่จากการสำรวจโดยเจ้าหน้าที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ตามลักษณะสภาพโบราณที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพรรณนาไว้นั้นตรงกับโบราณสถานที่เรียกกันในปัจจุบันว่า วัดพญาดำ สาเหตุที่เรียกวัดพญาดำเนื่องจากมีคนร้ายลักลอบขุดหาพระพิมพ์ และพบพระพิมพ์นางพญาเนื้อสีดำเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ราษฎรแถบนั้นเรียกชื่อวัดว่า วัดพญาดำ
สิ่งก่อสร้างสำคัญของวัดนี้ประกอบด้วย มณฑปประธานก่อด้วยศิลาแลงฉาบปูนด้วย หลังมณฑปยังคงมีหลังคาคล้ายรูปประทุนเรือก่อโดยวิธีเรียงศิลาแลงเหลื่อมเข้าหากันทำเป็นรูปหลังคาซ้อนกัน ๒ ชั้น ภายในมณฑปแบ่งเป็นคูหา คูหาด้านหน้าประดิษฐานพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัย แต่ถูกทำลายไปมากแล้ว คูหาด้านหลังประดิษฐานพระพุทธรูป ๒ หรือ ๓ องค์ ตรงกลางเป็นพระพุทธรูปยืน จากภาพถ่ายเมื่อ ๘๗ ปีมาแล้ว พบว่าด้านทิศใต้มณฑปพบว่ามีเจดีย์รายทรงดอกบัวตูมอยู่ ๑ องค์ ปัจจุบันสูญหายไปแล้ว พระวิหารอยู่ด้านหน้ามณฑปก่อด้วยศิลาแลงฉาบปูนหลังคาเป็นเครื่องไม้มุงกระเบื้อง
มณฑปพระอัฏฐารศ ก่อด้วยศิลาแลงตั้งอยู่ด้านขวาของมณฑปประธานภายในคูหามณฑปมีร่องรอยว่าเคยประดิษฐานพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะมีความสูงถึง ๑๘ ศอก ที่นิยมเรียกกันว่า พระอัฏฐารศ
ซุ้มพระสำหรับประดิษฐานพระทั้ง ๔ ด้าน มีแท่นพระนอน อยู่ด้านหลังวัด ติดกับกำแพงแก้ว และตรงกลางแท่นพระซึ่งตรงกับกำแพงวัดมีช่องประตูไปยังวัดสระปทุม
เจดีย์รายหลายขนาดและหลายองค์ เท่าที่นับได้หลังจากการขุดแต่งบูรณะจำนวน ๓๘ องค์
เขตสังฆาวาส คือพื้นที่นอกกำแพงด้านทิศใต้ของวิหาร มีอาคารเล็ก ๆ ๒ หลังและพบชิ้นส่วนศิลาแลงเป็นแท่นกลมสลักสำหรับใส่เดือยไม้เมื่อประกอบเป็นซุ้มประตูทางเข้าทั้งด้านใต้และด้านตะวันออก
สระน้ำอยู่ด้านหน้าพระวิหาร เป็นสระกรุด้วยศิลาแลง สำหรับด้านทิศเหนือของวัดมีบ่อน้ำกรุด้วยศิลาแลงที่มีน้ำขังตลอดปี
กำแพงวัดทำด้วยศิลาแลงเป็นท่อนปักรายรอบทั้ง ๔ ด้าน |
ราคาเปิดประมูล | 100 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 2,600 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 100 บาท |
วันเปิดประมูล | - 27 ส.ค. 2564 - 13:48:58 น. |
วันปิดประมูล | - 01 ก.ย. 2564 - 08:58:38 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
ผู้ตั้งประมูล | Ball_amulet (1.2K)(3)
|