(0)
***ดาวหลวงพ่อ ผินะ รับจากมือหลวงพ่อ***








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง***ดาวหลวงพ่อ ผินะ รับจากมือหลวงพ่อ***
รายละเอียดหลวงพ่อผินะ แห่งวัดพระสนมลาว อมตะเถระเหนือสมมุติ
กำลังมหาจักรพรรดิ์ บัวเกตุ
มีหลายคนสงสัยว่าหลวงพ่อท่านใช้วิชาอะไรหนอถึงได้สามารถทำให้เครื่องรางของขลังและวัตถุมงคลมีพลังมากจนกลายเป็นตัวช่วยเพื่อให้เกิดเรื่องดีๆกับผู้ที่ใช้และนับถือ เท่าที่ผู้เขียนสังเกตุดูก็ได้เคล็ดบางอย่างมาว่า ผู้ที่จะสร้างพระปางปราบพญาชมพูบดีได้นั้น โดยส่วนใหญ่ก็จะต้องสำเร็จวิชามหาจักรพรรดิ์ ซึ่งพลังของวิชามหาจักรพรรดิ์นี้ ผู้ที่สำเร็จได้จะต้องสามารถเชิญพลังของพระพุทธเจ้าตอนที่แปลงร่างเป็นมหาจักรพรรดิ์ลงมาสถิตย์ในวัตถุมงคลเครื่องรางต่างๆได้จริงๆ เพราะพระพุทธเจ้าเองก็เคยเกิดเป็นมหาจักรพรรดิ์นับชาติไม่ถ้วน ก็รวบรวมบารมีตอนเป็นมหาจักรพรรดิ์ทุกๆชาติเข้ามารวมกัน อย่าลืมว่าในหมู่ปุถุชนด้วยกันนั้น พระราชาเป็นใหญ่กว่าชนทั้งปวง และพระมหาจักรพรรดิ์ก็เป็นใหญ่กว่าพระราชาอีกที ดังนั้นผู้ที่ได้พลังจักรพรรดิ์นั้นจะต้องมีจิตที่ประภัสสรทรงพลังในเรื่องกสินและเข้าใจแตกฉานถึงวิธีการวางอารมณ์จริงๆในขณะที่ทำการอธิษฐานจิต พลังของจักรพรรดิ์นั้นสามารถบังคับธาตุทั้งสี่ให้กำเนิดขึ้นมาใหม่ได้ แต่ถ้าเป็นสายวิชาของหลวงพ่อดู่วัดสะแกที่เป็นไตรสรณาคมณ์นั้นท่านเรียกว่าได้ภูติพระเจ้า คือการบังคับมหาภูติทั้งสี่ให้กลับมาชุมนุมรวมกันอีกก็ได้ เพราะพระพุทธเจ้านั้นเมื่อครบห้าพันปีแล้ว พระธาตุของพระพุทธเจ้าทั้งหลายก็จะกลับมารวมกันเพื่อโปรดสัตว์ครั้งสุดท้ายและประกาศปิดพุทธันดรของพระองค์ พร้อมกับจะให้พุทธทำนายเรื่องของพระศรีอาริยเมตไตรในภายภาคหน้าเช่นกัน ดังนั้นวิชาของหลวงพ่อผินะน่าจะเป็นกำลังมหาจักรพรรดิ์เดียวกันกับครูบาอาจารย์ในยุคก่อนๆถึงได้มีพลังมากมายอย่างนี้
เคยมีผู้ที่เป็นศิษย์ของท่านเล่าให้ฟังว่าครั้งหนึ่งที่ทางวัดต้องจำเป็นใช้ไม้ใหญ่ในพื้นที่วัดพระสนมลาวมาสร้างเสนาสนะ หลวงพ่อท่านได้เลือกต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งไว้ ท่านก็ได้ไปแผ่เมตตากับรุกขเทวดา และได้ไปยืนบอกด้วยวาจาว่า ขอเชิญท่านรุกขเทวดาที่สิงสถิตย์ที่ไม้ต้นนี้ ทางวัดมีความจำเป็นที่จะใช้ไม้ที่ท่านได้สถิตย์อยู่ ขอให้ท่านได้ย้ายออกไปอยู่อีกต้น พร้อมกับชี้มือไปที่ต้นไม้อีกต้น และยังบอกอีกว่า อาตมาได้คุยกับเขาแล้ว เขาอนุญาติให้ท่านไปอยู่ด้วยได้ เมื่อยืนแผ่เมตตาสักพักก็ใช้ฝ่ามือตบฟาดไปที่ต้นไม้ที่อยากจะตัดอย่างแรงๆทีเดียว หลังจากนั้นสามวันปรากฏว่าต้นไม้ใหญ่นี้ได้ลู่กิ่งทิ้งใบเหมือนต้นไม้ที่ขาดน้ำยืนต้นตาย ทางวัดก็ได้ตัดไม้ต้นนี้ไปทำประโยชน์ตามที่ได้ขอไว้ เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความมีเมตตาจิตต่อรุกขเทวดาของท่าน และยังแสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อผินะท่านสามารถสื่อสารกับเทพเทวาวิญญาณทิพย์ต่างๆได้จริงๆ
อีกเรื่องที่พึ่งเกิดไม่นานนี้ก็คือเรื่องเด็กๆที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ มีครอบครัวหนึ่งได้ให้ลูกห้อยดวงตาที่หลวงพ่อทำไว้เป็นปริศนาของการมีดวงตาเห็นธรรมอันหมายถึงการมีสติปัญญาดี ปรากฏว่าปรกติแล้วเด็กคนนี้เรียนปานกลางไม่โดดเด่นเท่าไหร่ซึ่งทางบ้านก็ไม่ได้หวังอะไรมาก แต่ตอนสอบเอ็นทรานซ์ก็สามารถสอบติดมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง และได้คณะที่พอใช้ได้ ผลอันนำมาซึ่งความปลาบปลื้มกับพ่อแม่และญาติพี่น้องเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับเอ่ยปากกับผู้เขียนว่า ตัวเขาเองมั่นใจในบารมีของหลวงพ่อจริงๆ และคราวนี้ก็เชื่อว่าเป็นพลังของเครื่องรางที่เป็นรูปดวงตาแน่นอน หลวงพ่อผินะเคยบอกว่าดวงตานั้นมาจากปิตาและมาตา คือการเอาบารมีพ่อและแม่มารวมกัน ไปไหนมาไหนก็มีคนเมตตามีปัญญาเอาตัวรอดได้ไม่ต้องกลัวใคร
เรื่องราวของผู้ที่ได้บูชาวัตถุมงคลของท่านไปแล้วมีประสบการณ์มากมาย ที่สำคัญเห็นผลไวมากๆถ้าเราได้เลื่อมใสปฏิบัติถูกต้อง แต่เมื่อก่อนไม่ค่อยมีคนได้รู้เนื่องด้วยหลวงพ่อผินะท่านไม่ใช่พระที่ชอบทำประชาสัมพันธ์ และวัตถุมงคลของท่าน ท่านก็ทำเอง ไม่ได้ไปจ้างวานใครตามโรงงานที่ทำออกมารุ่นเดียวเป็นหมื่นๆชิ้น อย่างดาวยุคต้นๆก็เคยมีผู้บันทึกคร่าวๆว่ามีแค่สี่ร้อยดวงเท่านั้นเอง และเป็นพิมพ์ที่หลากลาย หากแยกพิมพ์กันจริงๆแล้วแต่ละพิมพ์ในยุคต้นๆตั้งแต่ท่านอยู่ทางใต้และที่เพชรบูรณ์กับช่วงแรกของวัดพระสนมลาว คาดกันว่าแต่ละพิมพ์นั้นไม่น่าจะเกินหนึ่งร้อยดวง ยิ่งถ้าเป็นคุณพ่อปลัดก็นับชิ้นกันได้เลย อาจมีแค่หลักร้อยเช่นกัน เพราะถือว่าเป็นงานมาสเตอร์พีซเลยก็ว่าได้ ดูแล้วเกือบเหมือนกันแต่ก็ไม่เหมือนกันสักกะชิ้น ทีนี้เรามาดูเรื่องประเภทของวัตถุมงคลกันต่อดังนี้
