ชื่อพระเครื่อง | พระนางพญา เนื้อผงดำ หลังตะแกรง หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช ติดรางวัลที่ 2 งานนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 1 เมื่อ 1/2/2558 |
รายละเอียด | นางพญา เนื้อผงดำ หลังตะแกรง หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช อยุธยา เนื้อสวย พุทธคุณเยี่ยม ไม่มีบิ่นแตกหักครับ อีกหนึ่งของดีเมืองอยุธยา
เมื่อปี 2505-2506 พระครูสมุหอำพล พลวัฒฑโน เจ้าอาวาสวัดประสาทบุญญาวาส ได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นจำนวนมากโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาทุนสร้าง พระอุโบสถและเสนาสนะ ที่ถูกเพลิงไหม้เมื่อปี 2498 โดยสร้างวัตถุมงคลในรูปแบบหลวงปู่ทวด, พระกริ่งวัดประสาทฯ, และในรูปแบบอื่นๆ เป็นรุ่นที่มีชื่อเสียงของวัดประสาทฯ ดังที่ทราบกันดี
ซึ่งการสร้างพระกริ่งในครั้งนั้น นายช่างได้ทำการหลอมโลหะซึ่งมี "แผ่นโลหะจารเลขยันต์" ของพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณในยุคนั้นทั่วพระราชอาณาจักร ปรากฏว่าแผ่นโลหะจารอักขระแผ่นหนึ่งไม่ยอมหลอมละลาย สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์มาก จึงตักแผ่นโลหะขึ้นมาตรวจสอบ พบว่าเป็นของท่าน "พระครูใบฎีกาเทียม สิริปัญญโญ" หรือที่รู้จักกันดีในนาม "หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช" ตั้งแต่นั้นมา หลวงปู่เทียมจึงเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักแสวงหาวัตถุมงคลในยุคนั้น
"พระนางพญา เนื้อผงสีดำ หลังลายผ้า" ได้ประกอบพิธีร่วมในพิธีเททองหล่อและพิธีมหาพุทธาภิเษก "พระพุทธกษัตราภิมงคล" วัดกษัตราธิวาสเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2519 โดยในหลวงและพระราชินีรัชกาลปัจจุบัน และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จฯทรงประกอบพิธีเททองหล่อ และทรงประกอบพิธีกดพิมพ์นางพญาเนื้อผงสีดำเป็นปฐมมหามงคลราชาฤกษ์
"พระนางพญาเนื้อผงสีดำ หลังลายผ้า" เป็นเนื้อผงใบลานเผาสูตรเดียวกับ "พระกริ่งคลองตะเคียน" และ "พระนาคปรก 3 เศียร" รุ่นแรกของหลวงปู่เทียม ที่สำคัญมีผงพุทธคุณที่ลบมาและมีชิ้นส่วนพระกริ่งคลองตะเคียนที่ชำรุดผสมลงไปด้วย เรียกว่า พระนางพญารุ่นนี้ ใช้แทนพระกริ่งคลองตะเคียนได้อย่างมิต้องสงสัย
(อ้างอิงจากคอลัมน์พระเครื่องเดลินิวส์ ตุลาคม - ธันวาคม 2549)
ก่อนจะแนะนำอีกหนึ่งของดีเมืองอยุธยา ซึ่งถือได้ว่าเป็นถูกซ่อนเร้นอยู่ในวัดกษัตราธิราช ได้เช่นกันผู้เขียนขอย้อนรอยถึงเรื่องราวหนึ่งกับท่านผู้อ่านความจริง...อ่านเดลินิวส์เพราะเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจและอยู่ในความทรงจำ ของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ (ซึ่งส่วนใหญ่เสียชีวิตแล้ว) ได้เล่าสืบต่อกันมาร่วม ๕๐ ปี เรื่องนี้ก็คือเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๕-๒๕๐๖ พระครูสมุห์อำพล พลวัฒฑโน เจ้าอาวาสวัด ประสาทบุญญาวาส กรุงเทพฯได้จัดสร้างวัตถุมงคล ขึ้นจำนวนมากโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาทุนสร้าง พระอุโบสถและเสนาสนะ ที่ถูกไฟเผาผลาญไปเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ นอกจากสร้างวัตถุมงคลในรูปแบบ หลวงปู่ทวด ด้วยเนื้อผงพุทธคุณต่าง ๆ แล้วยังได้สร้างพระกริ่งวัดประสาทบุญญาวาส ขึ้นอีกด้วยตามที่นักสะสมทราบกันดีอยู่แล้ว
