(0)
++หลวงพ่อพระใสเดิมๆครับ สวยมากครับ (สามกษัตริย์ )++






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง++หลวงพ่อพระใสเดิมๆครับ สวยมากครับ (สามกษัตริย์ )++
รายละเอียดหลวงพ่อพระใส ตั้งหน้ารถ สไบทิพย์ ปี 2549 (สามกษัตริย์)

หลวงพ่อพระใส สวยเดิมๆๆครับผม อัญเชิญลงมาจากหิ้งเลยครับ

หลวงพ่อพระใสมาประดิษฐานอยู่ ณ วัดโพธิ์ชัยแล้ว ผู้อาศัยที่ได้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ และอัศจรรย์หลายประการ จึงเป็นที่ศรัทธาที่เครพนับถือ และสักการะบูชาของประชาชนที่มีแด่หลวงพ่อพระใส ที่มีความสำเร็จร่มเย็นเป็นเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทร ที่ให้พุทธศาสนิกชนชายไทยได้ยึดเหนี่ยวจิตใจ และอานุภาพความศักดิ์สิทธื ความอัศจรรย์ขององค์หลวงพ่อพระใสจนได้สมญาว่า “หลวงพ่อเกวียนหัก” แม้ตราบเท่าทุกวันนี้พระบารมีที่คุ้มครอง และพระเมตตาธรรมขององค์หลวงพ่อพระใส ยังคงเผ่ปกป้องคุ้มครองขจัดปัดเป้าภัยพิบัติให้ผุ้หวังพึ่งบารมีอย่างไม่เสื่อมคลายเป็นที่อัศจรรย์ยิ่ง ยิ่งกว่าอัศจรรย์ อีกทั้งยังทำให้วัดโพธืชัยเป็นสถานที่ท่องเทียวให้พุทธศาสนิกชนจากทั่วประเทศ และพี่น้องชาวต่างชาติได้มาสักการะบูชาหลวงพ่อพระใส อย่างไม่ขาดสาย


ภาคปาฏิหารริย์หลวงพ่อพระใส
หลวงพ่อพระใสเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เดิมมาปรากฏตามประวัติว่า เมื่อรัชสมัยพระเจ้าสุริยวงศ์จะเสด็จเสวยราชขึ้นครองนครเวียงจันทร์ พระองค์ได้ทรงตั้งจิตอธิฐานเฉพาะพระพักตร์ของหลวงพ่อพะใสว่า ถ้าการปกครองไพร่ฟ้าของข้าพเจ้าจะเป็นไปด้วยคาวมสันติสุขปราศจากศัตรูหมู่ไพรีที่จะมาเบียดเบียนแล้ว ขอให้หลวงพ่อพระใสแสดงเหตุอัศจรรย์ให้ประจักษ์ ครั้นถึงเสวยราชย์เดือนอ้าย ได้เกิดอัศจรรย์ขึ้นตามคำอธิฐาน
คือฟ้าคึกคะนองร้องรั้น หวั่นไหวแลบแปลบปลาบสายฟ้าฟาด สนั่นสั่นสะเทือน แต่จะได้เป็นอันตรายแก่คนสัตว์ก็หามิได้อยู่เย็นเป็นสุขโดยทั่วหน้ากันตลอดรัชสมัยของพระองค์
ความอัศจรรย์หรืออภินิหารครั้งที่สอง คราวที่ขุนวรธานีอัญเชิญหลวงพ่อพระใสออกจากวัดหอก่อง เพื่อที่จะนำไปกรุงเทพฯ ปรากฏว่าพออัญเชิญมาถึงวัดโพธิ์ชัยปรารภจะนำไปกับพระเสริม คนที่สมมติให้เป็นพราหมณ์
ผู้อัญเชิญหลวงพ่อพระใสไปนั้นไม่สามารถลากเกวียน ซึ่งประดิษฐานหลวงพ่อพระใสให้เครื่อนไปได้ แม้จะใช้เครื่องฉุดก็สุดความสามารถ เช่นเดียวกันได้ทำการอ้อนวอนด้วยประปารต่างๆ ก็ไม่เป็นผล จนในที่สุดเกวียนได้หักลง คราวนี้ได้หาเกวียนใหม่มาเป็นที่ประดิษฐาน แต่ก็อัศจรรย์อีกครั้งเพราะม่สามารถจะนำให้เคลื่อนที่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงปรึกษาหาตกลงกันว่าจะอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่วัดโพธิ์ชัย แล้วก็ทำการอ้อนวอนเป็นผลดีใจนึก
พอเข้ามาหามเพียงไม่กี่คนหลวงพ่อพระใสก็ถูกยกขึ้นประดิษฐานไว้ในอุโบสถวัดโพธิ์ชัย ให้คณะเรามากราบไหว้เครพสักการะบูชา และเป็นเกียรติอันสูงส่งแก่ชาวจังหวัดหนองคายมาตลอดจนบัดนี้
ในคราวต่อมา องค์หลวงพ่อพระใสก็ได้แสดงความอัศจรรย์อีกหลายครั้ง เช่นเมื่อคราวที่ขุนว์ฯ เป็นผุ้ที่เชิดชูหลวงพ่ออยู่นั้น ขณะที่ทางวัดโพธิ์ชัยมีงานสมโภชหลวงพ่อพระใส ได้มีท่านผผผู้หนึ่งซึ่งเดินทางมาจากต่างถิ่น ไม่สู้เชื่อความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพระใสมากนัก เพื่อเป็นการทดลดงจึงไดทูลว่า ถ้าหากหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์จริงขอให้ฟ้าผ่าทีทันใดนั้นเองฟ้าก็ผ่าลงมาจริงๆ

หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทะรูปขัดสมาธิรบปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก มีพระรูปลักษณะงดงาม ขนาดหน้าตักกว้าง ๒ คืบ ๘ นิ้ว ส่งนสูงจากพระชงฆ์เบื้องล่างถึงยอดพระเกศ ๔ คืบ ๑ นิ้ว ของช่าวไม้
ปัจจุบันได้ประดิษฐานภายในอุโบสถวัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง) อ. เมืองหนองคาย จ. หนองคาย เป็นพระพุทธรูปที่ชาวจังหวัดหนองคายนับถือ ว่าศักดิ์สิทธิ์มาก และเป็นที่เคารพสักการะอย่างยิ่ง ประวัติการสร้างซึ่งเป็นอัศจรรย์ยิ่งนัก
สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ลงความเห็นไว้ในหนังสือ ตำนานพุทธเจดีย์สยาม หน้า ๑๐๒ ว่า พระพุทธรูปล้านช้างที่งามยิ่งกว่าองค์อื่นคือ พระสุก พระเสริม พระใส โดยมีพระราชธิดา ๓ พระองค์ แห่งกษัตริย์ล้านช้าง เป็นเจ้าของศรัทธา
พีธีหล่อ มีคนสูบเตาหลอมทองอยู่ไม่ขาดระยะ นับเป็นเวลา ๗ วันจนถึงวันที่ ๘ มาขอสูบเตาช่วยหลวงตา
และสามเณรน้อยรูปหนึ่งทำการสูบเตาอยู่ ปรากฏมีชีปะขาวคนหนึ่งมาขอสูบเตาช่ายหลวงตา และสามเณรน้อยขึ้นไปฉันเพล และแล้วสิ่งที่เป็นอัศจรรย์ที่ทุกคนเห็นก็คือ ทุกคนแลเห็นคนสูบเตามากกว่าผิดปกติ ท่อเตาก็มีมากแต่ละคนเป็นชีปะขาวหมด และทองได้ถูกเทลงในเบ้าทั้ง ๓ เบ้าเรียบร้อย และไม่ปรากฏเห็นชีปะขาวนั้นอีกเลย
การประดิษฐาน เดิมทีนั้นหลวงพ่อพระใสได้ประดิษฐาน ณ เมืองเวียงจันทร์ พ.ศ ๒๓๒๑ สมัยกรุงธนบุรี
ได้อัญเชิญไว้ที่เมืองเวียงคำ และถูกเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดโพนชัย เมืองเวียงจันทร์อีก ต่อมาในราชกาลที่ ๓
เจ้าอนุวงศ์ เมืองเวียงจันทร์เป็นกบฏ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ เป็นจอมทัพยกพลมาปราบ จึงได้อัญเชิญ พระสุก พระเสริม พระใส ลงมาด้วย โดยอัญเชิญมาจากภูเขาควายขึ้นประดิษฐานบนแพไม้ไผ่ ซึ่งผูกติดกันอย่างหมั่นคงล่องมาตามลำน้ำงึม เมื่อล่องมาถึงตรงบ้านเวินแท่น ในขณะนั้นเกิดอัศจรรย์แท่นของพระสุกได้เกิดแหกแพจมลงไปในน้ำ โดยเหตุที่มีพายุพัดแรงจัด และบริเวณนั้นได้นามว่า “เวาแท่น” การล่องแพก็ยังล่องมาตามลำดับจนถึลน้ำโขง (ปากน้ำงึม) เฉียงกับบ้านหนอลกุ้ง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย
ได้เกิดพายุใหญ่เสียงฟ้าคำรามคะนองร้องลั่น ในที่สุดพระสุกได้แหกแพจมลงไปในน้ำ ซึ่งอาการวิปริตต่างๆ ก็ได้หายไปเป็นอัศจรรย์ยิ่ง บริเวณนั้นจึงได้ชื่อว่า “เวินสุก” และพระสุกก็จมอยู่ในน้ำตรงนั้นมาจนถึลปัจจุบันนี้ ก็ยังเหลือแต่พระเสริม พระใส ที่ไดนำขึ้นมาถึงเมืองหนองคาย พระเสริมนั้น ได้ถูกอัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระใสได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดหอก่อง (ปัจจุบัน คือ วัดประดิษฐิ์ธรรมคุณ) ต่อมาในราชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเก้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและเจ้าเหม็น (ข้าหลวง ) อัญเชิญพระเสริม จากวัดโพธิ์ชัยหนองคายไปกรุงเทพฯ ด้วย แต่พอมาถึงวัดโพธิ์ชัยหลวงพ่อพระใสได้แสดงปาฏิหาริย์ จนเกรียนหักจึงอัญเชิญลงไปไม่ได้ ได้แต่พระเสริมลงกรุงเมพฯ ประดิษฐาน ณ วัดปทุมวนาราม
ส่วนหลวงพ่อพระใสได้อัญเชิญ ประดิษฐษน ณ วัดโพธิ์ชัย อ. เมืองหนองคาย จนถึงปัจจุบัน

**หมายเหตุ**
ท่านที่ปิดประมูลต้องการให้ส่งด่วนเพียงเพิ่มค่าโอนอีกเเค่ 50 บาทหากไม่ก็จะส่งเเบบลงทะเบียนให้ขอบพระคุณครับ
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน400 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 09 พ.ค. 2560 - 15:58:36 น.
วันปิดประมูล - 13 พ.ค. 2560 - 13:09:07 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลพีพีเคโบราณ (807)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     400 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    teed1 (152)(3)

 

Copyright ©G-PRA.COM