สมเด็จพิมพ์ใหญ่ด้านหลังเป็นรูปพระสังกัจจายน์ พระพิมพ์นี้หลวงพ่อผินะมักจะทำเป็นสองสีหน้าหลัง โดยส่วนใหญ่ด้านหน้าจะเป็นสีทอง ด้านหลังจะเป็นสีเงิน หรือบางองค์ก็จะเป็นสีแดงหรือสีนาค พระพิมพ์นี้ดีมากในเรื่องโชคลาภ เคยมีเรื่องเล่ากันว่ามีครั้งหนึ่งที่ลูกศิษย์หลวงพ่อที่ชอบไปเล่นไพ่มากราบหลวงพ่อ แล้วได้ถามถึงเรื่องของวัตถุมงคลว่าต้องบูชาพระอะไรขึ้นคอดี หลวงพ่อกลับไปหยิบพระสมเด็จพิมพ์นี้ให้ลูกศิษย์พร้อมกับบอกว่า “ เอาไปลองติดตัวดู เนี่ยนะสมเด็จไพ่ป๊อก ชอบไปเล่นไพ่นักไม่ใช่เหรอ ห้อยแล้วมีโชคนะ ” แต่หลวงพ่อผินะท่านก็อบรมเรื่องการเล่นการพนันว่ามันไม่ดีนะ เลิกเล่นได้ก็ดี ลูกศิษย์คนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะไปเล่นอีก แต่ก็มีโชคกลับมาทุกที แม้แต่ผู้ที่ผู้เขียนแนะนำให้ลองบูชาพระสมเด็จรุ่นนี้ ก็ถูกหวยติดกันมาเก้างวดแล้ว แต่ถูกแบบนิดหน่อยพอฟังเพราะไม่ได้ซื้อเยอะ พระสมเด็จรุ่นนี้มีส่วนผสมของดินจากเหล็กน้ำพี้ แม่เหล็กจึงดูดติด และท่านได้ผสมด้วยว่านและผงวิเศษต่างๆรวมทั้งข้าวสารหิน ดังนั้นพุทธคุณจึงหนักไปในทางดูดโชคลาภเงินทอง คุ้มครองแคล้วคลาด
พระสมเด็จพิมพ์เล็กด้านหลังเป็นรูปเจ้าแม่กวนอิม พระสมเด็จพิมพ์นี้องค์จะย่อมกว่า ด้านหน้ามีลักษณะเดียวกันแต่ด้านหลังเป็นรูปเจ้าแม่กวนอิม พระสมเด็จพิมพ์นี้เป็นอิทธิพลมาจากลัทธิมหายานที่นับถือเจ้าแม่กวนอิมซึ่งเป็นหนึ่งในพระโพธิสัตว์ที่เป็นที่นับถือกันทั่วโลก จะสังเกตุเห็นการทำรูปปั้นต่างๆที่เกี่ยวกับเรื่องราวเทพยดาในวัด ท่านพูดกับหลายคนเสมอว่าเจ้าแม่กวนอิมเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีมาก และยังคงแผ่พลังมาสู่ทุกผู้ทุกคนที่นับถือ พระพิมพ์นี้มีพุทธคุณดีมากในเรื่องความเมตตา การติดต่องานการต่างๆ และด้วยความที่เป็นขนาดเล็กพอดี จึงเหมาะกับสุภาพสตรีเป็นอย่างมาก