ซึ่งการสร้างพระกริ่งในครั้งนั้นขณะทำพิธี เททองหล่อ นายช่างได้ทำการหลอมโลหะซึ่งมี แผ่นโลหะจารอักขระเลขยันต์ ของพระคณา จารย์ผู้ทรงวิทยาคุณในยุคนั้นจากพระทั่วราชอาณาจักร ที่มีเมตตามอบให้เพื่อผสมกับโลหะที่ทางวัดประสาทฯจัดไว้สำหรับหล่อพระกริ่งและวัตถุมงคลเนื้อโลหะรูปแบบอื่น ๆ ปรากฏว่า แผ่นโลหะจารอักขระ ของคณาจารย์รูปอื่น ๆ ต่างหลอมละลายหมดแต่กลับมี แผ่นโลหะจารอักขระ แผ่นหนึ่ง ไม่ยอมหลอมละลาย สร้างความประหลาดใจให้กับนายช่างและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นมาก นายช่างจึงทำการตักเอาแผ่นโลหะจารอักขระแผ่นนั้นขึ้นมาตรวจสอบปรากฏว่าเป็นของท่าน พระครูใบฏีกาเทียม สิริปัญญโญ หรือที่รู้จักกันดีคือ หลวงปู่เทียมวัดกษัตราธิราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่นั้นมา หลวงปู่เทียม จึงเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักแสวงหาวัตถุมงคลในยุคนั้น
ซึ่งในความเป็นจริง หลวงปู่เทียม นับเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณที่รู้จักกันดีของชาวพระนครศรีอยุธยามาช้านานแล้วและยอมรับว่าท่านเป็นผู้สำเร็จ ตำราพิชัยสงคราม ของ สมเด็จพระพนรัตน์ แห่งวัดป่าแก้วซึ่งเป็นพระอาจารย์ของ พระมหากษัตริย์ยอดนักรบไทย ซึ่งก็คือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้ทรงคุณอันประเสริฐและยิ่งใหญ่ในแผ่นดินไทยและเหตุที่บอกว่า หลวงปู่เทียม สำเร็จ ตำราพิชัยสงคราม ก็เพราะท่านนับเป็นผู้ที่มีความเพียรพยายามศึกษาตำราพิชัยสงคราม ซึ่งสืบทอดมาจาก สมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว ที่ตกทอดมาถึง วัดประดู่ทรงธรรม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา& เพราะเป็นวัดที่มีสำนักเรียนตำราพิชัยสงครามสืบทอดมาแต่ครั้งกรุงเก่าซึ่งมีพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณ สำเร็จการศึกษาพระเวทวิทยาคมอันเป็นส่วนหนึ่งของตำราพิชัยสงคราม (ตำราพิชัยสงครามก็คือตำราที่ว่าด้วยความมีชัยชนะในการต่อสู้ และการต่อสู้ในที่นี้หมายถึงการต่อสู้ในราชการสงคราม) มากมายหลายท่านที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็คือ พระพุทธพิถีนายก (บุญ ขันธโชติ) หรือที่นักสะสมทั่วไปเรียกท่านว่า หลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม รวมทั้ง หลวงพ่อน้อยวัดธรรมศาลา อ.เมือง จ.นครปฐม โดยเฉพาะ หลวงพ่อน้อยวัดธรรมศาลา รูปนี้ก็ได้เคยบอกต่อศิษย์เอกของท่านผู้หนึ่งที่มีตำแหน่งเป็น ผู้พิพากษา แต่สนใจในเรื่องของวิทยาคมและวัตถุมงคลที่เคยเรียนถามท่านว่า เมื่อสิ้นหลวงพ่อน้อยแล้วจะมีพระคณาจารย์รูปใดอีกที่พอจะพึ่งพาด้านวิทยาคมบ้าง หลวงพ่อน้อยก็ตอบว่าให้ไปหา หลวงปู่เทียมวัดกษัตราธิราช และต่อมาท่านผู้พิพากษาก็เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงปู่เทียมตามคำแนะนำของ หลวงพ่อน้อย หลังจากที่ท่านสิ้นแล้ว
"พระนางพญา เนื้อผงสีดำ หลังลายผ้า" ได้ประกอบพิธีร่วมในพิธีเททองหล่อและพิธีมหาพุทธาภิเษก "พระพุทธกษัตราภิมงคล" วัดกษัตราธิวาสเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2519 โดยในหลวงและพระราชินีรัชกาลปัจจุบัน และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จฯทรงประกอบพิธีเททองหล่อ และทรงประกอบพิธีกดพิมพ์นางพญาเนื้อผงสีดำเป็นปฐมมหามงคลราชาฤกษ์
"พระนางพญาเนื้อผงสีดำ หลังลายผ้า" เป็นเนื้อผงใบลานเผาสูตรเดียวกับ "พระกริ่งคลองตะเคียน" และ "พระนาคปรก 3 เศียร" รุ่นแรกของหลวงปู่เทียม ที่สำคัญมีผงพุทธคุณที่ลบมาและมีชิ้นส่วนพระกริ่งคลองตะเคียนที่ชำรุดผสมลงไปด้วย เรียกว่า พระนางพญารุ่นนี้ ใช้แทนพระกริ่งคลองตะเคียนได้อย่างมิต้องสงสัย |
ราคาเปิดประมูล | 100 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 2,200 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 50 บาท |
วันเปิดประมูล | - 27 มิ.ย. 2558 - 18:00:35 น. |
วันปิดประมูล | - 05 ก.ค. 2558 - 07:54:23 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
ผู้ตั้งประมูล | Deema (1.9K)
|