ประวัติการจัดสร้างพระเครื่องวัดไผ่ล้อม อ.บ้านค่าย จ.ระยอง บันทึกโดยพระอาจารย์จำปี วิปุโล(จำรัสแสง)
เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๘ อาตมาได้รับมอบหมายจาก พระอาจารย์พูน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ให้เริ่มทำการสะสมว่านนานาชนิด มีทั้งว่านประเภทคงกระพันชาตรีเมตตามหานิยม ป้องกันสัตว์ร้ายเขี้ยวงาทุกชนิด แร่ธาตุต่างๆหลายชนิด มีแร่บังขนิฏสีเขียว,สีดำ,สีมันปู,แร่ดอกมะขาม จ.กาญจนบุรี,แร่พลวงเงิน,แร่พลวงทอง,พลอยจันทบุรี,สีนิล,ชินปรอทสังขวานร,โมราท้องรุ้ง,เสาตะลุงช้างเผือก,กระดูกหัวกะโหลกช้างทรง,เพชรน้ำค้าง,ศิลาน้ำค้าง,เหล็กทรหด,เหล็กน้ำพี้,เหล็กยอดเจดีย์,สัมฤทธิ์,ข้าวตอกพระร่วง,ข้าวสุกลอยน้ำ,ข้าวสารดำ,ข้าวรอดเพชรหลีก,ไคลประตูเมือง,ไคลเจดีย์,ไคลเสมา๙ แห่ง,ดินโป่ง๙,โป่ง ๙สี,ดินบริสุทธิ์ กลวงมหาสมุทร,ดินกรุซุ้มกอทุ่งเศรษฐีเมืองกำแพงเพชร,ดินกรุสุโขทัยดินกรุอยุธยา,ดินท่า ๙ ท่า, อีกทั้งยังได้เก็บรวบรวมผงพระเครื่องต่างๆทุกยุคทุกสมัยที่ชำรุด มีสมัยเชียงแสน,สุโขทัย,อู่ทอง,ลพบุรี,พิจิตร,พิษณุโลก,กำแพงเพชร,สุพรรณบุรี,อยุธยา,รัตนโกสินทร์,๒๕ พุทธศตวรรษ ส่วนผงวิเศษต่างๆที่เก็บสะสมไว้อีกมากมาย เช่นผงปฐมอักขระ,ผงไตรสรณาคม,ผงพระพุทธคุณ,พระธรรมคุณ,พระสังฆคุณ,ผงพระเจ้าห้าพระองค์,ผงพระเจ้า ๑๖ พระองค์,ผงตรีนิสิงเห,ผงอิทธิเจ,ผงปถมัง,ผงมหาราช,ผงสังตโลก,ผงมหาอุตม์หลวงพ่อวงศ์,ผงพระเกสรหลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย,ผงพญางิ้วดำ,กาฝาก,กาหลง,กาฝากรักซ้อน,กาฝากมะยม,กาฝากมะรุม,กาฝากมะขาม,กาฝากมะนาว,กาฝากลั่นทม,เถาวัลย์หลง,เครือสาวหลง,ว่านสาวหลง,ไม้รู้นอนเก้าอย่าง,ยอดรัก,ยอดสวาท,กัลปังหา,ทรายเงิน,ทรายทอง,ว่าน๑๐๘,เกสรดอกไม้๑๐๘,น้ำมนต์บ่อขุนไกรอันศักดิ์สิทธิ์ มวลสารต่างๆดังที่ได้กล่าวมานี้อาตมาได้สะสมจัดหามา ๕ ปีเต็ม จึงได้นำมาผสมสร้างเป็นองค์พระ ก่อนที่จะเริ่มกดพิมพ์พระ ได้ทำพิธีบวงสรวงเทพเทวา ครูบาอาจารย์เสร็จแล้วจึงกดพิมพ์เป็นปฐมฤกษ์ โดยพระอาจารย์จำปี วิปุโล เมื่อวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีระกา ตรงกับวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๑๒ เวลา ๐๙.๐๙ น.ในราศีเมษ มหัทธโนแห่งฤกษ์ คือฤกษ์ที่มั่งคั่งสมบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สินเงินทองและเทพเทวารักษาดี เมื่อพิมพ์พระเสร็จแล้ว ก็ได้ทำพิธีปลุกเสกโดยพระอาจารย์จำปี วิปุโล ได้นิมนต์พระภิกษุภายในวัดมาร่วมสวดบริกรรมพระปริตมีพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ.พระ ๕ รูปสวดพระธรรมจักร๑๐๘ ตลอดคืน รวม ๑๕คืน เริ่มปลุกเสกเมื่อวันเสาร์แรม ๕ ค่ำเดือน ๙ อยู่ในพรรษา ตรงกับวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๑๓ จนถึงวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๑๓ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๐ปีจอ รวม ๑๕ คืน
เป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก เพราะว่าการทำพิธีครั้งนี้ตรงกับวันเสาร์ ๕ ทั้งหมด คือตั้งแต่เริ่มพิมพ์ เริ่มปลุกเสก และวันสุดท้ายที่ปลุกเสกเดี่ยว ก็ตรงกับวันเสาร์อีกเช่นกัน ที่น่าอัศจรรย์อีกอย่างก็คือเมื่อทำพิธีปลุกเสกถึงเวลาตีห้าดับเทียนชัย ได้มีฝนตกซู่ลงมาประมาณ ๑ นาที แล้วก็หยุดตกซึ่งจะเป็นอย่างนี้ทุกคืน
วัตถุมงคลที่จัดสร้างในครั้งนี้ได้ทำพิธีปลุกเสกใหญ่อีกครั้งหนึ่งโดยนิมนต์พระคณาจารย์ที่มีอาคมขลังขมังเวท ๙ รูป นั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสกตลอด ๑ คืน ดังมีรายนามดังต่อไปนี้
๑.หลวงปู่ทิม(พระครูภาวนาภิรัติ) วัดละหารไร่ จ.ระยอง
๒.หลวงพ่อลัด(พระวิจิตร) วัดหนองกระบอก จ.ระยอง
๓.หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า จ.ระยอง
๔.หลวงพ่อตง วัดเพ จ.ระยอง
๕.หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ จ.ระยอง
๖.หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก จ.ระยอง
๗.หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จ.จันทบุรี
๘.หลวงพ่อสมชาย วัดแม่นางปลื้ม จ.อยุธยา
๙.หลวงพ่อสละ วัดทรงธรรม จ.อยุธยา
มีสิ่งที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมากในการปลุกเสกพระเครื่องครั้งนี้ คือ ขณะที่หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ นั่งบริกรรมภาวนาอยู่นั้น ช่างภาพถ่ายรูปไม่ติด คือแฟลชไม่ขึ้น ถ่ายอยู่หลายครั้งก็ไม่สำเร็จผล ต้องขออนุญาตท่านก่อนจึงได้ถ่ายติด.ในระหว่างที่หลวงปู่ทิม นั่งบริกรรมภาวนาอยู่นั้น ถ้าท่านหลับตาลงครั้งใด ไฟฟ้าจะดับทันที เป็นอย่างนี้ถึง ๓ ครั้ง ดังนั้นท่านจึงต้องบริกรรมภาวนาลืมตาตลอดคืน ไม่ได้พักเลย จนกว่าเสร็จพิธีคือสว่าง
และในวันที่ทำพิธีปลุกเสกนั้นได้เริ่มพิธีตั้งแต่ ๑๘.๐๐ น.จนถึง๒๒.๐๐ น. หลังจากนั้นพระเกจิอาจารย์ทั้งแปดรูปก็ได้กลับวัด เหลือแต่หลวงปู่ทิมที่ยังไม่ได้กลับ หลังจากนั่งพักผ่อนไม่นาน หลวงปู่ทิมจึงได้ก้าวขึ้นไปนั่งบนธรรมมาสน์อีกครั้ง ได้เริ่มนั่งปลุกเสกเดี่ยวต่อไปอีก |
|