พระพิมพ์สามเหลี่ยม บางคนก็เรียกว่า เป็นพระนางพญาพิมพ์ขี่สัตว์ต่างๆ ถ้าใครเคยเข้าไปที่วัดพระสนม ลาว ก็คงจะเคยเห็นที่หน้าจั่วของหอพระสูงๆ ทำเป็นรูปปูนปั้นของพระพุทธรูปและด้านล่างเป็นรูปของสัตว์ต่างๆ รูปที่จั่วปูนปั้นนี้ทำทั้งสี่ทิศแต่ละทิศมีรูปที่แตกต่างกัน ความจริงแล้วก็คือรูปของพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ในกัปป์นี้ อันได้แก่พระกุกุสันโท สัญลักษณ์เป็นรูปไก่ พระโกนาคมสัญลักษณ์เป็นรูปพญานาค พระกัสสโปสัญลักษณ์เป็นรูปเต่า พระสมณโคดมสัญลักษณ์เป็นรูปวัว พระศรีอาริยเมตไตรสัญลักษณ์เป็นรูปสิงห์ หลวงพ่อผินะได้นำบารมีแห่งพระพุทธเจ้าห้าพระองค์มารวมเป็นคู่ๆ เพื่อให้เกิดผลบารมีที่แตกต่างและอำนาจพุทธคุณก็จะต่างกันไปด้วย โดยหลวงพ่อผินะท่านได้ทำไว้สามพิมพ์ดังนี้ พระปลดหนี้ ว่าคาถา “ พุทธา” ด้านหน้าจะเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนเต่า ด้านหลังเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนวัว บางคนก็เรียกว่าพระเต่า-วัว พระแคล้วคลาด ว่าคาถา “ นะโม” ด้านหน้าเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนสิงห์หรือราชสีห์ ด้านหลังเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนวัว บางคนก็เรียกว่าพระราชสีห์-วัว พระค้าขาย ว่าคาถา “ยะธา” ด้านหน้าเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนราชสีห์ ด้านหลังเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนวัว พระพิมพ์สามเหลี่ยมทั้งสามพิมพ์นี้เป็นพระพิมพ์มาตรฐานของหลวงพ่อผินะ และโดยรวมแล้วมีแบบทั้งที่ปิดทองและไม่ปิดทอง แบบด้านหน้าเป็นสีเงินด้านหลังเป็นสีทองก็มี เนื้อขององค์พระจะเป็นเนื้อดินน้ำพี้ผสมผงมงคลเช่นข้าวสารหินและไม้ว่านมงคลที่หลวงพ่อเก็บรวบรวมตอนที่ธุดงค์อยู่ในป่า ดังนั้นพระของท่านจึงใช้แม่เหล็กดูดติด พุทธคุณก็อยู่ที่เราเลือกใช้เอา เพราะวัตถุมงคลของท่านไม่เป็นสองรองใครแน่นอน
ตะกรุดโทนเนื้ออลูมีเนียม ตะกรุดของท่านแปลกกว่าคนอื่นๆแน่นอน หนึ่งเดียวจริงๆ เกจิอาจารย์ท่านอื่นใช้ทองแดงบ้าง ตะกั่วบ้าง หรือเนื้อเงินเนื้อทอง แต่ของท่านใช้โละอัลลอยด์ที่เราเรียกว่าอลูมีเนียมมาทำเป็นตะกรุด เหตุที่ใช้ก็คงเป็นเพราะเป็นสิ่งที่เหลือจากการรองซากของอสุภะกรรมฐานของท่าน และไม่น่าเชื่อว่าท่านเสกจนตะกรุดม้วนและแข็งมาก แต่มีน้ำหนักเบาเป็นที่สุด เคยมีคนลองเอามาคลี่ดู กว่าจะคลี่ออกได้เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกันเพราะหลวงพ่อเสกจนแข็ง ยันต์ที่ท่านลงก็เป็นนะอกแตกหรือบางที่ก็เป็นพุทธหน้าทอง ซึ่งแสดงว่าตะกรุดของหลวงพ่อผินะดีทางคุ้มครองแคล้วคลาดและเมตตาเป็นหลัก ตะกรุดโทนของท่านเป็นเครื่องรางอีกชิ้นหนึ่งที่ถือได้ว่ามีประสบการณ์มากจริงๆ เป็นที่แสวงหากันมากในขณะนี้ ถ้าเจ้าของหวงๆละก็บุกกันเป็นหมื่นเหมือนกัน
ลูกอม ท่านมีอยู่สองลักษณะที่ได้พบเห็นมาก็คือ อย่างแรกเป็นเนื้อผงแบบเข้มข้น เนื้อแบบนี้เป็นเนื้อเดียวกับแม่เนื้อหอม ซึ่งจะห่อกระดาษแก้วสีทองบ้างหรือไม่ห่อกระดาษก็ได้ ในบรรดาลูกศิษย์หวงกันมากจริงๆ เพราะหลวงพ่อได้ใส่ผงอาถรรพ์เยอะมาก มักมีประสบการณ์ในเรื่องความมีเสน่ห์เมตตาแก่ผู้พบเห็น ที่สำคัญก็คือมีจำนวนน้อย ลูกอมแบบนี้ตอนนี้มีคนเล่นหาเปลี่ยนมือกันในราคาร่วมหนึ่งหมื่นห้าพันบาทเมื่อต้นปี ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะขยับราคากันไปอีกเท่าใด ลูกอมแบบที่สองเท่าที่เห็นมาต้องเรียกว่าเป็นเม็ดปฐวีธาตุ เพราะเป็นเม็ดหินกลึงเป็นสีน้ำตาลอ่อน เท่าที่ดูน่าจะทำมาจากหินตระกูลหินพระธาตุ เม็ดปฐวีธาตุนี้มีน้อยมากๆเช่นกัน พุทธคุณน่าจะเป็นเรื่องของความคุ้มครองและเมตตาเป็นหลัก ลูกอมปฐวีธาตุนี้ได้ยินครั้งแรกก็จากท่านเจ้าคุณนรรัตน์วัดเทพศิรินทร์ ท่านให้คนไปเก็บที่บางบ่อ แล้วนำมาอธิษฐานจิตอีกที ต่อมาก็เป็นหลวงปู่คำพันนครพนม ท่านก็ให้คนเก็บหินจากแม่น้ำโขงแล้วนำมาเสกเช่นกัน
ราคาเปิดประมูล1,450 บาท
ราคาปัจจุบัน1,500 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 16 มิ.ย. 2551 - 23:45:35 น.
วันปิดประมูล - 25 มิ.ย. 2551 - 13:58:51 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลapimuk (1.5K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 16 มิ.ย. 2551 - 23:56:42 น.
.


ท่านังมรณะของหลวงพ่อ(ที่เห็นในรูปท่านมรณะแล้วหลายชั่ว่ใมงครับ)
งานนี้ผมยอมตกควาย เพราะบางท่านว่าเป็นรุ่นหนึ่ง บ้างว่าเป็นร่นสอง ขนาดรุ่นสาม บางที่ขายเป็นพันแล้วครับ รับประกันความแท้จากวัดท่านครับ แท้แน่นอน


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 17 มิ.ย. 2551 - 00:03:09 น.
.


เลี่ยมกรอบ+ถักเชือก อย่างดี(ว่าจะเอาไว้ใช้เองครับ) 086 9919953
กดปุ่มฆ้อนหรือปุ่มนี้ข้างบนครับ


 
ราคาปัจจุบัน :     1,500 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    rayong05 (385)

 

Copyright ©G-PRA.COM